ชัยชนะของ “หงส์” ในวันที่ “รับ-รุก” มาพร้อมกัน

ไว้คราวหน้า X

ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย

ไปหน้าที่ 1, 2

ไปที่หน้า

ตั้งกระทู้ใหม่

ฝากรูป

หน้าแรกบอร์ด >> ข่าวประจำวัน

01 February 2021 04:39 by เบน ฟรีคิก

ชัยชนะของ “หงส์” ในวันที่ “รับ-รุก” มาพร้อมกัน

วันไหนผมว่างๆอารมณ์ดีๆผมชอบย้อนกลับมาดูเกมเก่าๆนัดเยือนของ ลิเวอร์พูล โดยมีอยู่ 3 นัดที่ชอบเป็นพิเศษ

เกมชนะ ปอร์โต้ 5-0 (2018), ถล่ม เวสต์แฮม 4-1 (2018) และ กด เลสเตอร์ 4-0 (2019)

เกมในบ้านถล่มคู่แข่งผมเฉยๆ แต่การเล่นนอกบ้านคุณต้องมีการ organize ที่เข้มข้นเนื่องจากเจ้าบ้านจะมีบัฟเสียงเชียร์จากแฟนตัวเอง การต้านทานอะไรพวกนี้ ใจต้องมีด้วย

คล้ายๆดูมวย เวลาไปต่อยบ้านเขา มันฝีมือมากกว่าต่อยแต่ในประเทศตัวเอง อะไรประมาณนั้น ผมเลยชอบดูเกมชนะสวยๆยามออกไปเยือนมากกว่า

ในขณะเดียวกันเรื่องความสะใจก็ส่วนหนึ่งแต่ถ้าอยากรู้ว่าคลาสบอลอยู่ระดับไหน

เกมนอกบ้านจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีในระดับนึงเพราะจังหวะสวนกลับคุณใช้บ่อยกว่าเวลาเล่นในถิ่นตัวเองตามกลไกลธรรมชาติอยู่แล้ว

ซึ่งเกมล่าสุดที่ ลิเวอร์พูล บุกเอาชนะ เวสต์แฮม 3-1 เป็นเกมที่ดูแค่สกอร์อาจเหมือนง่ายเกินคาด

แต่กว่าจะได้มันมา ผมเห็นถึงความเป็นมืออาชีพจากผู้เล่นแดนกลางที่ปกป้องให้คู่เซนเตอร์อยู่ตลอดเวลา

แม้ “ขุนค้อน” จะไม่ได้เปรียบจากเสียงเชียร์ของแฟนบอล แต่ฟอร์มชนะทุกรายการใน ลอนดอน สเตเดี้ยม 6 นัด (ในลีก 4 นัด) ย่อมไม่ใช่งานง่ายเลย

โดยเฉพาะวันนี้ “หงส์แดง” มีตัวเจ็บเพิ่มมาอีกคนคือ ซาดิโอ มาเน่ ทำให้ภาระการทำประตูจากที่เคยวนเวียนอยู่ 3 ตัวบนแต่วันนี้เหลือแค่ โม ซาลาห์ เพียงคนเดียว

ความมหัศจรรย์ของ ดิวอร์ค โอริกี้ เมื่อ 2 ปีก่อนวันนี้ไม่เหลือแล้ว เสียบอลง่าย ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่สามารถสร้างความแตกต่างอะไรได้เลย

ทำให้ครึ่งแรกเหมือนเป็นตัวแถมและทำให้ “หงส์แดง” ยิงเข้ากรอบเพียงแค่หนเดียวจาก ซาลาห์ เท่านั้นเอง

ผมเห็นความไม่ไว้วางใจในตัวเพื่อนต่อ โอริกี้ เอาตอนที่จังหวะ อลิสซอน จะเล่นบอลเร็วเพื่อสวนกลับ พอเห็นเทพกี้เท่านั้นแหละ รีบเปลี่ยนใจเลือกขว้างให้ตัวอื่นแทน

