อวาตาร์&ลายเซ็นต์ผิดกฏ
Status:
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 160
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jan 22, 2021 12:30
มุมมองคนทำปั้มกับ PTT และ PTTOR
เล่นหุ้นมาเป็น 10ปี พึ่งเคยเห็นหุ้นที่รายย่อยพูดถึงกันมากที่สุด ผมต้องยกให้ PTTOR จริงๆ
เมื่อวานนี้มีเพื่อนและคนรอบตัว เกิน 10 คนทักมาสอบถามผมถึงความเห็นเกี่ยวกับ PTTOR
และถามว่าอยากจอง ต้องทำไง
เอาเรื่องการจองก่อน PTTOR ทำ IPO ครั้งนี้ 2,610 ล้านหุ้น เสนอขายราคายังไม่เป็นทางการ ที่ 18 บาท ทั้งหมดมูลค่า 46,980ล้านบาท
จาก หุ้นใหม่ 2,610 ล้านหุ้น จัดสรรให้
1.ผู้ถือหุ้นเดิม 300 ล้านหุ้น (11.49%)
2.กองทุนต่างประเทศ 450 ล้านหุ้น (17.24%)
3.กองทุนในไทย 1,264.3 ล้านหุ้น (48.44%)
4. รายย่อยทั่วไป 595.7 ล้านหุ้น (22.82%)
จะเห็นว่ากองทุนในไทยเป็นเจ้าภาพใหญ่ที่รับของไปเต็มๆเกือบครึ่ง
ทีนี้เราข้ามมาดูตรงรายย่อย น่าสนใจตรงวิธีจัดสรรหุ้น
คือให้จองผ่านธนาคาร เท่านั้น โดยระบบจะรวบรวมรายชื่อทุกคนที่จองสมมติว่ามี 10,000 คน ที่จอง PTTOR ครั้งนี้(แต่ผมคิดว่าจริงๆอาจจะถึงแสนคน) ระบบจะแจกหุ้นให้เป็นรอบๆ โดยรอบแรก 300 หุ้นต่อคน หลังจากนั้นก็แจกหุ้นอีกทีละ 100หุ้น จนกว่าจะหมด
คิดง่ายๆ595.7 ล้านหุ้น ว่าหมื่นคน รอบแรก ก็หมดไป 3ล้านหุ้นแล้ว แจกทีละ 100 หุ้นได้อีก 593รอบ
เพราะงั้นไม่ว่าคุณจะจองด้วยเงินมากมายขนาดไหน คุณก็จะได้หุ้นและมูลค่าไม่เกิน 300+(593x100) = 59,600 หุ้น x 18บาท = 1,072,800 บาท ต่อคน
อันนี้ผมคิดที่ 10,000 คนนะ ถ้ามีคนจองหุ้นนี้ถึงแสนคน ก็ได้แค่คนละ 107,280 บาท เท่านั้น หารเอาเองตามที่คิดได้เลย
ถ้าถามผมถ้าคุณกะจะจองแค่ไม่เกิน 1-200,000 บาท โอเคยังน่าจองไปลุ้นกับราคาเปิดวันแรก ทำกำไรกันไป แต่ถ้าคุณต้องการจองมากกว่า 1 ล้านบาท ผมคิดว่าคุณอยู่บ้านเฉยๆ แล้วก็รอซื้อในกระดานเอา เผลอๆจะเจอของถูกกว่า IPO เอาได้ 555
ต่อมาเรื่องอนาคตของบริษัท PTTOR พูดตามตรง ว่าอนาคตของบริษัทนี้ขึ้นอยู่กับการเมืองล้วนๆ
ในฐานะคนที่่อยู่ในวงการนี้เต็มๆแบบผม ขอเรียนตามตรงว่า
ธุรกิจปั้มน้ำมัน และการขายของในปั้ม หรือพื้นที่เช่าต่างๆ ได้ผ่าน "ยุคทอง" ของมันอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องโรคระบาด การ Work from home การท่องเที่ยวที่หดหาย พลังงานไฟฟ้าใหม่ๆที่กำลังเข้ามา ล้วนเป็นตัวเร่งให้ ธุรกิจนี้ เป็นธุรกิจ Sunset
ตอนนี้ยอดขายและตัวเลขการเข้าออกใช้บริการของทั้งประเทศลดลงไม่ต่ำกว่า 30% ทั่วประเทศ บางที่เหลือครึ่งเดียว !
