ผมดูเชลซีมา 18 ปี ก่อนที่เสี่ยหมีจะเสกแชมป์พรีเมียร์ลีคมาประดับสโมสร ถ้าเป็นเรื่องราวก่อนหน้านั้นที่ผมผ่านงานไป ก็เป็นเรื่องที่ผมดูเทปวิดิโอ ศึกษาหาข้อมูลต่างๆ
แต่วันนี้จะเป็นความทรงจำล้วนๆเกี่ยวกับสิงโตน้ำเงินคราม
ขอตั้งชื่อบทความลิเกนี้ว่า
"สูตรสำเร็จเชลซี" แล้วกัน มันเป็นสิ่งที่ผมเห็นมาจนคุ้นชินไปแล้ว เดี๋ยวจะไฮไลท์+แทรกภาพให้มันดูอ่านง่ายหน่อย เขียนตามฟีลไปเรื่อยๆเพราะยังอินกับเกมเมื่อคืน
อันดับแรกเลย เกมรับที่เคี่ยว เหนียว แข็งแกร่ง
ถ้าเริ่มจากตรงนี้ก็ต้องผู้รักษาประตูก่อน เท่าที่ผมสังเกตมา Traditional Goalkeeper หรือพวกผู้รักษาประตูที่อ่านเกมส์ขาด ยืนตำแหน่งดี จิตใจนิ่งและมีความเป็นผู้นำสูง คือ สัญลักษณ์ของทีม
ผู้รักษาประตูเชลซี คือ นายด่านที่สัมผัสบอลน้อยที่สุดในบรรดาบิ๊กทีม สมาธิพวกเขาจึงต้องดีมากๆ มากแบบกอไก่สิบแปดตัว
พวกเขาต้องคอยกระตุ้นแนวรับเมื่อเกิดข้อผิดพลาด มีวุฒิภาวะมากพอที่จะเรียนรู้วิธีสื่อสารกับแข้งทุกเชื้อชาติ ทุกวัย ทำให้บรรดาตัวสำรองเด่นๆของทีมมักเป็นมือกาวประสบการณ์สูง
ดั่งเช่น คาโล คูดิชินี่, เอ็นริเก้ ฮิลาริโอ้ หรือ วิลลี่ กาบาเยโร่
ส่วนตัวจริงที่ส่งไม้ต่อกันมาแล้วประสบความสำเร็จ ล้วนมีสไตล์ที่ใกล้เคียงกันหมด
ปีเตอร์ เช็ค >>> ธิโบต์ คูร์กตัวส์ >>> เอดูอาร์ด เมนดี้
สิ่งหนึ่งเลยคือ Confidence ของทั้ง 3 คนสูงเป็นจุดแข็ง แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะรายหลังที่ผมสัมผัสได้ถึงภาวะผู้นำ มโนภาพพยากรณ์สวมปลอกแขนมาแบบลางๆเลยล่ะครับ
เมนดี้เคยให้สัมภาษณ์ว่า
เขาอยากเป็นผู้นำในห้องแต่งตัว โดยการพิสูจน์ให้เห็นทางฝีมือและเป็นเสาหลักให้ทีม ขณะที่ เกป้า อาริซาบาลาก้า อาจจะดูเหวอๆไปบ้าง แต่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า แพสชั่นและจุดเด่นอย่างการออกบอลก็ไม่ได้ด้อยกว่าใครเหมือนกันในช่วงเวลานี้
ในเกมล่าสุดคงเห็นกันแล้ว นอกจากเมนดี้ไม่กลัวที่จะตะคอกใส่แนวรับ
เกป้ายังยืนยิ้มแบบคนปิติยินดีช่วงก่อนหมดเวลาครึ่งหลัง เป็นอะไรที่เห็นแล้วปลื้มใจอย่างยิ่ง
รวมๆแล้ว...ผมชอบครับ
ต่อไปคือหัวใจเกมรับ
คุณลองนึกย้อนดีๆว่า เชลซีเคยขาดแนวรับ Key Man ไหม? ที่สำคัญคือพวกเขาไม่ใช่กองหลังธรรมดา ที่เก่งแค่การป้องกันหน้าด่านประตูเท่านั้น แต่พวกเขามี Buff เพิ่มความเก่งให้คนในทีม เหมือนตัว Support ในโลกเกมออนไลน์ก็ไม่ปาน
กองหลังเชลซีแต่ละคนมักเป็นพวกพี่ใหญ่ในห้องแต่งตัว ที่สามารถปลุกพลังงานบางอย่างในตัวรุ่นน้องออกมาได้ พวกเขาจะเข้าหากรรมการ เข้าหาโค้ชเพื่อพูดคุยถึงปัญหา จะเป็นมืออาชีพที่ดีให้คนรอบตัวเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