จุดที่ทำให้วันนี้ผมคิดว่า ลิเวอร์พูล น่าจะเล่นง่ายขึ้นไม่ต้องเจอกับความกดดันในแดนหลังคือการที่ “เดอะ แฮมเมอร์” เลือกคุมโซนไม่เพรสสูง

ซึ่งวิธีหลังเป็นการเล่นที่ “แชมป์เก่า” ไม่พร้อมเอามากๆกับการตั้งบอลขึ้นมา เนื่องจาก แนท ตัวสำรองในตำแหน่ง Vvd เล่นบอลกับเท้าไม่ค่อยดีและเอาตัวโฮลดิ้ อย่าง เฮนโด้ มายืนหลัง ทำให้การเชื่อมเกมมันไม่ถูกที่

การเล่นเพลย์เซฟคุมโซนเพื่อรอจังหวะสวนแบบนี้ คุณต้องเป๊ะและแม่นยำถึงจะเอา ลิเวอร์พูล อยู่ ไม่เช่นนั้นคุณจะโดนกดจนลืมวันลืมคืน ขนาด สเปอร์ส ต้นตำรับยังไม่เจอบอลอยู่ตั้งหลายนาที

เวสต์แฮม อาจไม่ใช่พวกอุดแน่นเหมือน เวสต์บรอม, เบิร์นลีย์ หรือ นิวคาสเซิ่ล แต่วันนี้ มิคาอิล อันโตนิโอ กลับแทบไม่ได้ใช้ความสามารถเฉพาะตัวใดๆเลยและหายจากเกมพักใหญ่ๆด้วยซ้ำ

อันนี้นอกจากต้องชมพวกแดนกลางและตัวบน (บางคน) ที่ขยันช่วยกันไล่เพรสจนนักเตะ “ขุนค้อน” ไม่มีเวลาตั้งเกมหรือสบตากับ อันโตนิโอ ดังนั้นการสวนกลับจึงแทบไม่มี ทั้งๆที่ไลน์ ลิเวอร์พูล ดันสูงเปิดพื้นที่โล่งมาก

ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ แนท ฟิลลิปส์ ที่หลังจบนัดนี้แล้วเชื่อว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ น่าจะตัดสินใจได้ไม่ยากอีกต่อไปแล้วว่าระหว่าง น้องแนท และ รีส วิลเลียส์ ใครคือตัวเลือกแรกในตำแหน่งเซนเตอร์ ณ เวลานี้

แนท ในวัย 23 ปี ค่อนข้าง aggressive ในการเข้าบอลและเป็นงานจังหวะโหม่งมากกว่า รีส ที่แรงปะทะค่านข้างน้อยและดูแหยงกว่าชัดเจน อันนี้พอเข้าใจได้ว่าชั่วโมงบินน้องยังน้อยอยู่

การรับหน้าที่ประกบ อันโตนิโอ ที่หลายๆคนไม่อยากเข้าใกล้แล้วได้ขนาดนี้ถือว่าดีเกินคาด ถึงขนาดที่ว่า เดวิด มอยส์ เปลี่ยนออกก่อนหมดเวลา 12 นาที

Key สำคัญของเกมในครึ่งแรก แนท ช่วยโหม่งสกัดลูกฟรีคิกก่อนถึงหัวฝั่ง “ขุนค้อน” ทั้งแผงซึ่งถือว่าช่วยชีวิตไม่ให้ตกเป็นฝ่ายตามหลังไปก่อนแบบฉิวเฉียด

เมื่อเกมรับทำหน้าที่ของตัวเองได้หมดจด เกมรุกมาเบิกสกอร์ในช่วงเวลาที่พอเหมาะพอเจาะ ทำให้ “หงส์แดง” สามารถควบคุมการเล่นได้ตามถนัดนับตั้งแต่นั้น

