ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status: พุงพลุ้ยคุยบอล กลับมาแล้ว
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Oct 2010
ตอบ: 4349
ที่อยู่: บนโลกนี้แหละ...
โพสเมื่อ: Tue Jan 19, 2021 23:21
เสียงกระซิบสั่งตาย







[ย้อนเวลาหามาเล่า Ep.167 เสียงกระซิบสั่งตาย]
.
.
เวลาประมาณ 6 โมงครึ่งของวันพุธที่ 13 พฤศจิกายน ปี 1974 โรนัลด์ โจเซฟ เดเฟโอ จูเนียร์ หนุ่มวัย 23 ปีวิ่งตาตื่นเข้าไปในบาร์แห่งหนี่งในนิวยอร์ค แล้วร้องเสียงหลงว่ส " พวกคุณต้องช่วยผม พ่อแม่ผมโดนยิง !"
จากนั้นไม่นานเดเฟโอและคนกลุ่มนึงรีบวิ่งที่ไปบ้านหลังหนึ่ง มันคือบ้านในแถบ "อมิตี้วิลต์" ที่นั่นพบศพของครอบครัวเดเฟโอนอนจมกองเลือดกันยกบ้านทั้ง 6 ศพ ไล่ตั้งแต่ พ่อและแม่ และพี่น้องทั้ง 4 คน (จอห์น อายุ 18, อลิสัน 13, มาร์ช 12 และ แมทธิว 9) โดยเหยื่อทั้งหมดถูกยิงด้วยปืน .35 และสันนิษฐานว่ากลายเป็นศพตั้งแต่ช่วงเช้าของวัน
.
.
โดยศพของผู้เป็นพ่อและแม่โดนยิงคนละ 2 นัดเสียชีวิตในทันที ส่วนเด็กๆ โดนคนละนัด แต่กระนั้นจากหลักฐานที่พบ คาดว่าเดเฟโอผู้แม่ กับ อลิสสัน น่าจะตื่นอยู่ก่อนจะเสียชีวิต นอกนั้นเสียชีวิตในขณะนอนหลับ และศพทั้งหมดนอนก้มหน้าโดยมีสีเลือดนองเต็มพื้น เหตุการณ์ทั้งหมดคาดว่าเกิดขึ้น ณ เวลา 03.15
โดยครอบครัวเดเฟโอเข้ามาเป็นเจ้าของบ้านแห่งนี้ตั้งแต่ปี 1965 โดยโรนัลด์ เดเฟโอ จูเนียร์ หรือที่เพื่อนๆเรียกกันว่า "บุช" เป็นบุตรชายคนโจของตระกูล และเป็นคนเดียวที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว เขาถูกนำตัวไปที้สถานีตำรวจเพื่อทำเข้าโปรแกรมคุ้มครองพยาน เพราะนี่อาจจะเป็นการสังหารหมู่เนื่องจากปมขัดแย้งก็เป็นได้ ต่อมาตำรวจได้รวบตัวผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งชื่อว่า ฟาลินี่ แต่กระนั้นเมื่อพยายามสืบสวนสอบปากคำไปก็พบว่า ฟาลินี่ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ตำรวจจึงลองสอบสวนโรนัลด์ดู และในที่สุดเขาก็สารภาพออกมาว่า "ในตอนที่ผมเริ่มฆ่า ผมหยุดไม่ได้" และเมื่อฆ่าทุกคนแล้วก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานตามปกติ
.
.
ตำรวจจึงจับกุมเขาในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และถูกนำตัวขึ้นศาลในวันที่ 14 ตุลาคม 1975 หรือ 1 ปีนับแต่ก่อเหตุ ในวันนั้นเดเฟโอได้กล่าวด้วยความกลัวและตัวสั่นต่อหน้าศาบที่เคารพ เขาอ้างว่าเขาทำไปเพราะต้องการป้องกันตัว
"ผมได้ยินเสียงกระซิบและเสียงฝีเท้าในบ้าน อยู่ๆ ก็มีมือสีดำยื่นปืนให้ผม ผมได้ยินเสียงคนทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น มันบอกให้ผมฆ่า ฆ่า และก็ฆ่า ในหัวมีแต่เสียงดังเต็มไปหมด ผมทนไม่ไหวแล้ว ผมกลัวมาก และนั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของโศกนาฎกรรม"
.