สมมติเราเรามองข้ามไปตอน โควิทหมดไปแล้ว การเดินทางกลับมาได้ปกติ ผมก็คิดว่า ตัวเลขผู้ใช้น้ำมันก็ลดลงอยู่ดี กว่าจะกลับมา100% ป่านนั้นก็อาจจะมีสิ่งใหม่ๆ มาแย่ง Marketshare ไปแล้ว อย่างรถยนต์ไฟฟ้า
แต่รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ก็เกิดขึ้นยากมากเพราะตัวเลขผลประโยชน์ของรัฐบาลกับน้ำมัน มันช่างหอมหวาน ประกอบกับรัฐบาลเราตอนนี้ก็เห็นๆกันอยู่ว่าไม่น่าจะยอมปล่อยภาษีที่เก็บจากน้ำมันปีๆนึงเป็นแสนล้านได้แน่ๆ
เพราะงั้นผมสรุปให้ง่ายๆเลยว่า ถ้ารัฐบาลฝั่งอำนาจนิยมยังกุมอำนาจอยู่ รถไฟฟ้าในไทยก็ไม่มีทางเกิด 55555555
แต่ถ้าสมมติว่ารถ EV มาจริง PTT และ PTTOR ก็ต้องต้องปรับตัวเป็นผู้ให้บริการการชาร์ทไฟ สัดส่วนที่น่าจะเกิดขึ้นคือ ผู้ใช้น้ำมัน 60% ไฟฟ้า 40%
ความน่ากังวลคือ ไม่ใช่ทุกสถานีจะเปลี่ยนเป็น สถานีชาร์ท EV ได้ เพราะต้องใช้พื้นที่จำนวนมาก 6ไร่แบบทุกวันนี้อาจะไม่พออีกต่อไป
ในแง่ของน้ำมัน แน่นอนว่าได้รับผลกระทบเต็มๆแน่ๆ แต่ถามว่า PTTOR กระทบด้านยอด Non oil มั้ย ?
อันนี้พูดยาก เพราะการชาร์ทรถยนต์ไฟฟ้าทุกวันนี้ที่ดีที่สุดในโลก ใช้เวลา 30 นาทีขึ้นไป(ซึ่งไทยยังไม่มีทางทำแบบนั้นได้เพราะต้องลงทุนเรื่องระบบไฟฟ้าทั้งประเทศ) เป็นไปได้ว่าคนอาจจะอยู่ในปั้มนานขึ้น ก็อาจจะทำให้ขาย Non oil ได้มากขึ้น แต่กลับกัน ถ้าเทคโนโลยีการชาร์ทยังช้าเกิน 1-2ชั่วโมงในการเดินทาง ผมกลับมองว่าสุดท้ายคนจะไม่เข้าปั้มแทน เพราะต้องการไปชาร์ทที่บ้าน หรือที่ห้าง อาจจะเป็นคนมาแย่งตลาดตรงนี้ไปซึ่งส่งผลร้ายต่อ PTTOR โดยตรง
อ่านมาถึงตรงนี้เริ่มเห็นแล้วใช่มั้ยฮะ ว่าจริงๆแล้วอนาคตขอ
ง PTTOR โคตรไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงเยอะมากๆ ตรงนี้คุณคงต้องตัดสินใจเอาเองว่าอยากจะเสี่ยงมั้ย
แต่ผมขอเตือนอะไรไว้อย่างนึง
ประสบการณ์กับหุ้น 10ปีสอนผมให้รู้ว่า หุ้น IPO ที่รายย่อยเข้าถึงได้เยอะขนาดนี้ พังแทบทุกตัว 5555
ส่วนตัวผมคิดว่า ผมคงจะอยู่เฉยๆ รอทุกคนหายเห่อ ฝุ่นหายตลบ แล้วค่อยคิดว่า บริษัทนี้ มันดีกว่าบริษัทอื่นจนน่าลงทุนด้วยรึเปล่า
โชคดีฮะ
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