ประตูแรกของ โม ซาลาห์ ท่ามกลางฝูงนักเตะ “ขุนค้อน” ถือเป็นใบเบิกทางให้เกมเคาเตอร์แอทแทคได้เป็นเนื้อเป็นหนัง

ลูกนี้มีประเด็นตรงที่ว่า เคอร์ติส โจนส์ ลงมาแทน เจมส์ มิลเนอร์ ไม่ถึงนาทีก็มีส่วนร่วมกับประตูทันที โดยเจ้าหนูดาวรุ่งที่เพิ่งฉลองวันเกิดครบ 20 ปีไปเมื่อวาน เลี้ยงกินตัวพาขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ

ทันทีที่ ซาลาห์ ยิงเข้า เราจึงได้เห็นภาพน่ารักที่ทำให้ยิ้มตามระหว่าง JK กับท่านรอง หลังก่อนหน้านั้นแอบเครียดที่ดูเหมือนนักเตะจะไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ต้องเปลี่ยนเขาออก

เพราะผมคิดว่าถ้าประตูแรกยังไม่มาฝั่ง เวสต์แฮม น่าจะเริ่มชวนทะเลาะแล้วรอหวังผลจากลูกเปิดริมเส้นและสารพัดตั้งเตะซึ่งผมคิดว่าแนวรับทีมเยือนยังไม่พร้อมที่จะแบกรับอะไรพวกนี้ได้ตลอดรอดฝั่งจนครบทั้งเกม

แม้กระทั่งตอนได้ 1-0 เจ้าถิ่นได้เตะมุมถี่มาก ถ้าไม่นับน้องแนท ผู้เล่นคนอื่นแทบไม่มีใครสูงพอจะรับมือกับลูกกลางอากาศได้เลย เป็นความเสียเปรียบที่ทำให้ เดอะ ค็อป อึดอัดทุกครั้งไม่ว่าจะกับทีมไหน

บังเอิญครับที่ “ขุนค้อน” พยายามจะนวดเพื่อเอาประตูตีเสมอก็เจอสวนกลับจนกลายเป็นที่มาของความ classic ที่ผมเชื่อว่าทุกๆคนตะโกนดีใจลั่นบ้านแน่นอน

บอลไปอยู่ถูกคนถึง 2 ครั้งคือ เทรนต์ และ ชากิรี่ การวางยาวเพียง 2 หนใช้เวลาไม่กี่วินาทีจนไปลงท้ายที่การจบสกอร์อย่างเลือดเย็นของ ซาลาห์

การเอาบอลลงในลักษณะที่มาสูงขนาดนี้ ถูกกดดันขนาดนี้ มันคือความ perfect เต็ม 10 ไม่หัก

ผมเล่นบอลมาทั้งชีวิตเอาบอลลงแบบนี้ไม่เป็น ส่วนใหญ่ผมจะใช้เท้าด้านบนดูดแบบผ่อนแรง ไม่ก็หงายเท้าด้านข้างพักลงมา

ครับ เราตั้งข้อสังเกตได้ว่า ลิเวอร์พูล มีปัญหาในการเจาะประตูคู่แข่งมาหลายนัดเนื่องจากไม่ยอมฉวยโอกาสขึ้นนำจนคู่แข่งเขาก็อุดไปเรื่อยๆมันก็เลยยิ่งเล่นยาก

ท้ายที่สุดภาระไปตกอยู่ที่แนวรับซึ่งเจอลูกกลางอากาศในช่วงเวลาที่บีบมันเป็นภาระที่หนักเกินไป

อย่างวันที่แพ้ เบิร์นลีย์ คาบ้าน ถ้า โอริกี้ หลุดเดี่ยวยิงเข้าไป ยังไงก็ไม่แพ้ กว่าผมจะ move on เกมวันนั้นใช้เวลาอยู่ราว 5 วัน คือรู้สึกเสียดายสถิติไม่แพ้ในบ้านในเกมที่ไม่ควรแม้แต่จะเสมอด้วยซ้ำ