.
ตำรวจเริ่มคิดว่าเดเฟโอน่าจะบ้า เลยลองสืบประวัติดู และส่งให้ไปพบจิตย์แพทย์ และก็พบความจริงที่ว่า เขาเป็นคนติดยาเสพย์ติดขนาดหนักประเภทเฮโรอีน รวมถึงยาบ้าและยากล่อมประสาท ชอบทำเรื่องเสียๆ หายๆ เขาต้องมีเรื่องขึ้นโรงพักมากกว่า 1 ครั้ง โดยข้อหาเป็นขโมย แม้ฐานะการเงินในครอบครัวมีกินพอใช้ก็ตาม
ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ปีเดียวกันนั้นศาลตัดสินให้เจ้าตัวมีความผิดในฐานะฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา รวมถึงความผิดอื่นๆอีก 5 กระทง รวมเวลาติดคุกแล้วประมาณ 150 ปี !
และเมื่อปีที่แล้วนี้เองเจ้าตัวพึ่งทำเรื่องขออุธรณ์ไปแต่ก็ถูกปฎิเสธกลับมา
และนี่คือเรื่องเล่าที่นำมาซึ่งตำนานหลอนของบ้าน อมิตี้วิวต์ ที่กลายเป็น 1 ในตำนานบ้านผีสิงที่น่ากลัวที่สุดเรื่องหนึ่งในอเมริกา
.
.
แต่ทว่าความสยองมันพึ่งเริ่มต้นเท่านั้น เพราะผ่านไปราว 1 ปีเศษ ครอบครัวลัทธ์ได้เข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น บ้านที่เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมหมู่ โดยพวกเขาใช้เงินเพียง 80,000 เหรียญ แลกมาด้วยบ้านหลังใหญ่ ไม่มีการลงทุนใดจะคุ้มค่าเท่านี้อีกแล้ว และในวันขึ้นบ้านใหม่ก็ได้นิมนต์หลวงพ่อมาทำพิธีปัดเป่ารังควาน และในขณะมี่หลวงพ่อกำลังพรมน้ำมนต์ที่ชั้น 2 ข้างบันได ในห้องที่มาร์ช และ จอห์น เดเฟโอเสียชีวิตอยู่นั้น อยู่ดีๆก็มีเสียงดังขึ้นบอกหลวงพ่อว่า
"ออกไป"
ซึ่งทำให้หลวงพ่อต้องรีบพรมน้ำมนต์ แล้วเดินลงมาอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นหลวงพ่อไม่ได้เล่าถึงเรื่องดังกล่าวให้ครอบครัวลัทธ์ฟัง เพียงแต่บอกว่า "อย่าใช้ห้องชั้น 2 เป็นห้องนอนเด็ดขาด และอย่าให้ใครไปนอนในห้องนั้น" ซึ่งทั้งครอบครัวก็ตะลึงพอสมควร ก่อนเชื่อในคำพูดของหลวงพ่อ และทำให้ห้องนั้นเป็นห้องเย็บผ้า
.
.
เพียงแค่คืนแรกแค่คืนเดียวมันก็มากพอที่จะสร้างความกลัวให้แก่ครอบครัวลัทธ์ เมื่อพวกเขาได้กลิ่น "ประหลาด" คละคลุ้งอยู่เต็มบ้าน และนิสัยของทุกคนก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
เช่นจอร์จ ลัทธ์มีอาการหนาวสั่นตลอดคืนและใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกะการนั่งผิงไฟที่เตาผิง และสังเกตุได้ว่าภรรยาของเขามีนิสัยประหลาดๆ ไม่ห่วงสวย หรือดูแลตัวเองเหมือนปกติ
ส่วนงูกสาวก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องนอนของเธอ เธอบอกว่าเธอเล่นกับ "เพื่อนในจินตนาการ" เช่น โจอี้ เจ้าหมูตาแดง ที่สามารถขยายร่างได้ แถมโจดี้ยังบอกเธอว่า ไม่มีใครมองเห็นเธอ ยกเว้นคนที่เธอต้องการ
.
