คาแรคเตอร์ของลีดส์ยุคบิเอลซา
สิ่งที่แพทริค แบมฟอร์ด พูดถึงสงครามกุหลาบ แมนฯยู VS ลีดส์ ครั้งล่าสุดบอกคาแรคเตอร์ของลีดส์ยุคบิเอลซาได้ชัดเจนที่สุด
“ด้วยความที่ไม่มีผู้ชมในสนาม เราเลยได้ยินเสียงหัวเราะของนักเตะแมนฯยูฯ ทุกครั้งที่พวกเขายิงประตูได้ มันทำให้พวกเราหัวร้อนได้ง่ายๆ มันน่าโมโห และอาจทำให้โดนไล่ออกถ้าไปมีอารมณ์กับมัน” แบมฟอร์ดเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
หมดครึ่งแรก ลีดส์ตามแมนฯยูฯ อยู่ 4 – 1
.
“ตอนพักครึ่ง พวกเราบอกกันและกันในห้องแต่งตัวว่า ให้ลืมครึ่งแรกแย่ๆ นั่นไปซะ เราไม่โทษใคร เรามาสู้ด้วยกันเป็นทีม และมาร์เซโลก็บอกแบบเดียวกัน เราสู้ได้ ซึ่งผมก็เห็นด้วย คนเราผิดพลาดกันได้ ไม่ใช่สิ่งดีเลยที่จะมาชี้ว่าเป็นความผิดของคนนั้นคนนี้ เพราะจะทำให้รู้สึกแย่ และจะส่งผลเสียต่อทีม”
.
จบเกมนั้นลีดส์พ่ายไปด้วยสกอร์ 6 – 2 แต่เป็นการพ่ายแพ้ที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามในเรื่องทีมสปิริตและการเปิดเกมบุกสู้ไม่มีถอยแม้จะตามขาด
.
โค้ชบางคนปิดห้องด่า ผู้จัดการทีมหลายคนไม่รีรอที่จะโทษลูกทีม บางคนปะทะคารมกับลูกทีมจนมีข่าวหลุดรอดออกมา หลายคนโทษกรรมการ โทษดินฟ้าอากาศและสภาพสนาม ...กรณีแบบนี้จะไม่เกิดกับมาร์เซโล บิเอลซา ป๋าคือโค้ชที่ใช้พลังบวกในการทำทีม ส่งพลังบวกไปที่นักเตะ สต๊าฟ แฟนๆ และเมืองลีดส์
.
แบมฟอร์ดยังได้พูดถึงเกมกับเซาท์แฮมป์ตัน เมื่อเร็วๆ นี้ว่า “ผมได้ยินเสียงของมาร์เซโลตะโกนที่ข้างสนามตลอดเวลา แพทริค วิ่ง!!! พอผมขยับตัวไปหาลูกบอลมาร์เซโลก็ตะโกน ดีมาก!! เป็นแบบนี้ทั้งเกม หลายคนอาจรำคาญ แต่สำหรับผม มันเป็นการกระตุ้นและสร้างความฮึกเหิมได้ดีเลย”
นี่คือความสัมพันธ์แบบคุณตา-คุณหลาน ของโค้ชและศูนย์หน้ายืนหนึ่งแห่งลีดส์ ยูไนเต็ด
ส่วนแมนฯยูฯ นั้น ไว้รอแก้ฝีเท้ากันในเอลแลนด์ โร้ด วันเสาร์ที่ 24 เมษายน หัวเราะทีหลังจะดังกว่าหรือไม่ เดี๋ยวรู้เรื่อง!
Cr.เพจ Leeds United Thailand
ไม่มีอีกแล้ว Dirty Leeds