การลงสนามของ โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ ทำให้การเก็บบอลและการเคลื่อนบอลไปข้างหน้ามีประสิทธิภาพขึ้นรวมถึงยังเป็นการเพลย์เซฟไปในตัวเพราะ บ๊อบบี้ ครองบอลเหนียวและเล่นเพื่อทีมจนได้แอสซิสต์ให้ จอร์จินิโอ้ ไวจ์นาลดุม ทั้งๆที่ยิงเองได้ด้วยซ้ำ

บททดสอบต่อไปของ ลิเวอร์พูล จะเล่นในบ้านเจอกับ ไบรจ์ตัน ตามชื่อชั้นอาจนึกว่าหมูแต่ผมเคยพูดไปแล้วว่าทีมของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ บอลระบบจ๋า นักเตะมีความเข้าใจเกมสูงมาก เพียงแต่จบสกอร์ไม่ดีจนอันดับอยู่ผิดที่ผิดทาง

และใครได้ดูเกมชนะ สเปอร์ส 1-0 ในคู่สุดท้ายจะเห็นได้เลยว่า ไบรจ์ตัน เล่นดุดันขึ้น เล่นเกมบุกไวขึ้น ไวกว่าที่ผมเคยดูมา แถมซีซั่นนี้เหมือนจะเล่นนอกบ้านดีกว่าในบ้านด้วยซ้ำ

ดังนั้นการจะมาขึงแล้วกด “นกนางนวล” เหมือนทีมเล็กทีมอื่นๆไม่ง่ายแน่ๆ

ข้อดีของการเจอ ไบร์จตัน ในยามที่ “หงส์แดง” ไม่มีเซนเตอร์แท้คือพวกเขาไม่ใช่ทีม physical และเล่นบอลยาวดังนั้นการรับมือจึงสู้กันด้วยภาคพื้นดินตามถนัด

ลิเวอร์พูล ควรต้องรีบฉวยโอกาสช่วงแนวรุกเริ่มเข้าฝัก (ยิง 6 ลูกใน 2 นัด) เดินหน้ากวาดแต้มเพื่อชดเชยที่ทำหล่นไปบานตะเกียงนับสิบ

เกมกับ ไบร์จตัน จึงมีความสำคัญในแง่ของ timing เพราะเมื่อจบเกมนี้จะเจอกับ แมนฯซิตี้ ในบ้านตัวเองอีกเกม การเอาชนะก่อนทำศึกใหญ่จึงมีผลในแง่สภาพจิตใจแน่นอน

การรักษาระยะให้ยังอยู่ในรัศมีจับต้องในช่วงนี้จำเป็นอย่างยิ่งหากต้องการยื้อเพื่อรอให้ ฟาบินโญ่ หรือ มาติ๊ป กลับมา (หรืออาจจะเป็น VvD ที่มีข่าวว่าอาจคัมแบ็คเดือนเมษายน)

รวมถึง ดิโอโก้ โชต้า ที่ตามคำให้สัมภาษณ์ของ JK อาจดีเลย์ไปอีกนิดหน่อย (จากเดิมกุมภาพันธ์)

ครับหากมองถึงความถี่ของโปรแกรมในช่วงนี้กับจำนวนนักเตะที่ทยอยเจ็บเพิ่มอาจบั่นทอนจิตใจไปบ้างแต่อย่างน้อย 2 นัดหลังสุดชนะรวดเก็บ 6 แต้มเต็มจนสถานการณ์กลับมาดูดีกว่าเมื่อหลายวันก่อนแบบคนละเรื่องเลย

แถม เดอะ ค็อป เริ่มรู้สึกคลายความกังวลลงไปเยอะกับการที่ “หงส์แดง” เตรียมประกาศคว้าตัว เบน เดวีส์ กองหลังตัวใหม่ของ เปรสตัน ในราคาขำๆแค่ 2 ล้านปอนด์

