ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
01 November 2020 14:49 by เบน ฟรีคิก
เมื่อ “รุก” บ้าเลี้ยง “รับ” อ่อนแอ โคจรมาพบกัน




ผมพยายามเลี่ยงพูดถึง ลิเวอร์พูล นะ รู้ตัวว่ามาถี่เกินไปแต่บังเอิญวันเสาร์มีเตะแค่ 3 คู่แล้วไม่ค่อยมีประเด็นอะไรเท่าเกมที่ แอนฟิลด์

เชลซี ชนะ ขาด 3-0 ในเกมที่ครองบอลเกือบข้างเดียว 67/33 โดยที่ เบิร์นลีย์ เจ้าบ้านยิงไม่เข้ากรอบเลย

เป็นการเก็บคลีนชีต 2 นัดติดหนแรกของ แฟร็งค์ แลมพาร์ด ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ดีหลังก่อนหน้านี้แนวรุกและรับหาจุดบาลานซ์ไม่ได้เลย การมี เมนดี้ เฝ้าเสาทำให้เพื่อนร่วมทีมมีความมั่นใจอย่างเห็นได้ชัด

ลูกทีมของ ฌอน ไดซ์ เจอการเพรสเข้าไปทำให้สไตล์นักเตะแต่ละคนที่ไม่มีความคล่องตัวไม่มีใครสามารถเลี้ยงกินตัวหรือเอาตัวรอดในสถานการณ์ 1-1 ได้จึงโงหัวแทบไม่ขึ้น

3 แต้มของเชลซีในเกมนี้จึงขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ซึ่งเป็นการกระชับพื้นที่ในการไต่จนถึงจ่าฝูงได้อีกภายใน 2 เกมหากยังเล่นได้แบบนี้และทีมที่อยู่เหนือขึ้นไปพลาดเสมอซักเกม

ในขณะที่ แมนฯซิตี้ เผชิญปัญหาเหมือน “หงส์แดง” แต่ต่างกันตรงที่ตำแหน่งคือกองหน้าเจ็บจนไม่เหลือขาประจำจนขาดความเด็ดขาดและต้องมาพึ่งพาประตูชัยลูกเดียวของกองหลังอย่าง ไคล์ วอล์กเกอร์

เชฟฯ ยูไนเต็ด ฤดูกาลนี้แตกต่างจากปีก่อนตรงที่เกมรับแน่นแต่เกมรุกยังพอทำประตูได้บ้างจนช่วงต้นซีซั่นที่แล้วอยู่ติดท็อปด้านบน

ผมสังเกตแข้ง “อาบคู่” ทำการบ้านมาดีและเล่นมีวินัยเหมือนที่ ลิเวอร์พูล เกือบเสร็จคาบ้าน ทุกคนจะรู้ว่าฝั่ง ซิตี้ คนไหนถนัดเท้าอะไรและเล่นแบบไหนอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้บอลทางริมๆฝั่งซ้ายก็รู้แล้วว่าจะลากตัดเข้าในเข้าขวาข้างถนัดก็จะมีตัวไปรอดัก

ทำให้ปีกอพอลโล่วันนี้เลยทำได้แค่ยึกยักต้องแตะคืนหลังหลายๆจังหวะ

อย่างไรก็ตามปีนี้อาการ เชฟฯยูฯ น่าเป็นห่วงมากเพราะเตะมา 7 นัดเพิ่งยิงไปได้แค่ 3 เท่าที่ผมดูรูปแบบการเล่นยังขาดความเข้าใจในจังหวะขึ้นเกมค่อนข้างมากและผมคิดว่า รีอาน บริวสเตอร์ ยังเร็วไปที่จะยึดตำแหน่งตัวจริง ระบบการเล่นเลยไม่เหมือนเดิม

ปัญาของ “เรือใบ” ขาดกองหน้าอาชีพก็จริงครับแต่จุดที่เหมือนเละเทะคือแต่ละคนพาบอลไปกับเองแบบฝืนๆหรือพูดหยาบๆหน่อยก็คือบ้าเลี้ยง

โดยเฉพาะในรายของ ริยาด มาห์เรซ ที่เหมือนเล่นบอลโชว์แต่จังหวะที่ควรจ่ายควรทำอะไรซักอย่างไม่เกิดผล สไตล์การเล่นพวกนี้มันมีไว้สำหรับนักบอลดาดๆครับ ไม่ใช่คุณสมบัติของแข้งที่เคยได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก

