รองโฆษก รบ. เผย ไทยมีโอกาสได้รับวัคซีนโควิด-19 เป็นลำดับต้นๆ ของโลก
รองโฆษก รบ. เผย ไทยมีโอกาสได้รับวัคซีนโควิด-19 เป็นลำดับต้นๆ ของโลก
รองโฆษกรัฐบาล แจ้งข่าวดี ไทยมีโอกาสได้รับวัคซีนโควิด-19 ลำดับต้นๆ ของโลก หลังอ๊อกซฟอร์ดลงนาม ใช้ไทยเป็นฐานการผลิต
วันที่ 18 ต.ค. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้ความสำคัญกับสุขภาพของคนไทย โดยมีความพยายามผลักดันให้ประชาชนชาวไทย เป็นประเทศแรกๆ ของโลกที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) การผลิตและจัดสรรวัคซีนวิจัยป้องกันโควิด-19 ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด โดยวัคซีนที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิต ซึ่งการผลิตวัคซีนนั้น มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยเริ่มทดลองกับมนุษย์แล้ว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือนี้ ไทยและอ๊อกซฟอร์ด จะใช้โรงงานของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เป็นแหล่งผลิตวัคซีน โดยการลงนามครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือด้วยการประสานงานของเอสซีจี ซึ่งเป็นพันธมิตรร่วมงานด้านวิจัยและพัฒนานวัตกรรมกับมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดมายาวนาน และในหนังสือแสดงเจตจำนงดังกล่าว มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดยังได้ให้สิทธิประเทศไทยในการจัดจำหน่ายวัคซีนให้แก่ประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วย แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพด้านการสาธารณสุข มีความสามารถที่จะใช้เป็นฐานการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งมีความสำคัญต่อประชากรโลก และจะทำให้คนไทยได้รับวัคซีนเป็นประเทศแรกๆ ของโลก นอกจากนี้ ยังจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการวิจัย ซึ่งแสดงถึงความคืบหน้าไปอีกขั้นในการจัดหาวัคซีนวิจัยมาใช้ในประเทศ ซึ่งจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
"นอกจากนี้ รัฐบาลได้เตรียมจัดหาวัคซีนหลายแนวทาง ไม่ว่าจะเป็น การจองล่วงหน้าจากต่างประเทศ และสนับสนุนการผลิตวัคซีนภายในประเทศ เพื่อให้ได้วัคซีนอย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ ลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ โดยเล็งเห็นว่าวัคซีน มีความสำคัญในการควบคุมโรคโควิด-19 ซึ่งยังคงแพร่ระบาดอยู่ทั่วโลกขณะนี้" น.ส.ไตรศุลี กล่าว
น.ส.ไตรศุลี ทิ้งท้ายว่า ในการเตรียมความพร้อมเรื่องสาธารณสุขและการรับมือกับโควิด-19 รัฐบาลได้มีการเตรียมความพร้อม เรื่องงบประมาณ ซึ่งนอกจากการจัดสรรวงเงินตามเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ที่มีการจัดสรรไว้ให้ใช้ด้านสาธารณสุข รวมถึงการพัฒนาวัคซีน วงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท ยังมีการจัดสรรงบกลางฯ ในปี 2564 อีกประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย
https://www.thairath.co.th/news/politic/1955916
ข่าวนี้ตีพิมพ์18 ต.ค.63