ชัยชนะ 2 นัดในระยะเวลาห่างกัน 3 วันทำให้ผมรู้สึก “อิ่มเอม” อย่างบอกไม่ถูกและรู้สึก “ภูมิใจ” กับตัวเองเพราะในช่วงไร้ชัย 5 นัดผมไม่เคยไล่นักเตะให้ย้ายทีม หรือ ไล่โค้ช รวมถึงหาแพะว่านักเตะคนนี้มาทำให้ทีมเล่นช้า คนนี้หมดสภาพ บลาบลา

คอมเมนท์ “เนกาทีฟ” ที่ขาดสติและไม่ยืนอยู่ในเหตุผลมันเจ็บปวดมากกว่าเมื่อมันมาจากแฟนบอลทีมเดียวกัน

ผมเข้าใจถึงสภาพขุมกำลังที่ไม่เหมือนเดิม จะให้ทุกอย่าง perfect เหมือนเมื่อซีซั่นก่อนคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นถ้าใครได้ตามอ่านบทความผมจะเจอแต่การวิเคราะห์ที่ยืนอยู่ในเหตุและผลเสมอ

หรือการรอคอยแชมป์ลีกมานาน 30 ปีอาจทำให้เรื่องพวกนี้ดู “กระจอก” เกินไปสำหรับผมก็เป็นได้...

แก้ไขล่าสุดโดย เบน ฟรีคิก เมื่อ Mon Feb 01, 2021 16:21, ทั้งหมด 3 ครั้ง

หากโดน 89 เรื้อน จะถูกแบน

ติ่มซำ , PdmzCH , พยายาม ๑๙ , zign19 , pong_nit , jiroh , llBeatnixzz , googoe247 , henbe007 , TheKOP_ChiangMai , หนม โก๋ , beeeater , May2615 , kazanowa , oopokepaioo , itoonggy , cocobumbim , Jueii , Monsterink1988 , mt21.50 , AssistKing10 , tutaman , kanjanalove , Alfonso777 , Red_Duckza , Oakyman , toodtoo , formyself24 , wissly , prayoot , NickyTheKop , SudsoiFC , Taze , banks001 , nunnunthekop , nuni_es , Fernando@torres , shirokami , neo-- , Sicario_artist , ChaYen , SoiLfCuKeR , tekken4444 , alcoholboyz , dekthep004 , MasKeD KaNE , GOODVIBES , Soccer2Morrow , PENCOM , MyMario , Vanil7a , kop1979

โหวตเป็นกระทู้แนะนำ

ออฟไลน์

ติ่มซำ

ดาวเตะพรีเมียร์ลีก

Status: อยากไปหา ตอนนี้เลย!

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 05 Sep 2013

ตอบ: 17517

ที่อยู่: ทุกที่ที่มีเธอ

โพสเมื่อ: Mon Feb 01, 2021 05:23

[RE: ชัยชนะของ “หงส์” ในวันที่ “รับ-รุก” มาพร้อมกัน]

ไม่ใช่ทีม physical ก็จริง แต่กองหลังเล่นลูกกลางอากาศดีมาก
ตรงนี้แหละน่ากลัว ขาดฟานไดจ์ เสียลูกเตะมุม ลูกตั้งเตะ แล้วเสียววุ้ย

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

Dave Grohl NIRVANA (1990–1994)