จึงเป็นอะไรที่น่าสนใจจริงๆครับว่า “เรือใบ” ในยามที่ไร้กองหน้าอาชีพกับ “หงส์แดง” ที่ ณ เวลานี้แนวรับได้แค่ประคองรอตลาดเปิดเท่านั้น

การเสียประตูจากการบุกครั้งแรกของคู่แข่ง 2 นัดติดในพรีเมียร์ลีกมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วครับ

การโหม่งเคลียร์บอลของ โจ โกเมซ เป็นอะไรที่ซุ่มซ่ามและน่าจะทำได้ดีกว่า

ก่อนเกมหลายคนกังวลว่าใครจะมาช่วย โกเมซ ระหว่างน้อง รีส วิลเลี่ยมส์ หรือ แนท ฟิลิปปส์ แต่กลายเป็นว่าพี่โจต่างหากที่น่าห่วงที่สุด บทจะดีไม่มีพลาดก็เอาซะเนี้ยบ

ฟิลิปปส์ ในวัย 23 ปีเคยไปเก็บเวลกับ สตุ๊ตการ์ต เมื่อซีซั่นก่อนและด้วยการที่เจ้าตัวไม่มีชื่อในเวที แชมเปี้ยนส์ลีก ทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องส่งลงสนามเพื่อรับประกันว่าน้อง “รีส” จะไม่เสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บและเป็นการปกป้องไม่ให้ดาวรุ่งในวัยเพียง 19 ปีลงต่อเนื่องมากเกินไปในช่วงเวลา “ชิงสุกก่อนห่าม”

แนท รับ แมน ออฟ เดอะ แมทช์ จาก สกาย สปอร์ตส ในเกมนี้โดยน้องแกโดดเด่นในลูกกลางอากาศ (ส่วน โกเมซ ยังโหม่งแพ้แทบทุกจังหวะ) โดยเฉพาะลูกเคลียร์จังหวะเตะมุมทดเจ็บเป็นอะไที่ทำให้ เดอะ ค็อป โล่งใจเป็นที่สุด

แต่โดยรวมด้วยศักยภาพที่ไม่ติดแม้กระทั่งตัวสำรองในช่วงที่กองหลัง “หงส์แดง” เต็มสูบทำให้การยืนตำแหน่งยังหลุดและการจ่ายบอลที่ป้อแป้

การถูก แอสตัน วิลล่า กดไป 7 ลูกทำให้ “หงส์แดง” ยังสะสมประตู “เสีย” เพิ่มเป็น 15 และมากที่สุดในลีกไปแล้ว เป็นตัวเลขที่เราไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไหร่กับทีมที่อยู่ในตำแหน่ง “จ่าฝูง”

ตามข่าว โจเอล มาติ๊ป น่าจะหายทันนัดหน้าซึ่งประจวบเหมาะเจอกับ ซิตี้ พอดีซึ่งเป็นอะไรที่ทำให้หลายคนโล่งอกเพราะถ้าไม่นับ VvD แข้งแคเมอรูนเล่นลูกหัวได้ดีมาก พาบอลกินแดน และจ่ายบอลได้ดีกว่ามาตรฐานกองหลังทั่วไป (แม้จะมีพลาดให้เห็นอยู่บ้าง)

ผมเชื่อว่าหาก มาติ๊ป หายไม่ทันและยังเป็น แนท กับ โจ ลิเวอร์พูล อาจไม่ต้องคิดถึงการยิงประตูขึ้นนำเลยครับอาจต้องพยายามรับไม่ให้เสียลูกแรกก่อนคือ key สำคัญของการเจอทีมใหญ่ ณ เวลานี้เลย

“หงส์แดง” ทำให้เราเห็นแล้วว่าการเจอทีมอย่าง เชฟฯ ยูฯ และ เวสต์แฮม ยังสร้างปัญหาให้เกมรับได้ขนาดนี้การต้องเจอทีมที่มีผู้เล่นลากเลื้้อยจี้เข้าหาจะรับมือยังไงโดยเฉพาะการจ่ายทะลุหรือตัดหลังที่จำเป็นต้องมีผู้เล่นที่อ่านเกมขาด

เทรนต์ อาร์โนลด์ ก็เหมือนไม่สนใจคู่มือเกมรับแล้ว ปล่อยให้คู่แข่งเปิดทะลวงฝั่งตัวเองมาพักใหญ่ๆ

