ปิดนานขนาดนี้ ร้านอาหาร คนอาชีพกลางคืนอยู่ยังไงกันครับ
อ้างอิงจาก:
เมื่อร้านงานคราฟท์ดิฉันได้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่น2,000,000เยน ในการขอความร่วมมือปิดให้บริการ
ห่างหายกับการโพสต์ลงเพจมานานเหตุเพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาเชื่อว่าหลายคนคงวุ่นวายใจกับข่าวสถานการณ์โควิดในไทยที่เจอผู้ติดเชื้อมากขึ้นใช่ไหมคะ ส่วนทางญี่ปุ่นนี้ก็ไม่ต่างกันเลยค่ะ ช่วงนี้ทางผู้ว่าโตเกียวขอความร่วมมือให้พิพิธภัณฑ์และแกลเลอรี่ในโตเกียวยังคงปิดให้บริการยาวไปถึงวันที่31 พฤษภาคม จึงทำให้ดิฉันไม่สามารถลงโพสต์เกี่ยวกับงานศิลปะให้ได้อ่านมากนักนะคะ อีกอย่างดิฉันคิดว่าในสถานการณ์ที่เรากำลังต้องเผชิญกับโรคระบาดและการที่ต้องประคองธุรกิจการงานของตัวเองไปพร้อมๆกันเป็นเรื่องที่ยากลำบาก คงยังไม่ใช่เวลาในการเสพงานศิลป์ได้อย่างสบายใจแน่นอนค่ะ ซึ่งตอนนี้ธุรกิจการเปิดร้านขายงานคราฟท์ไทยที่โตเกียวก็เรียกได้ว่าต้องหยุดไปเช่นกันค่ะ
.
แต่หลายวันที่ผ่านมาดิฉันเห็นข่าวผู้ประกอบการในไทยที่ต้องเผชิญกับการเปิดร้านแต่ไม่สามารถนั่งทานในร้านได้ หรือการเปิดห้างแต่ไม่มีคนเดินผลมาจากคำสั่งจากรัฐบาล ทำให้ร้านค้าต่างๆต้องแบกรับภาระค่าเช่าร้าน ค่าแรงงานจ้างคน และการสั่งปิดผับบาร์ต่างๆ ดิฉันจึงอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบของรัฐบาลในเรื่องของเงินช่วยเหลือที่รัฐควรจะจัดสรรให้กับห้างร้านที่พวกเขาเสียภาษีมาโดยตลอด วันนี้ดิฉันจึงอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่นให้อ่านกันค่ะ (เพราะอยากจะให้รัฐบาลเราช่วยเหลือSMEsรายย่อยแบบที่นี่บ้าง)
.
กระดาษใบนี้แปะอยู่บนข้างฝาโต๊ะทำงานดิฉันได้1ปีแล้ว เป็นกระดาษที่ทำให้มีกำลังใจที่จะทำธุรกิจอยู่ที่ญี่ปุ่น กระดาษใบนี้ส่งมาเมื่อปีที่แล้วจากรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่าบริษัทคุณได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ 2,000,000 เยน (580,000บาท)หลังจากญี่ปุ่นประกาศให้ทุกกิจการขอความร่วมมือปิดร้านเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งปีที่ผ่านมานั้นน่าจะขอให้ปิดไป3เดือนได้ค่ะ นอกจาก2ล้านเยนเป็นความช่วยเหลือของรัฐแล้ว ยังมีเงินช่วยจากเมืองโตเกียว ที่ช่วยห้างร้านอีกเดือนละ 500,000เยน โตเกียวให้2เดือน เท่ากับแต่ละร้านได้เงินช่วยเหลือประมาณ 3,000,000เยน โดยจ่ายให้เป็นสาขาๆไป เช่นถ้ามี 3สาขา ก็ได้สาขาละ3ล้านเยนไปเลย (ในการปิดฉุกเฉินปีที่แล้วนะคะ) การได้รับเงินไม่มีสิ่งใดยุ่งยาก เพียงให้ทางบัญชีบริษัทส่งรูปว่าเราแปะกระดาษปิดหน้าร้านตามกำหนดการขอร้องของรัฐ และยอดขายที่ตำ่ลงกว่าครึ่งนึงของยอดปีที่ผ่านมาเพียงเท่านั้น เงินก็จะถูกโอนตรงเข้ามาที่บัญชีบริษัทเราทันที ไม่ต้องมีการลงทะเบียนกันให้ระบบล่มเลยค่ะ
.
นอกจากการช่วยเหลือของรัฐที่ส่งตรงถึงห้างร้านบริษัทแล้ว รัฐยังคำนึงถึงค่าเช่าและรายได้ของลูกจ้างภายในร้านด้วย โดยทางรัฐจะออกเงินช่วยจ่ายค่าเช่าร้านให้อีก 2ใน3 ส่วนค่าจ้างลูกจ้างไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่เพราะร้านดิฉันไม่ได้จ้างพนักงานขายค่ะแต่รู้มาว่ารัฐช่วยจ่ายให้แน่นอนเพียงกรอกข้อมูลพนักงานส่งทางรัฐไปค่ะ
.
