บอลไทยในมุมมอง ปูน–ธนบดี คัชมาตย์
ผมก็ไม่ได้รู้จักแกนะ แต่เห็นคนแชร์เยอะ เลยเอามาแบ่งปันครับ
เรื่องบอลไทยในมุมมองผมนะ
จริงๆไม่ได้รู้สึกอยากวิจารย์นักเตะและโค้ชเลย
เอาเป็นว่าวิจารณ์ในฐานะที่เคยมีส่วนร่วมเล็กๆน้อยๆในวงการบอลไทย ตอนเล่นก็ไม่ได้เก่งกาจอะไร
จะลองพูดตามความเข้าใจฟุตบอลเท่าที่มีและเท่าที่เห็นละกันนะ
1. เรื่องแรง ไม่รู้ดิ ดูบอลเมืองนอกเมืองนาเราก็เห็นว่าทีมที่มีแรงเพลสซิ่งมักจะเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จ อย่าบอกว่าบาซ่า แมนซิไม่เพลสซิ่งนะ เวลาเสียบอลนี่เพลสพร้อมกันอย่างโหด พอมาถึงบอลไทย มันเพลสซิ่งแบบนั้นไม่ไหวหรอก กูเคยเล่นกูรู้ คือมาตรฐานความเข้มข้นการซ้อมในไทยไม่ใกล้เคียงต่างประเทศมาตั้งแต่เยาวชนแล้ว เอางี้เอาเท่าที่รู้นะ โปรแกรมซ้อมในไทยตั้งแต่เด็กจนโตก็จะเริ่มด้วยเล่นลิง ยืดกล้ามเนื้อ วิ่งจ๊อกวอร์มสัก 5 รอบ มาเข้าระบบ จะเข้าทำประตู จะนั่นนี่ จบด้วยระบบทีม สมอลไซส์ หรือลงทีม ยืดกล้ามเนื้อกลับบ้าน ในหนึ่งสัปดาห์ก็จะมีเน้นที่ฟิตเนสสัก 1 มื้อ ส่วนใหญ่ก็วิ่ง 7 รอบ 12 นาที ซึ่งพวกกูโกงยับ ลัดสนามบ้างอะไรบ้าง โค้ชคนไหนซ้อมกูหนักก็พร้อมที่จะบ่นกันทั้งทีม จนโค้ชต้องประนีประนอม (สงสารโค้ชเหมือนกันทำเชี่ยไรก็โดนเด็กบ่น ที่นี้ลองมาเปรียบเทียบกับประเทศใกล้ๆอย่างเกาหลี ผมเคยไปซ้อมกับทีมในเกาหลีอยู่สามเดือนตอนอายุ 16 ขวบ เยดเข้ บอกเลยว่าบ้าไปแล้ว ร้องไห้โทรหาแม่ฝอยากกลับบ้าน เดือนแรกคือหายนะ โปรแกรมคร่าวๆทำแบบซ้ำซากทุกวันดังนี้ ตีห้าตื่นไปวิ่งขึ้นลงเขาจับเวลาแบบก้าวยาวตลอด บางช่วงชันถึงขนาดต้องปีนใช้มือช่วย กูเข้าที่โหล่ทุกวันตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้าย กลับมากินข้าวกินปลา นอนกลางวัน บ่ายสามซ้อมเย็น เริ่มด้วยจ๊อกรอบสนาม1ชั่วโมงเต็ม ถ้าเป็นบ้านเราก็คงชิลแหละจ๊อกไปคุยไป แต่ไอ้ห่าไม่มีใครคุยกะกูเลย แม่งวิ่งก้าวยาวเหมือนตอนกูเทสที่ไทยตลอดการวอร์ม เสร็จก็มาเข้าทำสามคนอ้อมหลังโน่นนี่แต่แม่งให้ทำเต็มสปีดทุกอย่าง จบลงทีมคล้ายๆที่ไทย ใส่กันอย่างกะแข่งแช้มเปี้ยนหลีก กลับไปกินข้าวด้วยความเหนื่อยล้านึกว่าจบ สองทุ่มซ้อมอีกมื้อ! ไอ้สัสเป็น session แก้ไขข้อบกพร่องส่วนตัว จบหนึ่งวันแล้วทำซ้ำเช่นนี้ 3 เดือน กูร้องไห้ทุกวันเดือนแรก เดือนที่สองร้องน้อยหน่อย เดือนที่สามไม่ร้องแต่หัวใจกูตายด้านไปแล้ว พรางคิดในใจ เกาหลีแม่งซ้อมบอลโคตรงั่ง ทักษะโคตรกาก สรุปกลับมาไทย พอแข่งเท่านั้นแหละ งงเลยทำไมกูเก่งขึ้นเยอะจังวะ เออสรุปกูฟิตสัสตอนนั้น ผ่านไปเดือนกูกลับมาเป็นปูนคนเดิม ที่ไม่ฟิต ขี้บ่น เล่นตามใจตัวเอง