.
ความหลอนค่อยๆเกิดขึ้นทั่วบ้าน ไล่ตั้งแต่กลิ่นเหม็นเริ่มกระจายไปทั่วบ้าน เดินไปที่ไหนก็ได้กลิ่น และมาแรงขึ้นในช่วงปลายฤดูหนาว เมื่อจอร์จ ตื่นขึ้นมากลางดึกตอนเวลาตี 3:15 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ตำรวจวินิจฉัยว่าครอบครัวเดเฟโอถูกสังหาร
และเมื่อเขามองไปข้างๆ หวังจะไปกอดภรรยาเขาก็ต้องสะพรึงเมื่อคนที่นอนข้างๆไม่ใช่ภรรยา แต่เป็นยายแก่อายุราว 90 แทน ส่วนอีกคืนหนึ่ง ภรรยานอนอยู่ดีๆ ก็ลอยขึ้นเสียอย่างนั้น !!!!
เรื่องนี้ทำให้ครอบครัวลัทธ์ปั่นป่วนมาก พยายามโทรหาที่พึ่งทุกที่ จนในที่สุดจบที่โบสถ์ แต่ทว่า.... พอจะโทรไปที่โบสถ์สายโทรศัพท์ทั้งบ้านก็มีอันต้องดับไป ไม่สาม่รถใช้การได้ ราวกับมีพลังพิเศษมาจัดการเอาไว้
.
.
เมื่อพึ่งพระไม่ได้ก็ต้องจัดการด้วยตัวเอง ว่าแล้วครอบครัวลัทธ์ก็เดินถือไม้กางเขนไปรอบบ้าน หวังจะปราบผี แต่ผีมันไม่ได้กลัวนี่สิ เพราะพอเดินไปเรื่อยๆ ก็มีเสียงกระซิบมาว่า
"จะหยุดได้หรือยัง"
ทำเอาทั้งครอบครัวขนลุกไปตามๆกัน แต่ที่เจอมาว่าหนักแล้ว คืนสุดท้ายก่อนย้ายออกเฮี้ยนหนักกว่า อยู่ดีๆของเล่นก็ส่งเสียงร้องออกมาเอง เฟอร์นิเจอร์ในบ้านก็เคล้อนย้ายไปทั่ว
.
.
สุดท้ายครอบครัวลัทธ์อยู่ในบ้านหลังงามที่พวกเขาซื้อมาได้แค่เพียง 28 วันเท่านั้น และพวกเขากล่าวว่าจะไม่กลัยมาเหยียบที่นี่อีกเป็นครั้งที่ 2 ก่อนจะหยิบสัมภาระไปบางส่วนและโกยแน่บไปอย่างไว ไปนอนบ้านแม่ของจอร์จแทน
20 วันหลังจากครอบครัวลัทธ์ย้ายออกไป พวกเขาได้นำเรื่องเหล่านี้ไปเล่าให้ที่โบสถ์ฟัง หลวงพ่อที่เคยมาพรมย้ำมนต์ให้รู้ดีว่ามัน "เฮี้ยน" เพียงใดจึงส่งเรื่องไปยังศาสนจักร บอกเล่านักข่าว บอกทุกคนว่าบ้านมันน่ากลัวอย่างไร เพื่อหวังจะให้หาคนมาจัดการ และก็โป๊ะเชะ เป็นสองผัวเมียนักล่าผี "เอ็ด และลอร์เลน" โดยคนที่ไปบอกคือตากล้องที่ช่วยสืบสวนสอบสวนคดีผีๆกับพวกวอร์เรน
.
.
