น่าแปลกใจว่าระดับ เปเรซ เกลเซอร์ อันเญลลี่ ทำไมถึงมีทีมงานประเมินสถานการณ์ที่ล้มเหลวพร้อมๆกันได้
เรื่องกระแสต่อต้านจาก FIFA UEFA หรือจากแฟนบอล มันไม่ใช่เรื่องที่เกินคาดเดาเลย มันควรจะอยู่ในกรอบของการประเมินความเสี่ยงมาเกือบ 10 ปีแล้ว เหตุการณ์แถลงการเข้าร่วม Super League จะเกิดขึ้นได้ก็เมื่อทุกทีมใหญ่เห็นว่าตรงนี้ไม่มีปัญหาก็เลยตัดสินใจสร้างปรากฏการณ์ให้โลกฟุตบอล


เหมือนการปฏิวัติที่เด็ดขาด ถ้าพลาดก็เป็นกบฏ โอกาสสำเร็จกับโอกาสพลาดมันก็มีทั้งคู่ ด้วยความที่ 12 ทีมชั้นนำของโลกมีอำนาจเงินเป็นสัดส่วนที่สูงมากเมื่อเทียบกับทีมที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ เป็นการตัดสินใจที่หากผลออกมาไม่สำเร็จก็จะเกิดความเสียหายใหญ่หลวง ทั้งเรื่องความศรัทธาของแฟนบอลจนไปถึงการต้องรับผิดชอบลาออกของผู้บริหาร การเดิมพันที่สูงขนาดนี้แต่ละทีมคงไม่ใช่แค่เสี่ยๆมานั่งล้อมวงจิบไวน์คุยกันแน่ๆ มันต้องระดับตั้งทีมงานมืออาชีพมาวิเคราะห์ทุกอย่างแล้ว) แต่ทำไมมันล้มเหลวในเวลาแค่ 2 วันเท่านั้น ตรงนี้เท่ากับว่าทีมงานไร้น้ำยาและขาดความรอบคอบอย่างมาก


ตอนนี้ทาง Super League ยังออกมาประกาศว่า แม้ว่าทีมอังกฤษทั้ง 6 ทีมจะถอนตัวออกไปแล้วแต่ Super League ก็ยังยืนยันที่จะมาต่อไป และยังยืนยันว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องต่อวงการฟุตบอล แต่เอาเข้าจริงๆลองนึกภาพ มาดริด-บาร์ซ่า-ยูเวนตุส-เอซีมิลาน เจอกันบ่อยๆมันดึงดูดไม่มากพอ ถ้าจะเทียบกับ แมนยู-มาดริด แมนซิตี้-บาร์ซ่า ลิเวอร์พูล-เอซีมิลาน คือความยิ่งใหญ่ของลีกมันมีจำนวนทีมใหญ่ไม่พอที่จะลากให้ Super League เกิดขึ้นจริงได้แล้ว


พวกเกลเซอร์ เฮนรี่ ก็ใจร้ายกับท่านเปเรซมากๆ แทนที่จะตกลงร่วมกันแล้วแถลงการณ์ยกเลิกพร้อมๆกันทั้ง 12 ทีม เหมือนตอนที่แถลงการณ์เข้าร่วมพร้อมๆกัน ดันชิงถอนตัวออกมาก่อน ปล่อยให้เปเรซ อันเญลลี่ เคว้งอยู่อย่างที่เห็น


แต่อาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับแฟนแมนยู ถ้ากระแสข่าวหลังจากที่เอ็ดลาออกและเกลเซอร์จะขายแมนยู เกิดมีผลเป็นความจริงในเวลาต่อมา เพราะตอนที่เจ้าชายซาอุจะมาซื้อ เกลเซอร์ก็กอดไว้เหนียวแน่นไม่ยอมขายสักที เลยทำให้แมนยูยังไม่มีชีคเหมือนซิตี้หรือเศรษฐีอาหรับเหมือน PSG ตามความต้องการของแฟนบอล

ถ้าบอกว่ายูฟ่าหมกเม็ด ทำไมไม่ตั้งรายการแบบไม่ต้องมีทีมถาวรดูตามผลงานแทนไม่ได้หละ หรือจริงๆก็ห่วงผลประโยชน์ตัวเองมากกว่าเหมือนกัน
ก็ตั้งรายการ เอาอันดับตามแต่ละลีคไรก็ว่ากันไป ทำไมต้องยืนทีมถาวรให้เค้าด่าว่าเห็นแก่ตัว รือจริงๆก็เห็นแก่ตัวจริงๆ แบบด่ายูฟ่าก็เลยหาทางออกแบบเห็นแก่ตัวบ้าง ก็แค่เกมส์การเมืองของกลุ่มคนเ็นแก่ตัวด้วยกัน