จุดตำหนิของ “หงส์แดง” ส่วนใหญ่จะเป็นเกมรับแต่เมื่อคืนวันเสาร์เราต้องไม่ลืมให้เครดิตเหล่าแดนกลางทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ จินี่ ไวจ์นาลดุม ที่แบกคอยคุมจังหวะการเล่น เก็บบอลเหนียว เสียบอลยาก

ในรายของ “เฮนโด้” มาตรฐานแกอยู่แล้ว คอยซ้อนเกมรับเวลาแบ็ค overlap ส่วน จินี่ ปกติเป็นคนครองบอลอย่างแน่น ใครแย่งแกได้ต้องเทพจริงๆ วันนี้ก็ยังสามารถพาบอลกินแดนเรียกฟาว์ลในช่วงเวลาที่ต้องการเผาเวลาได้อีกต่างหาก

ที่ทำให้เกมขาดมิติและสูญเสียตัวไปฟรีๆเป็น เคอร์ติส โจนส์ ที่วันนี้กลับมาร่างเดิมคือยึกยัก ยังไม่มีวิชั่นในการสร้างสรรค์เกม ซึ่งเราพอเข้าใจได้ว่า “ขุนค้อน” พอได้ประตูลงไปรับกันหมด 2-3 ชั้น

นักเตะ 3 ตัวบนอย่าง มาเน่,โม และ บ็อบบี้ รายล้อมไปด้วยแข้งทีมเยือนจนต้องถอยร่นมารับบอลต่ำ

แต่ ชากิรี่ แสดงให้เห็นแล้วว่าจมูกไวและมองเห็นอะไรบางอย่างที่ โจนส์ ไม่มีเราจึงได้เห็นการแอสซิสต์ให้ ดิโอโก้ โชต้า ยิงประตูชัยก่อนหมดเวลา 5 นาที

ผมเข้าใจว่า ชากิรี่ อาจไม่เหมาะกับระบบ 4-3-3 เพราะกลาง “หงส์แดง” ต้อง cover แบ็คซึ่งอดีตแข้ง สโต๊ค แกพวกสร้างสรรค์เกมจ๋าและไม่มีความเร็ว นี่คือสาเหตุทำให้พวก ฟาบินโญ่,เฮนโด้,จินี่ หรือ ติอาโก้ ล้วนแล้วแต่ได้สลับกันลงเล่นมากกว่าจะเป็น แชค

ถ้าเป็นสถานการณ์ที่ต้องการประตูแล้วปรับเปลี่ยนแผนตามหน้างานจึงเป็นบทบาทที่เหมาะกับ ชากิรี่ ที่สุดแล้วครับ

ในอีกจุดที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้คือ โชต้า ซึ่งผมเสียดายแทนแกที่ยิงในแอนฟิลด์ 3 เกมติดแต่กลับไม่มีแฟนบอล

เป็นอีกครั้งที่ต้องบอกว่า โชต้า คือการเสริมทัพที่เหนือความคาดหมายและใช้งานได้ทันทีไม่ต้องรอปรับตัว การยืนตำแหน่งหาช่องดีไม่แปลกใจเลยครับที่จะขโมยซีนมีชื่อยิงประตูแทบทุกนัด

เห็นฟอร์มแบบนี้แล้วตอนนี้กระแสการพัก โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ แล้วให้ โชต้า ยืน flase 9 เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆเพราะ บ็อบบี้ ช่วงนี้หมดแล้วจริงๆดูแห้งกรอบ หาความอันตรายไม่ได้เลย

คงไม่มีอะไรดีกว่าการให้คนที่ยิงประตูสำคัญมา 3 นัดติดลงตัวจริงและให้ ฟีร์เมียโน่ ได้พักและเรียกไฟตัวเองกลับมาที่ม้านั่งสำรองน่าจะเป็นอะไรที่ควรที่สุดแล้วครับ

ผมขอข้ามประเด็น ซาดิโอ มาเน่ พุ่งเข้าใส่ ลูคัส ฟาเบียงสกี้ ไปนะครับ จังหวะมันอันตราย ผู้รักษาประตูควรได้รับการปกป้องซึ่งหากลูกนี้แข้ง เซเนกัล เข้าถึงบอลแล้วเป็นประตูก็จะไม่ฟาว์ลแต่บังเอิญ “ว่าว” ก็อดได้ประตูกันไป

แต่ที่ต้องขอ “แตะ” หนักๆเลยคือบทสัมภาษณ์ของ เดวิด มอยส์ ที่ตำหนิ โม ซาลาห์ ว่าพุ่งล้มเอาจุดโทษซึ่งผมอ่านแล้วดู “แรง” เกินไปจนออกแนว “งอแง”