เมื่อทั้งคู่มาถึงเขาอยากจะเชิญครอบครัวลัทธ์มาที่บ้าน แต่โดนปฎิเสธกลับมา เหตุเพราะว่าพวกเขากลัวบ้านหลังนี้จนขึ้นสมองแล้ว
เอ็ดสัมผัสได้ถึงบางอย่างในบ้าน ว่ามีพลังงานแปลกๆวนเวียนอยู่ ส่วนลอร์เลนก็รับรู้ถึงพลังแห่งปีศาจที่โอบล้อมบ้านหลังนี้เอาไว้ เธอเห็นในนิมิตว่าครอบครัวเดเฟโอนอนจมกองเลือดอยู่ในบ้านที่พื้นทั้งหมดเป็นสีขาว ก่อนที่ภาพจะหายวับไป !
และเมื่อทีมสำรวจที่เข้าไปด้วย บังเอิญจับภาพที่น่าขนลุกได้ เป็นภาพเด็กน้อยโผล่มาจากชั้น 2 กำลังยืนมองมาที่กล้อง ! ซ้ำยังสืบค้นพบว่าบ้านหลังนี้เคยเป็นของนักเวทย์มนต์ดำที่ชื่อว่า "จอห์น เคทชัม" และร่ายเวทย์มนต์คำสาปใส่บ้านไว้ตั้งแต่ปี 1924 พร้อมกับฝังร่างตัวเองเอสไว้ภายใต้ผืนดินของบ้านหลังดังกล่าว
.
.
ครอบครัวเดเฟโอไม่ใช่คนแรกที่สังเวยให้บ้านหลังนี้ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีชาวอินเดียมาอยู่ที่บ้านและก็ต้องพบเจอกับความทุกข์ทรมานและป่วยตาย
ครอบครัววอร์เรนเชื่อว่าบ้านหลังนี้มีพลังงานด้านลบ และประวัติศาสตร์ที่ดำมืด และจากเกตุผลดังกล่าวเป็นเหมือนการเชิญชวนให้ปีศาจมาอยู่ที่บ้าน ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนที่มาอาศัยอยู่ที่บ้านแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวเดเฟโอ หรือ ครอบครัวลัทธ์ พวกเขาบอกให้ครอบครัวลัทธ์รีบย้ายออกไปซะ เพราะที่นี่น่ากลัวมาก ซึ่งสุดท้ายพวกเขาประกาศขายนับแต่ปี 1975 เป็นต้นมา และย้ายไปอยู่แคลิฟอเนียแทน
แต่เชื่อไหมว่าบ้านผีสิงหลังนี้กว่าจะขายออกไปได้นั้นต้องใช้เวลากว่า 35 ปี กว่าจะขายออกในราคา 950,000 เหรียญ และไม่เคยมีเรื่องพิศวงออกมาให้พบอีกเลย
.
.
.
ปล. ตอนนี้ Facebook มันปรับใหม่ การเห็นเพจจะน้อยลง เพราะฉะนั้นจึงอยากรบกวนเพื่อนๆ ช่วยกด See first ให้ผมด้วยนะครับ จะได้ไม่พลาดเรื่องเล่าสนุกๆจากเพจเราครับ
.
.
ท่านสามารถย้อนอ่านตอนเก่าๆได้ที่ลิงค์นี้ครับ
https://www.facebook.com/Fatmantalk/posts/2434897693222667
.
.
ถ้าชอบโพสนี้อย่าลืมกด Like โพสนี้ กดแชร์ให้คนอื่นได้อ่านกัน และอย่าลืมกดถูกใจเพจพุงพลุ้ยคุยไปเรื่อยด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
#ห้ามคัดลอกบทความ #กรุณากดแชร์แทนการก๊อปวาง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ


ออฟไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: We're All Made Here
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 41309
ที่อยู่: อย่ารู้เลย..
โพสเมื่อ: Wed Jan 20, 2021 00:39
[RE: เสียงกระซิบสั่งตาย]
สนุกดี ขอบคุณครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel