เกมคัดบอลโลก นัดสุดท้าย ของ “ทีมชาติไทย” แม้จะไม่มีผลต่อการเข้ารอบแล้ว แต่ยังมีความหมายทั้งในเรื่อง “ศักดิ์ศรี” และ “อันดับ 3”

จากผลแข่ง มาเลเซีย แพ้ เวียดนาม 1-2 ส่งผลให้ขุนพล “เสือเหลือง” หมดลุ้นเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายเอเชีย ตาม ทีมชาติไทย ไปเรียบร้อยเช่นกัน

สรุปตารางคะแนน กลุ่ม G ณ เวลานี้ (ตามภาพประกอบ)



โปรแกรมนัดสุดท้าย 2 คู่ เตะพร้อมกัน วันที่ 15 มิถุนายนนี้ เวลา 23.45 น. ตามเวลาไทย

ยูเออี พบ เวียดนาม และ ทีมชาติไทย พบ มาเลเซีย

จะเห็นได้ว่า นัดสุดท้ายมีความหมายทั้งการแย่งตำแหน่งแชมป์กลุ่มระหว่าง เวียดนาม กับ ยูเออี และการแย่งอันดับ 3 ของ ทีมชาติไทย กับ มาเลเซีย

แชมป์กลุ่ม จะการันตีเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายเอเชียโดยอัตโนมัติ สำหรับ เวียดนาม ถ้าชนะหรือเสมอ ยูเออี พวกเขาจะจบอันดับ 1 ของกลุ่มทันที

แต่ถ้า เวียดนาม แพ้ ยูเออี จะทำให้ เวียดนาม จบอันดับ 2 ต้องไปลุ้นคะแนนหลังตัดผลการเจอกับ อินโดนีเซีย (-6 แต้ม) แล้วไปเทียบกับอันดับ 2 ของกลุ่มอื่นๆ ซึ่งจะคัด 5 ทีมที่ดีที่สุดเข้ารอบต่อไป เนื่องจาก กาตาร์ เจ้าภาพบอลโลก 2022 ที่ได้แชมป์กลุ่ม E จะไม่เข้าแข่งขันในรอบนี้

ส่วนการแย่งอันดับ 3 จะมีผลต่อการเข้าแข่งขัน “เอเชียน คัพ 2023” รอบคัดเลือก โดยจะมี 24 ทีม ที่ไม่ได้ไปต่อในรอบ 12 ทีมสุดท้าย ร่วมแข่งขัน

เกมสุดท้ายของ ไทย กับ มาเลเซีย จึงยังมีความหมาย นอกจากอันดับบนตารางคะแนนแล้ว ยังมีคำว่า “ศักดิ์ศรี” ของสองชาติเพื่อนบ้านอาเซียนค้ำคออยู่

โดยเฉพาะ “ช้างศึก” นัดแรกบุกไปแพ้ “เสือเหลือง” มา 1-2 จึงควรต้องชนะ เพื่อกู้หน้าและคว้าอันดับ 3 ที่จะการันตีได้ไปแข่งขัน “เอเชียน คัพ 2023” รอบคัดเลือก (24 ทีม) โดยไม่ต้องไปลุ้นเพลย์ออฟ

หลายคนอาจมองว่า ต่อให้ ไทย แพ้ มาเลเซีย แล้วจบอันดับ 4 ก็ยังน่าจะเป็นอันดับ 4 ที่ดีที่สุด ที่ไม่ต้องเพลย์ออฟอยู่ดี

แต่อย่าลืมว่าความพ่ายแพ้ จะทำให้ “ศรัทธา” ของแฟนบอลไทยถูกพรากไป และคงต้องใช้เวลาในการกู้มันคืนกลับมา



ผลงานการตกรอบชนิดหอบนักเตะมา ยูเออี ตั้ง 40 กว่าชีวิตแล้วเก็บชัยไม่ได้เลยซักนัด แถมยังเสียประตูทุกนัดนับตั้งแต่แมตช์อุ่นเครื่องจนไปถึงเกมทางการแบบนี้ มองมุมไหนก็เป็นผลงานที่ยากจะรับได้

เพราะฉะนั้น เกมกับ “เสือเหลือง” คือเกมที่ ทีมชาติไทย ต้องชนะสถานเดียวเท่านั้น เพราะมันคือชัยชนะที่จะชะโลมความผิดหวัง และ “ล้างอาย” จากการบุกไปพ่ายแพ้มาในครั้งก่อน

จากการคำนวณคร่าวๆ หากไทยสามารถยัดเยียดความปราชัยให้มาเลเซียได้สำเร็จ อันดับฟีฟ่าของเราจะไม่หล่นไปไหนไกล คาดว่าจะยังเกาะกลุ่มอยู่แถว 100 นิดๆ ซึ่งอันดับที่ว่านี้เพียงพอที่จะให้เรายังเกาะกลุ่มทีมวางโถ 1 ในการจับฉลากแบ่งสาย และอาจถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะส่งเราให้ได้กลับไปเล่นบอลชิงแชมป์ทวีปรอบสุดท้ายอีกครั้ง

จบภารกิจคัดบอลโลก จะมี ฟีฟ่า เดย์ ในเดือนกันยายนและตุลาคม ถึงเวลานั้น น่าสนใจว่า อนาคตของกุนซืออย่าง อากิระ นิชิโนะ จะยังอยู่กับทีมชาติไทยหรือไม่? และนักเตะจะเป็นอย่างไรต่อไป?