My Locker

ออฟไลน์

jiroh

นักเตะเทศบาล

Status: (^_^)b

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 27 Mar 2007

ตอบ: 6342

ที่อยู่: โลก

โพสเมื่อ: Mon Feb 01, 2021 07:26

[RE]ชัยชนะของ “หงส์” ในวันที่ “รับ-รุก” มาพร้อมกัน

เจอไบรตัน ไม่ง่ายแน่ ต้องเน้นเหมือนเดิม

โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

^_____^ ให้สิ่งใด ก็ได้สิ่งนั้น

ก่อนที่จะลงมือทำอะไร-เราควรรู้ว่าจะจบมันอย่างไร

“แผนอยู่ที่คน ผลอยู่ที่ฟ้า มิอาจบังคับ” ขงเบ้ง

เ อ า ที่ ส บ า ย ใ จ เ ล ย (แต่อย่าให้คนอื่นเดือดร้อน)

ถ้า "ได้ยิน" จะ "ลืม"
ถ้า "เห็น" จะ "จำ"
ถ้า "ทำ" จะ "เข้าใจ"

My Locker

ออฟไลน์

METHANOL

(ทัณฑ์บนครั้งที่ 1)

นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก

Status:

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 13 Mar 2018

ตอบ: 6117

ที่อยู่:

โพสเมื่อ: Mon Feb 01, 2021 07:57

ถูกแบนแล้ว

[RE: ชัยชนะของ “หงส์” ในวันที่ “รับ-รุก” มาพร้อมกัน]

จุดนึงที่น่าชื่นชมคือ การแกะบอลออกจากพื้นที่แคบๆ จะเห็นได้เลยว่า นักเตะเวสแฮมเหนื่อยที่จะไล่บอล เป็นอีกเกมส์ที่เราได้เห็นมาตรฐานของคำว่าแชมป์ในตัวนักเตะ แต่ขอยกเว้นโอริกี้...ฮ่าๆๆๆ

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

My Locker

ออนไลน์

itoonggy

ซุปตาร์ฟุตบอลโลก

Status:

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 13 Jun 2007

ตอบ: 39258

ที่อยู่: บ้านนอก

โพสเมื่อ: Mon Feb 01, 2021 08:57

ชัยชนะของ “หงส์” ในวันที่ “รับ-รุก” มาพร้อมกัน

เห็นด้วยครับ ทีมเราพิการขนาดนี้ยังชนะนอกบ้านได้ 2 นัดติด โคตรดีใจ

โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

My Locker

ออฟไลน์

koratdevil

ซุปตาร์ยูโร

Status: เด็กหงส์

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 16 Oct 2013

ตอบ: 20652

ที่อยู่: ทุ่งนาแห่งเมืองหญิงกล้า ผมคือหลานย่าโม

โพสเมื่อ: Mon Feb 01, 2021 08:58

[RE: ชัยชนะของ “หงส์” ในวันที่ “รับ-รุก” มาพร้อมกัน]

เขียนมาบ่อยๆนะครับพีีเบน

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

Jueii , travis-barker

My Locker

ออฟไลน์

Livermink

นักเตะท้ายซอย

Status:

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 16 Feb 2011

ตอบ: 488

ที่อยู่:

โพสเมื่อ: Mon Feb 01, 2021 09:10

[RE]ชัยชนะของ “หงส์” ในวันที่ “รับ-รุก” มาพร้อมกัน

คหสต. ผมรู้สึกว่า โอริกี้ ควรเล่นหน้าเป้าครับ หาช่อง วิ่งทำทาง เข้าทำ น่าจะเหมาะกว่า

ลูกช่วงท้ายๆเกมๆ มีจังหวะสอกเข้าไปเบียดกองหลังยิงได้ ถึงจะไม่เข้าก็เถอะ

ถ้าไปเล่นหน้าซ้าย ดูแข็งๆแปลก ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่

อยากให้ JK ลองดันไปเล่นหน้าเป้า Target Man ดูครับ

โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

You'll never walk alone , forever !!!!