2. เรื่องทัศนคติ จะเห็นว่านักบอลไทยที่โตมากับวัฒนธรรมต่างชาติ จะเคลื่อนที่ตอนไม่มีบอลทั้งรุกและรับได้ดีกว่านักบอลที่โตในไทยหลายขุม อย่างแรกเลยก็ย้อนไปที่ข้อหนึ่งเรื่องความฟิต แต่ก็ไม่ใช่แค่นั้นอีก ตั้งแต่เด็กจนโตกูไม่เคยถูกโค้ชคนไหนสอนให้เช้าใจอย่างละเอียดเลยในการเคลื่อนที่ตอนตัวเองไม่มีบอล ทุกคนจะเน้นไปที่คนที่มีบอลเสมอ เพราะฉะนั้นเรื่องการเคลื่อนที่ตัวเปล่าความเข้าใจกูผิวเผินมาก ไม่น่าจะเข้าใจเกินพวกเธอที่ดูบอลอังกฤษและวิจารณ์ทุกสัปดาห์หรอก ทั้งๆที่กูเคยเป็นนักบอลที่อยู่ระบบอคาเดมี่ชั้นนำของไทยนะ แล้วเพื่อนๆน้องๆกูหลายๆคนเนี่ยแหละก็ก้าวไปเป็นกำลังหลักในทีมชาติไทย
3. บอลเยาวชนที่เน้นความสำเร็จมากกว่าพัฒนา ปีนึงเด็กไทยตั้งแต่ 12 ขวบแข่งรายการหลักกันอย่างต่ำ 4 รายการ รวมๆแมทช์ที่แข่งน่าจะพอๆกับนักเตะอาชีพ ทั้งแข่งบอล ทั้งต้องเรียนให้ทันเพื่อน นั่นแหละชีวิต หลายคนหยุดพัฒนา ตัวเก่งๆหลายคนอิ่มตัวก่อนจะ20 ด้วยซ้ำ
4. กรรมการบอลไทย นกหวีดหวานตั้งแต่บอลเด็กยันบอลอาชีพ ไม่พูดเรื่องเป่าไม่มีมาตรฐานละกันนะ เอาเป็นว่าเป่าง่ายชิบหาย กูนี่แกล้งล้มยังไงก็ได้ฟาล์ว แอบคิดง่าเราติดนิสัยล้มง่าย ไม่กล้าเข้าบอลจริงจังหนักทุกดอกแบบต่างชาติ ส่วนหนึ่งเพราะกรรมการนี่แหละ
5. ความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่มากไป แต่สมัยนี้น่าจะดีขึ้นเยอะแล้วนะ เมื่อก่อนคงยากจะเห็นเด็กที่ขึ้นมาเล่นในชุดใหญ่ได้ก่อน 20 ปี ความกดดันที่ดาวรุ่งขึ้นมาเล่นร่วมกับพี่ๆนั้นมหาศาล รุ่นพี่ดีๆก็มีนะ แต่ก็มีบางส่วนด่าทุกดอก สอนทุกช็อต พูดตรงๆนะบางทีกูมองออกแหละว่าพวกมึงกลัวน้องแย่งตำแหน่ง แล้วน้องแม่งก็ห้าวหาญกล้าเล่นแบบเวน รูนี่ยุคนั้นไม่ได้หรอก มึงเถียงมึงก็โดนกลับไปตบโดนคนในทีมแบน เผลอๆโค้ชแบนอีก กว่าจะเก่งกว่าจะพัฒนากว่าจะกล้าเล่น บางทีมึงต้องรอก้าวขึ้นมาเป็นรุ่นพี่ก่อน
6. เหนื่อยแล้วอะมีอีกหลายอย่างเลยที่รู้สึก แต่แค่นี้ก็ยาวไปละ เออมีเริ่องนึงที่อยากเล่า ตอน12 ขวบไปแข่งที่ญี่ปุ่น แม่งสูบบอลแข็งมากกกก แข็งกว่าที่ผู้ใหญ่เตะเยอะ เด็กเราเตะบอลยิงบอลไม่ขึ้นเลย แต่เด็กญี่ปุ่นเล่นเหมือนปกติ ทางนั้นให้เหตุผลว่าที่ญี่ปุ่นทำแบบนี้กันปกติทุกหนแห่ง เพราะว่าเขาอยากให้เด็กของเขาวางเท้าอย่างถูกต้องตั้งแต่เด็ก เพราะถ้าวางเท้าถูกน้ำหนักของบอลจะไม่ใช่ปัญหา เยดเข้ ฟังแล้วยอม แล้วแม่งบอกแม่งทำเหมือนกันทั้งประเทศ
7. ที่พิมพ์มาทั้งหมดถ้าถามหาทางแก้ไขกะผม ยังไงก็คงไม่มีคำตอบให้ เพราะผมมันก็แค่อดีตนักบอลห่วยๆ ปัจจุบันเป็นนักเลงคีย์บอร์ดที่ยกโทสับขึ้นมาพิมพ์บ่นเมื่อหมดเบียร์ขวดที่สาม แต่ถ้าจะให้บอกใบ้สั่วๆก็จะบอกให้ “มึงอย่าโทษโค้ชโทษเด็กตอนนี้เลย เต็มที่แล้วล่ะ กลับไปตั้งใจดูเด็กตั้งแต่10ขวบโน่น แล้วก็ไปดูงานตปทกันบ่อยๆ ไปดูจริงๆนานๆหน่อย มึงไปกันอาทิตย์สองอาทิตย์เขาเรียกไปเที่ยว”
https://www.facebook.com/poon154/posts/10158382965237123