นอกจากนั้น ปลายปี ยังมีทัวร์นาเมนต์สำคัญรออยู่อีกเพียบ (ถ้าไม่เลื่อน) ทั้ง เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ, ซีเกมส์, ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2022 รอบคัดเลือก และ เอเชียน คัพ 2023 รอบคัดเลือก ที่จะลุ้นกันข้ามปี

แต่ถึงอย่างไร ทัพ “ช้างศึก” ก็ต้องเดินหน้าต่อ และลืมความผิดหวังให้เร็วที่สุด

ที่สำคัญคือ ความชัดเจนในเรื่องอนาคตของ “อากิระ นิชิโนะ” ว่า จะได้ไปต่อ หรือ พอกันที?

ส่วนตัวคิดว่า ปลดโค้ช ไม่ใช่คำตอบแต่เป็นคุณภาพลีกในประเทศ คุณภาพโค้ช ตั้งแต่บอลเด็กขึ้นมาเลย


ถ้านักเตะคุณภาพไม่ดีพอ
จะโค้ชคนไหน มันก็จนปัญญา
เพราะมันเล่นตามที่สั่งไม่ได้

อย่าลืมค่าจ้างนิชิโนะแพงนะครับ แต่ทำทีมไม่ได้ก้าวข้ามอาเซียน ตุณภาพไทยลีกของเราสูงนะครับเริ่มมาถูกทางแล้ว

ถ้านัดสุดท้ายแพ้มาเลเซีย ผมอยากรู้ว่านิชิโนะยังกล้าอยู่ต่อไหม นักเตะไทยเตี้ยแต่เล่นบอลยาว เล่นเกมรับ

เราต้องมองไปที่ฟุตซอล ทำไมไทยอยู่อันดับต้นๆของโลก แต่ฟุตบอลอยู่อันดับร้อยกว่าของโลก ทำไมสเปนผ่านมากี่ปี

พวกเขายังเน้นเล่นบอลพื่นไม่เคยเปลียน เพราะเขาเลือกโค้ชไงครับ เทคติคโค้ชที่เน้นบอลพื่น เด็กไทยตัวเล็กสปีดดี

มีปัญหาใหญ่ 2 จุด ความฟิต และ ความแข็งแกร่ง ต้องวิ่งให้ได้ 90นาที ความแข็งแกร่ง คือ ทำตัวหนาเบียดล่มยาก

แบบเจ้าเจ ตัวเล็กแต่เขาตัวหนา ความฟิตดี สปีดดี ทำให้สู้คนตัวใหญ่ได้ ฉุดกระชากยังไงก็เอาเจไม่ลงง่ายๆ

ผมอยากให้โค้ชเลือกนักเตะที่ความฟิตอันดับแรก แล้วค่อยใส่เทคติคลงไป ส่งบอลง่ายๆ เล่นบอลพื่น วิ่งกันทุกคน

อีกเรื่องที่บทความไม่พูดคือ ทีมชาติไทยเจอโควิดกลางแคมป์ จนที่สุดต้องกระเตงไปสี่สิบกว่าคนเพื่อมาคัดทีหลัง ตัวคีย์แมนอย่างอุ้มและเจก็ไปไม่ได้ มันกระทบกับผลการเล่นอยู่แล้ว
รวมถึงระบบของสมาคมที่นับตั้งแต่ยกเลิกระบบผู้จัดการทีมชาติไป สมาคมก็ไม่ตั้งใครเป็น ผอ.เทคนิคทีมชาติ (ทีมชาย) เป็นกิจจะลักษณะนะครับ ส่งแต่คนประสานงานซึ่งอำนาจสิทธิ์ขาดก็สู้ ผอ.ไม่ได้อยู่แล้ว
ถ้าให้เฮ้ดโค้ชทำทุกอย่าง ก็ไม่ได้ต่างจากสมัยที่ซิโก้คุมในช่วงบังยียุคสองเลย

ส่วนอนาคตของโค้ชนิชิโนะ ตอนแรกว่าขึ้นกับเอเชียนคัพ แต่ดูจากการจัดการแล้ว นัดเจอมาเลเซียนี่แหละที่ชี้ชะตาว่าจะได้ไปต่อหรือไม่ ถ้าไม่ นอกจากต้องหาโค้ชใหม่แล้ว ก็อยากให้ตั้ง ผอ.เทคนิคทีมชาติ จริงๆ จังๆ ดีกว่า เพื่อจะกำหนดทิศทางทีมชาติได้ว่าควรเล่นแบบไหน คัดตัวอย่างไร แบบที่ชาติอื่นๆ เขามี
นายกสมาคมจะมาลงเองทุกอย่างแบบตอนตนควบตำแหน่งในไทยลีกก็ใช่ที่