เกลียดยูฟ่า แต่ก็อยากผูกขาดเงิน

ไม่พลาดหรอก ผมเชื่อว่าเค้าประเมิณสถานการณ์ ไว้แล้วในกรณีแบบนี้

แต่ผมเชื่อลึกๆนะ การที่ทีมใหญ่ถอน
ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะยังเชื่อใจยูฟ่านะ

แผลยูฟ่าอะเหวอะละ

แล้วผมเชื่อว่า ESL เกิดแน่ๆ แล้วคอยดูว่าทีมใหญ่ก็ต้องแห่ไปเล่น

ถ้าต่อต้าน กีฬาของเมกัน
ทำไม NBA เมกันเกมส์ เบสบอล หรทออะไรต่างๆมันถึงอยู่ได้แทบแบบไม่มีผล
ผมเชื่อว่า ทีมใหญ่หกทีมรอออกมาดูสถานการณ์ของยูฟ่ามากกว่า
แล้วก็เชื่อว่ายูฟ่า ต้องเพิ่มเงินให้ทีมใหญ่พอใจนั่นละ

ปล. EPL ไม่กล้าตัดทีมใหญ่หกทีมหรอก

พลาดที่ก่อนจะประกาศตั้งEsl
ไม่โจมตียูฟ่าเพื่อสร้างความชอบธรรมก่อน
กลายเป็นไม่ได้อะไรซักอย่างยูฟ่าก็ยังเน่าเหมือนเดิม

RIP super league

ถ้าจะพลาดก็พลาดทั้งหมดนั่นแหละ ยกเว้นสองเสือแห่งเยอรมันไว้หน่อยละกัน

ตอนนี้ผมอยากเห็นมูฟต่อไปของเปเรซ ผมว่าระดับนี้มันต้องมีแผนรอไว้อยู่แล้วยังไงก็เสียผลประโยชน์ไม่ได้

ผมว่าพลาดอยู่นะ น่าจะหยั่งเสียง โยนหินถามทางดูก่อน ( หรือมีมาแล้วแต่ผมไม่ตามข่าว )

อันนี้มาตูมเดียว แถมรายละเอียดก็ยังไม่ครบ ไม่รู้ดีหรือร้ายขนาดไหน ( ไอ้ข้อ 12 ทีมก่อตั้งล็อกเข้าอัตโนมัตินี่ผมก็ไม่ชอบนะ แต่รอดูรายละเอียดเพิ่มเติมอยู่ว่ายังไงล็อกตลอดไปหรือแค่ปีสองปีแรก )

เห็นว่าที่จริงวันนี้ลาปอร์ต้าจะอธิบายรายละเอียดเพิ่ม แต่น่าจะไม่ได้พูดละมั้ง พับเก็บแผนไปปรับปรุงละ

เสียดายอยู่อยากรู้ว่าแก๊งค์นี้มั่นใจอะไร มีไพ่อะไรในมือถึงใจขนาดนี้ สุดท้ายไม่ได้เห็น

ผมว่าพลาด 12 ทีมที่ลงเรือกันมาตัดสินใจผิดพลาดอย่างรุนแรง ที่ทุกคนหวังคืบแต่จะเอาศอก จองสัมปทานอยู่โยงกันทุกราย

ทีมใหญ่ๆ มีกำลังมากกว่าในการที่จะได้รับสิทธิ์ให้เข้ามาเตะในลีกสูงสุดอยู่แล้ว แค่ขนาดของตัวเองก็ได้เปรียบคนอื่นเยอะอยู่แล้ว การกำหนดสัมปทานอยู่ยาวคือการทำลายการแข่งขันทุกระดับอย่างรุนแรง ถ้าฟอร์แมตของรายการเป็น 20 ทีมที่การันตีแค่ทีมที่ได้แชมป์เท่านั้นถึงจะได้รับเชิญให้กลับมาเล่นในฤดูกาลหน้า