แต่ๆ! สิ่งหนึ่งที่ดิฉันอยากจะขออธิบายก่อนการนำเอาหลักการให้เงินของรัฐที่นี่ไปเปรียบเทียบกับไทยนั้น ต้องบอกก่อนว่าการที่รัฐจะสามารถให้การช่วยเหลือได้นั้นจะพิจารณาจากการมีตัวตนของบริษัท หมายความว่าคุณเปิดร้านค้าที่เข้าระบบบริษัท จ่ายภาษีจริง เมื่อคุณจ่ายภาษีจริงคุณก็จะได้รับเงินช่วยเหลือจริง เงินช่วยเหลือบุคคลก็เช่นกัน ที่นี่ทุกอย่างอยู่ในระบบตรวจสอบได้ง่ายมากเลยค่ะ เพราะแม้แต่ร้านค้าเล็กๆที่นี่ก็เข้าระบบการจ่ายภาษีที่ถูกต้องค่ะ ที่จริงการออกเงินช่วยให้กับบริษัทที่มีตัวตนแบบนี้อาจทำให้ร้านค้าต่างๆที่เปิดร้านโดยไม่ได้จ่ายภาษีอยากจะเข้าระบบเพื่อวันนึงจะได้ได้รับความช่วยเหลือด้วยจริงไหมคะ
.
ส่วนการช่วยเหลือรอบใหม่นี้รัฐเริ่มมีเงินช่วยได้ไม่มาก(แต่ก็พยายามจะช่วยนะคะ) ออกประกาศขอความร่วมมือปิดร้านเร็วขึ้นและห้ามนั่งทานในร้านอีกรอบ(ระยะสั้น) แต่จะขอจ่ายเป็นวันๆไป ถ้าคุณทำธุรกิจร้านอาหารร้านเหล้า ร้านกาแฟ และร้านที่อยู่ในห้างที่ถูกสั่งปิดทั้งหมดได้ไปเลยวันละ 60,000เยน (17,000บาท) ต่อสาขาต่อวัน ความที่ดิฉันเปิดร้านคราฟท์กึ่งแกลเลอรี่เล็กๆ จึงได้รับเงินช่วยเหลือวันละ 20,000เยน (5800บาท) มันก็พอที่จะทำให้ดิฉันปิดร้านได้แบบไม่กังวลใจถึงรายได้มากนัก
และตอนนี้เหมือนรัฐจะออกแคมเปญสำหรับบริษัทที่คิดจะริเริ่มโปรเจ็คใหม่ๆ เช่น บริษัทไหนที่จะต้องผลิตผลงานต้นแบบใหม่ๆ หรือจะเริ่มเปิดระบบขายออนไลน์ รึการบินไปคุยงานออกแฟร์ที่ใด สามารถที่จะขอเงินช่วยเหลือได้รัฐจะออกให้70% ดิฉันว่าเป็นการเตรียมตัวทำให้บริษัทต่างๆลุกขึ้นมาคิดสิ่งใหม่ๆเพื่อรอวันที่สถานการณ์ดีขึ้นมากๆ จึงไม่แปลกใจเวลาที่ญี่ปุ่นล้มแล้วจะลุกขึ้นเร็วเพราะมีการวางแผนกระตุ้นผู้ประกอบการให้ยังมีกำลังใจทำสินค้าใหม่ๆออกมารอวันที่ประเทศกลับมาเป็นปรกติอีกครั้งจริงไหมคะ
.
พอดิฉันได้มาอยู่ในที่ๆมีระบบและการช่วยเหลือที่ได้รับจริง และการเตรียมแผนรับมือด้านเศรษฐกิจแล้ว ดิฉันคิดว่ารัฐมีความจริงใจในการช่วยเหลือเพื่อประคองเศรษฐกิจอย่างแท้จริง (แม้ว่าในด้านการสาธารณสุขที่นี่รัฐบาลญี่ปุ่นจะถูกบ่นว่าล้มเหลวอย่างมากมายก็ตาม) แต่ดิฉันคิดว่าการมีคำสั่งใดๆของรัฐที่กระทบต่อเศรษฐกิจนั้นเป็นสิ่งที่รัฐควรจะต้องรับผิดชอบต่อธุรกิจที่เสียภาษีให้รัฐอย่างเสมอมา เป็นช่วงเวลาที่พวกเขาควรจะได้รับเงินช่วยเหลือจากภาษีของพวกเขาเอง ดิฉันคิดว่าการพยายามคิดกลยุทธ์เอาตัวรอดของแต่บริษัทเป็นเรื่องที่ทุกบริษัทควรจะต้องทำอยู่เสมอแม้ในยามไม่มีวิกฤต แต่สิทธิ์พื้นฐานที่พวกเขาควรได้รับการเยียวยาเป็นเรื่องที่รัฐควรจะให้ความสำคัญเป็นอย่างแรก การเสียภาษีให้รัฐของพวกเราก็คาดหวังการช่วยเหลือในวันที่มีวิกฤตเช่นนี้จริงไหมคะ
สำหรับดิฉันแล้วแน่นอนว่าการทำธุรกิจที่ญี่ปุ่นจะต้องเผชิญการจ่ายภาษีสุดโหดและการจ้างงานสุดแพง แต่เมื่อได้รับการเยียวยาแบบนี้จากรัฐบาลญี่ปุ่นทำให้ธุรกิจเล็กๆของดิฉันสามารถต่อลมหายใจอยู่ต่อไปได้ ดิฉันเห็นว่าการได้รับความช่วยเหลือแบบนี้เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ อยากจะเห็นทางรัฐบาลไทยลองพิจารณาใช้ดูบ้างนะคะ ดิฉันหวังว่าเพื่อนๆที่ทำธุรกิจอยู่ในไทยจะได้รับความช่วยเหลือในเร็ววันนะคะ เอาใจช่วยมากๆค่ะ
ป.ล. กระดาษใบนี้ดิฉันจะเอาไปเข้ากรอบไว้ ถึงคนญี่ปุ่นจะบอกว่าการได้รับเงินเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับคนไทยอย่างดิฉันแล้วคิดว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากเลยล่ะค่ะ
ที่ญี่ปุ่นอย่างดี
จากเพจ Sculptor's wife JP ครับ