My Locker

ออนไลน์

Ballchaiball

กำเนิดดาวรุ่ง

Status: hello

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 04 Sep 2013

ตอบ: 132

ที่อยู่:

โพสเมื่อ: Mon Feb 01, 2021 09:16

[RE: ชัยชนะของ “หงส์” ในวันที่ “รับ-รุก” มาพร้อมกัน]

เขียนได้ดีครับ สำหรับส่วนตัวผม เหตุผลหลักคือ เชียร์เพราะ รักแนวทางการเล่น , แนวทางสโมสรที่ปฏิบัติ "ไม่ใช่เพราะแชมป์" (แต่ก็หวังทุกปีแหละ 55)

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

Oakyman

My Locker

ออฟไลน์

LUCIFER_GT

นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก

Status: -# PUNCH #-

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 19 May 2011

ตอบ: 16765

ที่อยู่:

โพสเมื่อ: Mon Feb 01, 2021 09:16

[RE]ชัยชนะของ “หงส์” ในวันที่ “รับ-รุก” มาพร้อมกัน

ลูก 2 ของซาล่าให้เราทำก็ยากครับ พื้นสนามบอลในไทยแข็งอย่างแข็ง

บอลเด้งแรงจับด้วยฝ่าเท้ายังไงก็กระเด็น ไม่ต้องพูดถึงถึงหญ้าเทียมนะ หนักกว่าเยอะ

โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

nutda

My Locker

มาดูกันว่าแข้งหงส์ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีกแต่ละคน เขามาอยู่หงส์ได้ยังไงกัน

ประวัติสนามเหย้าของแต่ละทีมในพรีเมียร์ลีก

รวมรถทั้งหมดของ Brian O'Conner [Update 2015]

[K-POP] แจก userbar ครับผม

ออฟไลน์

Peter_Rabbit

ดาวซัลโวยุโรป

Status: LFC Forever

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 03 Sep 2018

ตอบ: 3960

ที่อยู่: Anfield

โพสเมื่อ: Mon Feb 01, 2021 09:34

[RE: ชัยชนะของ “หงส์” ในวันที่ “รับ-รุก” มาพร้อมกัน]

นี่คือสิ่งที่ผมชื่นชม บอส มาตลอด.. ผมว่านี่คือความต่างของโค้ชระดับโลก กับโค้ชทั่วๆไป (แต่หนึ่งปัจจัยที่จะไม่ชมด้วยไม่ได้ คือ FSG เจ้าของทีม ที่มีความอดทนและสนับสนุนคล็อปมาตลอด) คือการสร้างทีมแบบเป็นวงจร เป็นขั้นเป็นตอน สร้างตั้งแต่รากฐาน.. นักเตะไม่ว่าจะหมุนเวียนกันแค่ไหน แต่รูปเกมส์ลักษณะการเล่นจะแทบไม่ต่างเลย (จะต่างก็แค่คุณภาพส่วนตัว) ทำให้ส่วนตัวผม ต่อให้บอลแพ้ ก็ยอมรับว่าผิดหวัง แต่จะไม่โวยวายเหมือนแต่ก่อน เพราะรูปเกมส์ 90 นัดใน 100 นัดส่วนใหญ่คือรูปเกมส์ดีกว่าเค้าทั้งนั้น เพียงแค่เป็นความผิดพลาดส่วนตัวเล็กๆน้อยๆของเกมส์รุกและรับ.. เช่น ยิงเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา และโดนสวนกลับตูม! กลายเป็นโกโก้ครันช!!..

และถ้าพูดถึงปีนี้เฉพาะเจาะจง ผมว่าทั้งเจ้าของทีม ทั้งบอสคือทำได้ดีมากๆแล้ว เมื่อดูจากการเสริมทีมก่อนเปิดฤดูกาล และดูจากตัวที่เจ็บตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา เพียงแต่มันซวยแบบเกินห้ามใจจริงๆ เมื่อรู้สึกว่า ตอนนี้ในทีมนักเตะที่ไม่เคยเจ็บเลย เหมือนจะมีแค่ แอนดี้ ดุม และเฟอร์มิโน่เองมั้ง..