ส่วน 19 ทีมที่เหลือต้องคัดเลือกกันเข้ามาด้วยระบบลีก เพลย์ออฟ

ตรงนี้อาจจะส่งผลให้การแข่งขันสูงขึ้นและผลตอบแทนแก่ทีมเล็กที่สามารถทะลุเข้ามาเล่นได้ดีขึ้นเพราะความ compressed ของรายการ ความเข้มข้น เงินรางวัลตอบแทน จากประสิทธิภาพในการจัดงาน & จำนวนทีมที่เข้าร่วมที่ลดลง แต่ความเข้มข้นจะไปอยู่ตามลีก local ที่ต้องคัดกันอย่างเข้มข้นมากขึ้น การแข่งกันในลีกนี้มันก็จะเดือดขึ้นแน่นอน

เพราะจุดขายคือการปรับโครงสร้าง ปรับขนาด ปรับรูปแบบการทำงานขององค์กรที่ดูแลรายการให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใสมากกว่า UEFA

จุดที่ทำให้องค์กรโปร่งใสคือมี 20 ทีมเป็นคู่แข่งกันในนั้น เวลาจะตัดสินใจทำอะไรก็ให้ใช้เสียงส่วนมากจาก 20 ทีมทั้งหมด

สิ่งที่จะไปดีลกับ UEFA FA FIFA คือเรื่องการแบ่งเงินรางวัลสนับสนุนพวก วงการฟุตบอลเยาวชน สตรี คนพิการ หรือพัฒนาในด้านอื่นๆตามที่ตกลงกัน

ตอนนี้ผลคือเอ็ดลาออกจากทั้งตำแหน่งผู้บริหารยูฟ่า และผู้บริหารแมนยู
อันเญลลี่ลาออกจากผู้บริหารยูฟ่า และกำลังจะลาออกจากยูเวนตุส
ถ้าเป็นการประเมินไว้แล้วว่าจะออกผลแบบนี้ ถือว่าทั้ง 2 ท่านนี้คือผู้เสียสละเพื่อวงการฟุตบอลเลยนะ

พลาดคือเอ็งไม่โยนหินถามทางคนในก่อนเลยนี่แหละ

คือเรื่องใหญ่ขนาดนี้อย่างน้อยเอ็งต้องคุยกับบุคลากรองค์กรก่อน อันนี้คือนอกจากบอร์ดบริหารกับประธานที่เหลือคือมารู้พร้อมข่าวออก

ก็เข้าใจแหล่ะว่ากลัวความลับรั่ว แต่คือเอ็งต้องเทสปฏิกิริยาคนในก่อน

ของเอ็ดเหมือนมีข่าวว่าแกวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะออก ถ้าจริงนี่คือดีลสปอนเซอร์ใหม่เสร็จ
ดีลดราม่า ESL แล้วก็ลีฟกรุ๊ฟ

ดูแล้วน่าจะพลาดตรงที่ตัดสินใจกันเอง

เพราะพวกคนที่ตัดสินใจกันเองเป็นพวกคนนอก คนอเมริกาอย่างเกลเซอร์, FSG, โครเอนเก้ ที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรมของฟุตบอลที่อังกฤษ ความคิดต่อเรื่องฟุตบอลของคนอังกฤษ คงไม่คาดคิดว่าจะเจอออกมาต่อต้านรุนแรงขนาดนี้จากคนที่นั่น ส่วนตัวผมเองก็เหมือนกันแหละไม่คิดว่าจะมีการต่อต้านรุนแรงแบบนี้ด้วย

บอกไม่ได้หรอกว่าพลาดไหม มันยังไม่จบ
ตอนนี้ก็มี 6 ทีมอยู่ ท่านเปเรชก็ยังไม่ออกมายุบ

เดี๋ยวพอเช้าของยุโรป เดี๋ยวได้ตามกันอีกรอบ

ส่วนฝั่งสเปนแฟนบอลก็ไม่ได้ก่อม๊อบอะไร
อิตาลี ก่อรึป่าวก็ไม่แน่ใจ

ได้แต่รอดูสถานการณ์วันต่อวัน

ควรเริ่มจากยอมเสียก่อน

ชี้ให้เห็นถึงที่มาที่ไปของเงินทั้งหมดและเงินที่ทีมได้รับจากUCL
ลดความสำคัญของUCLลง โดยใส่รายชื่อเด็กเยอะๆ เวลาลงแข่ง เอาให้เป็นมิกกี้เมาส์คัพไปเลย
แล้วค่อยต่อด้วยการไม่ให้ค่ากับอันดับโควต้าUCL(บอยคอต)
แฟนบอลจะเริ่มเข้าใจว่าควรมีการเปลี่ยนแปลง
แต่อย่างว่า นี่คือปรากฏการณ์ รู้งี้...