แถมตัวเองยังมีทีเด็ดจากลูกกลางอากาศในเกมรุกอีก พวกเขาเหล่านี้อันตรายมากในกรอบเขตโทษคู่ต่อสู้ และไว้ใจได้มากหน้าปากประตูของตัวเอง
จอห์น เทอร์รี่ >>> แกรี่ เคฮิลล์ >>> ธิอาโก้ ซิลวา
ครั้งหนึ่ง กัปตันเคฮิลล์คือหนึ่งในขุนพลผู้พิชิตเสือใต้ ณ เมืองมิวนิค ชายที่ ลีโอเนล เมสซี่ ยอมรับในฝีเท้าว่าโคตรของลับประจำลอนดอน
ขณะที่ ธิอาโก้ ซิลวา ก็ตัวไม่ได้สูงใหญ่อะไรเลย แต่สามารถวิ่งฉีกตัวประกบเพื่อหาช่องทำประตูจากลูกเซ็ทพีซได้หลายครั้ง เข้าไม่เข้าไม่รู้ แต่มันส่งสัญญาณให้คู่แข่งพึงระวังไว้ว่า "พวกเมิงอย่าพลาดนะ"
แล้วคู่หูคู่บุญล่ะ?
ชัดเจนว่ามีคนยืนก็ต้องมีคนป่วน
เชลซีแทบไม่มีช่วงเวลาที่ขาดกองหลังสายดาร์ค จอมตุกติก ผู้หลงรักในการปั่นประสาทคู่แข่งเลยนะ ซึ่งได้ผลดีแบบปิดทองหลังพระกับทีมมาโดยตลอด
บางจังหวะก็แซะ...บางจังหวะก็เตะ นักพากษ์ช่องต่างประเทศเคยบอกว่า มันเป็น Psychological Term ที่หนักหนาของแนวรุกคู่แข่ง
ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ >>> แอชลีย์ โคล >>> ดาวิด ลุยซ์ >>> โทนี่ รูดิเกอร์
ซึ่งผมเห็นด้วยเลยกับเกมกวนโอ๊ยนิดๆหน่อยๆของ
'รูดิเกอร์' วันนี้กับ 'อาซาร์'
หมอนี่ยังกล้าด่า เบน ซีเวลล์ ที่ชอบทำบอลลั่นด้วย ผมชอบจริงๆนะเพราะมันแสดงออกถึงความตั้งใจของทุกคนในทีม เกมจบ ทุกอย่างก็จบ
ต่อไป กองกลางตัวรับขนานแท้...แท้กว่าเนื้อบังโต
ไม่ต้องบรรยายอะไรมากกับ Makelele Role เพราะเดี๋ยวมันยาวเกิน ขี้เกียจพิม
เอาเป็นว่าพวกที่เล่นเกมรับเก่งจัด แย่งบอลได้แบบงงๆ เล่นง่ายๆอย่างมีประสิทธิภาพจากรุ่นสู่รุ่น
Makelele >>> Essien >>> Mikel >>> Kante
คุณอาจจะตลกที่ผมใส่ชื่อ จอห์น โอบี มิเกล ลงไป
ผมอยากให้คุณลองอ่านบทความอันอื่นที่ผมเคยเขียนอวยมิเกลเอาไว้ จากสถิติการเล่นเกมรับแบบเพียวๆของมิเกล มีคนเดียวที่เทียบได้ คือ
ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ นะครับ
จังหวะดวล 1-1 ของตัวตัดเกมสิงห์บลูแต่ละคนไม่ธรรมดาจริงๆ
มาพูดถึงคนปัจจุบันก่อน คือ นี่มันตัวอิดิทชัดๆ เกมรับก็ครบหมดจด ดันจ่ายบอลง่ายๆแบบคาดไม่ถึงอีก ทั้งยังสามารถลากบอลขึ้นหน้าไปเมคเพลย์ต่อได้อย่างไม่เคอะเขิน
ต่อไป เวลาไปไหนมาไหนต้องระวังให้ดีๆ เพราะเผลอๆเดินเข้าสภาประเทศไทย คุณอาจจะเจอก็องเต้วิ่งไล่บอลอยู่ก็เป็นได้
กองหน้าที่ตีนสาก สัญลักษณ์ความสำเร็จของเชลซี
จะเป็นใครมาจากไหน ถ้าแน่จริงก็มาแสตมฟอร์ด บริดจ์ เลย รับรองได้ว่าคุณจะโดนขยี้ไม่มีชิ้นดี
บัลลงดอร์ของเชว่า? ศูนย์หน้าผมบลอนด์เบอร์หนึ่งของโลก? หรือจะหนุ่มเมืองเบียร์ 30 เม็ด จาก 38 เกมส์ดีล่ะ? ไม่เห็นคมสักคน!!