แต่ “โอเคกว่า” สำหรับความเห็นของ แกรม ซูเนสส์ อดีตนักเตะ ลิเวอร์พูล ที่ได้พูดถึงเคสนี้ว่าเป็น soft penalty หรือเป็นจุดโทษที่ง่ายเกินไป

สำหรับความเห็นผม ผมเคยเขียนถึง โม ไปแล้วหลายทีว่าการล้มของแกในหลายๆครั้งไม่เป็นธรรมชาติ แกมักผายมือล้มเพื่อให้ผู้ตัดสินเป่าฟาว์ลซึ่งส่วนใหญ่แทบไม่ได้เลย

จังหวะบังบอลถูไถแล้วล้มต่อให้นอกเขตก็ยากครับเพราะผู้ตัดสิน(ที่ไม่โง่) เขาจะมองความได้เปรียบเสียเปรียบในสถานการณ์นั้นๆด้วยเช่นคุณตัวเล็กกว่าแกร่งน้อยกว่าแต่บังบอลไม่อยู่โดนคนตัวใหญ่กว่าเบียดแซะแล้วเสียบอลจะมาทิ้งตัว คุณพ่ายแพ้ทางสรีระไปครึ่งนึงแล้ว จะเอาฟาว์ลต้องคุณได้เปรียบในจังหวะเกมเช่นพลิกหนีไปครึ่งก้าวเจอเหนี่ยวไหล่ โดนสะกิดจนเป๋ อะไรเทือกนั้น

พอ “โม” เป็นแบบนี้บ่อยๆเข้ากลายเป็นภาพจำติดตาจนได้ฟาว์ลยากมากถ้าไม่โดนแบบรวบล้มหน้าทิ่มจริงๆ

กระทั่งหลังๆมานี้ ซาลาห์ แกร่งขึ้นไม่ล้มมั่วซั่ว เสียบอลยากแต่จากเกมเมื่อคืนจะบอกว่าพุ่งก็ไม่เต็มปากเพราะว่าถูกเตะจริงแต่แข้ง อิยิปต์ ใส่ action เพิ่มเพื่อให้จุดโทษนี้ดูมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น

ผมอยากแยกประเภทของการเสียจุดโทษเอาไว้ดังนี้ครับ

1. ผู้เล่นถูกทำฟาว์ลจนไปต่อไม่ได้ หรือศัพท์บอลเรียก “ถอนรากถอนโคน”

2. ผู้เล่นถูกทำฟาว์ลจริง(และฝืนเล่นต่อได้)แต่เลือกล้ม หรือศัพท์บอลเรียก “เสียเหลี่ยม”

3. ไม่โดนทำฟาว์ลใดๆแต่ทิ้งตัวล้ม หรือศัพท์บอลเรียก “พุ่งเอาจุดโทษ”

ในรายของ “บังโม” เข้าข่ายข้อ 2 ไม่ได้พุ่งล้มโดยที่ไม่ถูก contact ใดๆและในเคสนี้ มาซูอากู ซุ่มซ่ามเตะแบบไม่มีทรง (และเจ้าตัวคอตกไม่เถียงเลยซักคำ) ทั้งๆที่ลูกแบบนี้ส่วนใหญ่กองหลังเขาจะบังไว้เฉยๆเพื่อไม่ให้แนวรุกพลิกเข้าขาข้างถนัด (ในทีนี้คือซ้ายของ โม)

เพียงแต่ “โม” อาจจะดีดเยอะไปนิด ภาพที่ออกมาไม่ค่อยธรรมชาติเท่าไหร่ จริงๆลูกแบบนี้ควรต้องล้มไปด้านหลังจะดูโอเคกว่านี้ (ฮา)

คุณเคยเคสเห็นกองหน้าวิ่งควบเอาบอลแล้วผู้รักษาประตูปรี่ออกมาไหมครับ พวกฉลาดเขาจะรู้ว่าตัวเองถึงก่อนแน่ๆแต่เลือกแตะบอลหนีในเสี้ยววินาทีกับจังหวะที่ผู้รักษาประตูกำลังจะรวบบอลพอดีแล้วก็ล้มเนียนๆ นี่คือการ “เสียเหลี่ยม” นะครับ ไม่ใช่ “พุ่ง”

