【**♘♞JUVENTUS FC♘♞**】ปีร์โล่ปรับเปลี่ยนฟอร์เมชั่นในแต่ละเกมมากเกินไปรึเปล่า แฟนยูเว่มาคุยกันค่ะ
ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมาภายใต้การคุมทีมของปีร์โล่ มียูเวนตินี่ท่านไหนรู้สึกว่าฟอร์เมชั่นที่ปีร์โล่ใช้ในแต่ละเกมมันมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดภายในระยะเวลา 90 นาทีมั้ยคะ
เริ่มเกมมาก็ฟอร์เมชั่นนึง ขึ้นทำเกมรุกก็เปลี่ยนเป็นอีกฟอร์เมชั่น จังหวะเคาน์เตอร์แอทแท็คเปลี่ยนอีก จังหวะลงไปแพ็คเกมรับก็เปลี่ยน (อันนี้เข้าใจได้) แก้เกมครั้งหนึ่งฟอร์เมชั่นก็เปลี่ยนครั้งหนึ่ง หรือแม้แต่ทีมนำก็ยังเปลี่ยน คือเปลี่ยนฟอร์เมชั่นตลอดเวลาจริง ๆ จากที่สังเกตเห็น และแต่ละครั้งที่เปลี่ยนจะต้องมีนักเตะอย่างน้อย 2 คนที่โดนสลับตำแหน่ง สลับพื้นที่เล่น เปลี่ยนพื้นที่รับผิดชอบ
ตลอด 7 นัด ที่ปีร์โล่คุม ยูเว่ออกสตาร์ทด้วยระบบที่แตกต่างกันในแต่ละเกม แทบไม่ตายตัวเลย
• โนวาร่า : 3-5-2
• ซามป์โดเรีย : 3-4-1-2
• โรม่า : 4-4-2
• โครโตเน่ : 3-4-2-1
• ดินาโม เคียฟ : 4-4-1-1
• เวโรน่า : 3-5-2
• บาร์เซโลน่า : 4-4-2
โดยเมื่อแข่งขันจริง ฟอร์เมชั่นแต่ละเกมก็มีการปรับเปลี่ยนไปตามรูปเกมและแท็กติก ดังนี้ เกมเจอโนวาร่าเปลี่ยนจาก 3-5-2 ไปเป็น 3-1-2-4 ในครึ่งหลัง และพยายามทำเกมรุกในรูปแบบ 2-3-5, เจอโรม่ารับด้วย 4-4-2 และปรับเป็นรุกด้วย 3-4-1-2 และ 3-2-5, เกมเจอเคียฟปรับไปมาระหว่าง 4-4-1-1 กับ 3-4-1-2 เกมเจอเวโรน่า นี่ก็สลับปรับเปลี่ยนหลายแบบมาก
เกมที่เจอบาร์ซ่าเมื่อคืน เริ่มยืนด้วย 4-4-2, แล้วปรับไปรุกด้วย 4-2-3-1 กับ 3-2-5, จังหวะสวนกลับใช้ 4-2-4, แพ็คเกมรับด้วย 4-4-2, และครึ่งหลังแก้เกมด้วย 3-3-4 สลับกับ 3-4-3 ซึ่งสลับปรับเปลี่ยนฟอร์เมชั่นตลอดทั้งเกม และส่งผลให้นักเตะต้องโยกสลับตำแหน่ง จากหลังไปกลาง จากกลางไปหน้า แถมบางคนยังรับภาระหนักทั้งส่วนของเกมรุกและเกมรับเมื่อปรับฟอร์เมชั่นแต่ละครั้ง
กล่าวคือไม่ว่าจะเริ่มต้นด้วยระบบใด เวลาทำเกมรุกปีร์โล่จะปรับฟอร์เมชั่นให้อยู่ในรูปแบบ 3-2-5 ตลอด ซึ่งน่าจะอิงตามวิทยานิพนธ์ "My football" ของปีร์โล่ที่อธิบายถึงระบบการเล่นแบบ 3-2-5 และทำให้เค้าได้คะแนนสูงเป็นอันดับสองจากผู้เข้ารับการสอบทั้งหมด
ส่วนเวลารับทีมจะลงมาแพ็คเกมแน่นปรับฟอร์เมชั่นเป็น 4-4-2 ตั้งแต่ฝ่ายตรงข้ามลำเลียงบอลผ่านครึ่งสนามมายังพื้นที่ฝั่งเรา เน้นรับแบบคุมโซน แทบจะไม่รับแบบแมนมาร์คเลย และปีร์โล่จะให้นักเตะเพรสเฉพาะแดนบนเท่านั้นในโซนของ halfspace และ wings ตามทฤษฏี vertical zones ของระบบ 3-2-5
และเมื่อคู่แข่งเข้ามาสู่พื้นที่สุดท้ายหรือในกรอบเขตโทษ ปีร์โล่จะแบ่งโซนในกรอบออกเป็น 6 โซน ให้ผู้รักษาประตูประจำการอยู่ที่โซน 2 หน้าปากประตู และนักเตะตัวรับคนอื่น ๆ ต้องลงมาช่วยยืนปิดมุม ช่วยป้องกันประตูตามโซนต่าง ๆ ที่เหลืออีก 5 โซน
ส่วนวิธีการแก้เพรสของทีมเวลาโดนเพรสหนักๆ นอกจากโยนยาวข้ามแนวเพรสแล้ว ที่สังเกตเห็นอีกคือ ปีร์โล่จะให้นักเตะแก้โดยการจ่ายบอลขึ้นหน้าอย่างรวดเร็วไปยังผู้เล่นคนถัดไป ตามทฤษฎีของ Rhombus Progression Structure ซึ่งบอกตามตรงว่าเราเองก็ไม่มีความรู้พอว่าทฤษฏีนี้จะสามารถแก้เพรสซิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมั้ย
ด้วยความที่ปีร์โล่ยังเป็นมือใหม่ ไม่มีเวลาเตรียมทีมมากพอ ทำให้การทดลอง ทดสอบแผน ปรับแท็กติก เลยต้องมาทำในตอนที่แข่งขันจริงเลย แถมเค้ายังปรับเปลี่ยนฟอร์เมชั่นในชนิดที่เรารู้สึกว่ามันมากเกินไป เลยอาจเป็นเหตุผลหนึ่งด้วยรึเปล่า ที่ทำให้นักเตะสับสนกับตำแหน่งที่ตัวเองต้องเล่น พื้นที่ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ ทับตำแหน่งกันเอง จนนำไปสู่การเล่นได้ไม่ตามแผนที่ปีร์โล่วางไว้ อย่างนัดเมื่อคืนดิบาล่ากับคูลูเซฟสกี้นี่ทับตำแหน่งกันกระจาย ดิ๊บฉีกไปอยู่แต่ฝั่งขวาทั้งที่ควรจะอยู่ตรงกลางสนามมากกว่านี้ และยังมีอีกหลายสิ่งที่ทีมต้องปรับปรุงแก้ไขไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทมโป เรื่องเสียฟาวล์ ใบเหลืองใบแดง การเข้าบอลโฉ่งฉ่าง และยืนไลน์ยังไงไม่ให้ล้ำหน้า
ตอนนี้เป็นห่วงทีมมาก จนวิตกกังวล กลัวนู่นนี่นั่นไปหมด เลยอยากมาชวนแฟน ๆ ที่รักและเชียร์ทีมเดียวกันมาแลกเปลี่ยนทัศนะและความคิดเห็นกันค่ะ
หากข้อมูลส่วนไหนในกระทู้นี้ที่เราเข้าใจผิดไป ก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ
หรือถ้ายูเวนตินี่ท่านไหนไม่รู้จะเม้นอะไรในประเด็นที่ จขกท. พูดถึง อย่างน้อยเข้ามาให้กำลังใจปีร์โล่ก็ได้นะคะ ตอนนี้มิสเตอร์ของเราต้องการกำลังใจหนักมาก หลังจากเพิ่งจะโดนแฟน ๆ ฝั่งอิตาลีถล่มเละเมื่อเช้า
สุดท้ายไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ยังไงก็ Fino Alla Fine ไม่เปลี่ยนแปลงเนอะพวกเราชาวเบียงโคเนรี่ ♥