แต่เดี๋ยวก่อนนะคุณ ผมไม่ได้ตั้งใจมาด่าจริงๆ เพราะมันคือความสำเร็จแบบไม่ได้ประชด
ผมจำได้ว่าฤดูกาลหลังได้แชมป์ UCL2012 เป็นต้นมา คือ จุดพีคที่สุดในสีเสื้อเชลซีของตอร์เรส แกใจสู้แบบสุดโคน มีส่วนร่วมกับทีมในเกมปกติเยอะมาก ทำประตูได้บ้างในช่วงเวลาที่ทีมต้องการ
ผมไม่รู้ว่าคุณจะจำกันได้ไหม แต่ตอร์เรสทั้งบีบเกมรับคู่แข่ง ลงมาล้วงบอล หลุดไปดวลกับผู้รักษาประตูแล้วจ่ายให้เพื่อนยิง ทำไงก็ได้ให้ทีมชนะ สำรองก็ไม่มีบ่น แต่เอาจริงๆนะ ผมดันอุ่นใจกว่าเห็น เดมบ้า บา ในชุดไลน์อัพ เพราะรายนั้นโดนชนนิดเดียวก็ขาอ่อน และไม่เคยมีช็อตทำชิ่งสวยๆกับเพื่อนติดตาผมเลย
มันตรงเป๊ะๆกับ ทิโม แวร์เนอร์
หมอนี่ยังมีสปีดต้นที่โคตรจี๊ดตามวัย พอใช้ให้เป็นประโยชน์ วิ่งพล่านมุดไปมุดมา สร้างจังหวะให้ทีมได้มากมาย อย่างลูกชิพของ ไค ฮาเวิร์ต นี่ นักเตะชุดขาวขาตายกันหมดแล้ว มีไอ้นี่แหละที่วิ่งไปเอาชัวร์ให้ทีม
พอมองในแง่ดี...ผมก็ด่าไม่ลง ฟังดูเหมือนอวย ซึ่งผมก็อวยแหละ ผมอวยตั้งแต่มู้ไลฟ์แล้วว่า วันนี้ทิโมเล่นดีมากๆ ถ้ามองเป็นทหารคนหนึ่งในแผนการรบ หมอนี่ก็ป่วนแคมป์ฝ่ายกบฎไม่มีพัก แค่ยิงใครไม่ตายสักคนก็เท่านั้น
ช่างปะไร ก็ให้เพื่อนยิงแทนแล้วกัน
สุดท้าย...สูตรสำเร็จสูตรเดียวที่ต่างจากที่ผ่านมา
ครั้งแรกที่ผมเห็น ฆวน มาต้า, ออสก้าร์ และอาซาร์ ในทีมเดียวกัน มันสุดยอดจัดเลยครับ
ผมเคยชินกับแฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่โจเซ่ มูรินโญ่ ส่งลงไปเปลี่ยนตัวตั้งแต่ครึ่งแรก เพราะโดนสเปอร์สนำ 0-2 แบบงงๆในบ้านตัวเอง แล้วป๋าก็ตะบันช่วยทีมตีเสมอมาได้
พอซัมมอน 'มาซาก้าร์' มาให้ ก็ตื่นเต้นดิ เชลซีจะกลายเป็นทีมเล่นบอลสวยงามแล้ว ไม่ต้องขึ้นเกมที่คนใดคนหนึ่งอีกต่อไป
ที่ไหนได้ ดีได้อยู่ไม่ถึง 10 เกม...สูตรเก่ามันเลยยังเป็นแบบเดิม 1 แบก 10 ในหลายๆครั้ง
แฟรงค์ แลมพาร์ด >>> ฆวน มาต้า >>> เอเด็น อาซาร์
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว มันคือ 11 คนไปด้วยกันแบบไปด้วยกันจริงๆ
ไม่มีใครแบกใคร ทุกคนช่วยกันวิ่ง-ช่วยกันเพรส-ช่วยกันบุก สองคนรับ-สามคนรุก ทีมเวิร์คเกมรุกแบบเต็มสูบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะมันมาพร้อมเกมรับที่เหนียวแน่นด้วย
วิงแบ็คก็เติมได้ เซ็นเตอร์ก็เติมได้ กลางรับก็เติมได้ หมุนเวียนกันอย่างสวยงามและเป็นระบบ