ในยุคที่มี VAR ไม่ต้องห่วงหรอกครับ แม้จะปัญญาอ่อนแทบทุกสัปดาห์แต่จังหวะแบบนี้มันดูไม่ยากหรอกว่าจะให้เป็นการพุ่งล้มหรือถูกทำฟาว์ลจริง...
แก้ไขล่าสุดโดย เบน ฟรีคิก เมื่อ Sun Nov 01, 2020 19:18, ทั้งหมด 4 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออนไลน์
นักเตะเทศบาล
Status: (^_^)b
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Mar 2007
ตอบ: 6342
ที่อยู่: โลก
โพสเมื่อ: Sun Nov 01, 2020 15:15
[RE]เมื่อ “รุก” บ้าเลี้ยง “รับ” อ่อนแอ โคจรมาพบกัน
อ่านเพลินครับ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
^_____^ ให้สิ่งใด ก็ได้สิ่งนั้น

ก่อนที่จะลงมือทำอะไร-เราควรรู้ว่าจะจบมันอย่างไร

“แผนอยู่ที่คน ผลอยู่ที่ฟ้า มิอาจบังคับ” ขงเบ้ง

เ อ า ที่ ส บ า ย ใ จ เ ล ย (แต่อย่าให้คนอื่นเดือดร้อน)

ถ้า "ได้ยิน" จะ "ลืม"
ถ้า "เห็น" จะ "จำ"
ถ้า "ทำ" จะ "เข้าใจ"
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 10 Nov 2006
ตอบ: 465
ที่อยู่: มุมๆหนึ่งที่ชั้น 3 ของออฟฟิศ
โพสเมื่อ: Sun Nov 01, 2020 15:19
[RE: เมื่อ “รุก” บ้าเลี้ยง “รับ” อ่อนแอ โคจรมาพบกัน]
เยี่ยมครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
(ทัณฑ์บนครั้งที่ 1)

นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Mar 2018
ตอบ: 6117
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 01, 2020 15:19
ถูกแบนแล้ว
[RE: เมื่อ “รุก” บ้าเลี้ยง “รับ” อ่อนแอ โคจรมาพบกัน]
เขียนได้เยี่ยม
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: มินมินมารุ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Dec 2014
ตอบ: 2581
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 01, 2020 15:40
[RE: เมื่อ “รุก” บ้าเลี้ยง “รับ” อ่อนแอ โคจรมาพบกัน]
เขียนโคตรดีครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status: liverpool 1981
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Aug 2007
ตอบ: 6676
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 01, 2020 16:04
[RE: เมื่อ “รุก” บ้าเลี้ยง “รับ” อ่อนแอ โคจรมาพบกัน]
ยังกังวลว่าแช็คถ้าลงตัวจริงจะบอดอีกมั้ย ลงสำรองนี่เทพเหลือเกิน
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Liverpool Is My Life


https://www.youtube.com/channel/UCQ3qi4MTr0_FIACHBCh3sAA
ฝากช่องยูทูปด้วยครับ
ออฟไลน์
แข้งลีกเอิง
Status: You'll Never Walk Alone
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Sep 2017
ตอบ: 4669
ที่อยู่: Anfield Nathawee
โพสเมื่อ: Sun Nov 01, 2020 16:32
[RE: เมื่อ “รุก” บ้าเลี้ยง “รับ” อ่อนแอ โคจรมาพบกัน]
อ้างอิงจาก:
แม้จะปัญญาอ่อนแทบทุกสัปดาห์แต่จังหวะแบบนี้มันดูไม่ยากหรอกว่าจะให้เป็นการพุ่งล้มหรือถูกทำฟาว์ลจริง  
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Jun 2007
ตอบ: 39197
ที่อยู่: บ้านนอก
โพสเมื่อ: Sun Nov 01, 2020 16:36
เมื่อ “รุก” บ้าเลี้ยง “รับ” อ่อนแอ โคจรมาพบกัน
้เห็นด้วยครับ แช็คให้เล่นกลาง 3 คน แกต้องรุกตลอดเพราะรับนี่ออกแนวมั่วจึงดูไม่เข้าระบบคลอป แต่การครองบอล ออกบอลไว้ใจได้เลย ช่วงนี้ให้ฟีโน่พักก็ดีครับ ผมว่าแกเป็นพวกศิลปินลูกหนัง ถ้าลงมากแต่ไม่มีไอเดีย ก็รังแต่จะทำให้ฟอร์มตกปล่าวๆ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
แข้งเจลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 16398
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 01, 2020 23:55
[RE: เมื่อ “รุก” บ้าเลี้ยง “รับ” อ่อนแอ โคจรมาพบกัน]
https://www.instagram.com/p/CGjeSzdh6W7/

1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel