ผมขอแชร์มุมมองต่อ ESL นะครับว่าต้นตอของปัญหาจริงๆ ผมมองว่าพวกทีมใหญ่ๆ มีส่วนสำคัญมากที่ก่อให้เกิดปัญหาในปัจจุบันที่ไม่

สามารถแบกรับภาระทางการเงินได้ หรือแบกรับได้แต่คิดว่าอยากได้กำไรมากกว่าที่เป็นอยู่ (โลภมากนั่นเอง) นำมาซึ่งไอเดียธุรกิจสุดบรรเจิด

ที่จะรวบเอาเงินก้อนใหญ่มาแบ่งกันเฉพาะทีมใหญ่ๆ ปล่อยให้ทีมเล็กมองตาปริบๆ

ลองดูที่ค่าตัวนักเตะ และค่าเหนื่อยนักเตะในปัจจุบันเทียบกับเมื่อ 10-20 ปีที่แล้วสมัยที่ผมเริ่มดูบอล ริโอ รูนี่ รุด คันโตนา กิกส์ เบ็คแฮม

อองรี ตอเรส โซล่า ค่าตัว หรือค่าเหนื่อยแต่ละคนเทียบไม่ได้กับนักเตะปัจจุบันเลยซึ่งบางคนยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองมากมายนักใครเป็นคน

ประเคนให้ ก็สโมสรใหญ่ๆ เหล่านี้ไม่ใช่หรอที่อยากได้ตัวนักเตะมากจนยอมทุ่มมากมาย

ดังนั้น ผมมองว่าการก่อตั้ง ESL มันแก้ที่ปลายเหตุนะ พวกสโมสรใหญ่ๆ ถึงเวลาที่ต้องหันหน้าคุยกันเรื่องเพดานค่าเหนื่อยที่มันเฟ้อจนเกินไป

หรือค่าตัวที่มันโอเวอร์เกินไปได้แล้ว ก่อนที่ปัญหาเหล่านี้จะมาสร้างความลำบากทางการเงินให้กับสโมสรเองเนื่องจากเหตุการณ์ต่างๆที่ไม่

แน่นอนที่เกิดขึ้น เราอยู่ในยุค VUCA World นะครับ อะไรก็เกิดขึ้นได้

ความคิดการลดค่าเหนื่อยนักเตะ หรือ จำกัดเพดานนักเตะ ผมว่าไม่ได้สร้างภาระให้นักเตะเลย ลองคิดดู เช่น ลินการ์ด ได้รับประมาณ 100k

ประมาณ 4 ล้านบาทต่อสัปดาห์ หักภาษีแล้วเหลือประมาณ 2 ล้านบาท เดือนหนึ่งได้ 8 ล้าน พวกคุณทำงานกันนานเท่าไหร่ถึงได้เงิน 8 ล้าน

ไม่ต้องไปกลัวว่าช่วงเวลาหาเงินเค้าสั้น เค้าทำงานหนึ่งปี ไม่รู้ว่าชีวิตเราจะหาตังได้ขนาดนั้นรึเปล่า

อันนี้แอบเห็นด้วย เราต้องมองต้นน้ำไม่ใช่ปลายน้ำ แต่ทำยังไงได้ถ้าจะรื้อระบบโครงสร้าง เรื่องค่าเหนื่อย ค่าตัว มีหวังไม่ยอมกันแน่ๆ ผมมองว่าค่าเหนื่อย ค่าตัว มันโอเวอร์ไป

ผมว่าอาจจะต้องคิดรวมทั้งนักเตะยุคใหม่และนายหน้า

เอาตรงๆ มันไปต่อไม่ได้เพราะมันค่อนข้างผูกขาดนี่แหละ

รวมไปถึงอาจทำให้ระบบในลีก มีปัญหาเชิงโครงสร้างในอนาคตด้วย ดีไม่ดีลีกอาจล้มได้เลย

มันตายตรงประกาศระยะยาวทีมยืนพื้น15ทีมนี่แหละ(แต่ก็เข้าใจไม่งั้นดีลสปอนเซอร์แพงๆไม่ได้ เซ็นที3-4ปีอย่างต่ำ พวกนี้ต้องการยอดคนดูการันตี)

ถ้าประกาศแบบปีนี้15ทีมนี้ยืนพื้นสู้โควิด ปีหน้าปรับเป็นเฟ้นหาทีมเหมือนUCLน่าจะไม่ยับหมา(แต่ก็ไม่มีทางได้เงินเท่าเดิมแน่นอน)

ต้นตอจริงๆก็โควิดนี่แหละ

ใช่ครับ ปัญหาคือทำยังไงถึงจะรื้อโครงสร้างค่าเหนื่อยได้ คงต้องหันหน้าเข้าหากันพูดคุยแล้วแหละครับ อย่างน้อยอย่าให้มันเฟ้อไปกว่านี้ก็ยังดี ผมเชื่อว่าคนเก่งๆ ในวงการน่าจะมีไอเดียดีๆนะครับ ถ้าพูดคุยกันจริงจัง

การผูกขาด ความกากของยูฟ่า

บุนเดสลีกาโมเดล 50+1

ที่ว่าโลภมากนั่นอย่าใช้คำว่าสโมสรใหญ่ๆเลยครับ
ผมมองว่า"เจ้าของสโมสรใหญ่ๆ"มากกว่าครับ

มันไม่ใช่คนซื้ออย่างเดียวแหละครับ คนขายก็มีส่วน

คนซื้อเริ่มมีตัง ขายคนเริ่มขึ้นราคา
คนซื้อเริ่มมีตังมากขึ้นอีก คนขายก็ขึ้นราคาอีก
วนๆแบบนี้มาหลายปีแล้ว

ทุกวันนี้ค่าตัว Declan Rice, Jack Grealish, James Maddison ทะลุไป 60, 80 ล้านหมดแล้วเหมือนกัน
คนอยากซื้อก็ต้องไปหาตังให้มากขึ้นอีกเหมือนกัน

นายหน้าเองก็มีส่วน มันผิดไปทั้งระบบนั่นแหละ

ผมมองว่าปัญหาที่ว่ามาเกิดจากยูฟ่านั่นแหละ
เคสแมนซิ เคส PSG
โดยเฉพาะ PSG ซื้อเนย์มา เอ็มบัปเป้ 350 ล้าน ในซัมเมอร์เดียวได้
ถามว่าทีมใหญ่อื่นๆทุ่มสู้ทำไม
ผมมองว่ามันก็ต้องทุ่มสู้ ไม่งั้นศักยภาพทีมทั้งในและนอกสนามมันก็ตก
อย่างบาร์ซ่าเสียเนย์มาร์ไป ทีมอ่อนลงทั้งในสนาม นอกสนามด้านการตลาดมันก็ตกลง
มันก็ต้องหาตัวแทน ทีนี้พอหาตัวใหม่มาแทนกลายเป็นราคาขึ้นอ้างอิงเคส PSG ทั้งนั้น
จะไม่ซื้อก็ได้นะ แต่ทีมก็ดร็อปลงแน่ๆ

แต่เดิมราคามันไต่มาจาก 30 > 50 > 80 มันควรไปต่อที่ 100 120 แต่เจอ PSG เข้าไป โดดไป 150 220 พ่วงด้วยค่าเหนื่อยอีกมหาศาล ตลาดราคาเฟ้อทันทีเลยช่วงนั้น
เมสซี่ที่ต่อสัญญาช่วงแพงๆ ไม่รู้ต่อก่อนหรือหลังเนย์มาร์ย้าย ถ้าหลังเนย์ย้ายผมว่าก็มีส่วนทำให้บาร์ซ่าต้องทุ่มเพิ่ม

ไม่ได้จะโทษยูฟ่าทั้งหมดนะ แต่ภายใต้กฎยูฟ่า มันควรจะมีกฎมีระเบียบที่ทำให้หลายๆอย่างมันสมดุล อย่างอเมริกันเกมส์เค้าก็ไม่ได้มีแฟรนไชส์แบบนั่งกินนอนกิน มีการปรับปรุงกฎระเบียบมีการดูและด้านการเงินอย่างดี
อย่างปีนี้ NFL cap ค่าจ้างลดลง 10% เลยนะ

งี้จัดการพวกปลิง กะเอเยนต์ไปด้วย พวกนี้นี่ตัวดีเลย ปั่นๆๆๆ เข้าไป

อันดับแรกเลย พื้นฐานของมันไม่ยั่งยืน

อยากให้เป็นลีกช้างชนช้าง ทีมยักษ์เจอกันทุกนัด
แต่ในระยะยาว ถ้ามาบ่อยๆ ไอ้ที่เคยเก๋ก็จะกลายเป็นเกร่อ

ลึกๆคนเราชอบ Underdog ด้วยกันทั้งนั้น
ทีมเล็กที่ล้มยักษ์ได้ถึงเป็นกระแสมาเสมอ
ESL ทำลายโอกาสตรงนี้ลงไปเลย

การมีทีมยืนพื้น 15 ทีมมันก็ทำให้ความศักสิทธิ์ของแชมป์ลดลง
เพราะ UCL คือต้องฝ่าฟันมาก่อนอย่างน้อยหนึ่งฤดูกาล
เพื่อจะเอาโควต้าไปเตะ คือเส้นทางสู่แชมป์มันยาวนานมาก
สมมุติ ปีหน้ามีสองถ้วย มาดริดได้ ESL เลสเตอร์ได้ UCL
คนก็ยังให้ราคาว่าเลสเตอร์ต่อสู้ฝ่าฟันมามากกว่า
ถึงแม้ UCL อาจจะเจอแต่ทีมนกหนูปูปลาก็เถอะ
แต่ทีม UCL คือต้องผ่านการแข่งขันในลีกมาก่อนไง

สุดท้าย คือการหลบๆซ่อนๆทำ

โค้ช นักเตะ ยังไม่รู้เลย ประกาศออกมาถึงได้รู้พร้อมกันกับชาวบ้าน
มันทำให้คนรู้สึกคลางแคลงใจตั้งแต่แรก ว่าถ้ามันดีจริง ทำไมต้องหลบๆซ่อนๆ

ผมว่าตัวการที่แท้จริงคือ ยูฟ่า, ฟีฟ่า, เอฟเอของประเทศพวกนั้น

เสือกระดาษ แถมเป็นกระดาษทิชชู่ที่เปื่อยยุ่ย

สโมสรใช้เงินเกินตัว นั่นคือสิทธิ์ของเขา

เสือกระดาษพวกนั้นต่างหากที่ไม่ทำอะไร ปล่อยให้พวกเศรษฐีหรือเอเยนต์ปั่นมูลค่าจนเฟ้อ จนเกิดเรื่องแบบนี้

อยากให้ทีมใหญ่พร้อมใจกันลดค่าเหนื่อยนักเตะเหมือนกันนะ