ผมเคยสบประมาท ไค ฮาเวิร์ต กับตัวเองครับว่า หมอนี่จะไหวเร้อ? มาตอนนี้ผมยอมแล้ว ทุกคนสามารถเชื่อมถึงกันได้แบบไร้รอยต่อ จุดเด่นที่เติมเต็มซึ่งกันและกัน ผสานกับจุดด้อยที่ถูกกลบด้วยกันทุกคน นี่คือเชลซีที่ผมเคยแอบฝันถึงมานาน ไม่ใช่แค่ฮาเวิร์ตเข้ากับมันได้ดี แต่ทุกคนในทีมก็เช่นกัน
เกมรับที่แข็งแกร่งไม่ทิ้งลายเชลซี กับเกมรุกรูปแบบใหม่ที่สวยงามไม่แพ้โค้ชคนอื่นๆ
เมสัน เมาท์ พัฒนาไปอีกขั้น, คริสเตียน พูลิซิซ ค่อยๆฟื้นความมหัศจรรย์, พร้อมกันกับทุกๆคนในทีมที่เล่นไหลลื่นขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้สนุกกับฟุตบอลและอยากเอาใจช่วยคนที่ยังไม่เข้าฟอร์ม เช่น 'พ่อมดแห่งอัมสเตอร์ดัม' ฮาคิม ซีเย็ค
ความรู้สึกมันบอกว่า เด็กๆชุดนี้ที่หลายคนย้ายเข้ามาตั้งแต่อายุถึง 23 ปีดี พวกเขากำลังเติบโตไปอีกขั้นจากโค้ชคนก่อน
แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้เปรียบเสมือนคุณพ่อ, ครอบครัว หรือไอดอลอะไรก็ตามแต่จะเรียก ใช่เลย มันหมดเวลาของพี่ชายคนนี้แล้ว ตอนนี้พวกเขาต้องลุกก้าวออกมาเดินด้วยตัวเอง เพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาเจ๋งพอที่จะสู้เพื่อสโมสรและแฟนบอลเชลซี แฟร้งค์ได้มอบโอกาสและทำดีที่สุดเพื่อทุกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว
'เดอะ แท็คติคเชี่ยน' คนใหม่คือหัวหน้าของพวกเขา!! เด็กๆกำลังก้าวข้าม Basic Session ของเกมระดับสูง ไปสู่ Advance Session ที่ไม่เคยเรียนรู้มาก่อน
มันราวกับว่า
"โอเค แฟร้งค์สอนนายแบบนี้ใช่ไหม? งั้นเราลองเอาอันนี้มาต่อยอดกันดูสักหน่อยเป็นไง!?!"
อย่างที่บอก ทูเคิ่ลเปรียบเสมือนคุณครูเท่ๆคนหนึ่ง ที่มอบความรู้และประสบการณ์ต่างแดนใหม่ๆ ปรุงรสด้วยส่วนผสมที่องค์กรเชลซีไม่เคยทดลองชิมมาก่อน เขากำลังค่อยๆสรรค์สร้างให้ทีมชุดนี้ก้าวไปสู่อีกระดับอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่บอลเปลี่ยนโค้ช แต่คือการเจียระไนสิ่งที่มีให้ส่องประกายมากขึ้น ที่เหลือให้อนาคตเป็นตัวชี้วัด
ได้ไม่ได้ UCL ไม่เป็นไร แต่ภูมิใจในตัวนักเตะชุดนี้มากๆ อย่างน้อยๆ พวกเขาก็จิตใจแข็งแกร่งขึ้น พิสูจน์เสียงวิจารณ์ด้วยผลงานในสนาม พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องตามกาลเวลา
ที่สำคัญ ผมว่า
'Tuchel-Ball' นี่แม่งโคตรเจ๋งเลยครับ