ดร. Rajpal Brar แสดงความเห็นผ่าน This is Anfield เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บเอ็นไหขว้คู่หน้าหัวเข่าของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด แต่เชื่อกันว่าอาการบาดเจ็บของ ฟาน ไดค์ อยู่ในระดับ 3 ซึ่งถือว่าร้ายแรงที่สุด โดยการผ่าตัดจะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้เพราะต้องรอให้อาการบวมบริเวณหัวเข่าลดลงไปเสียก่อน
ปกติแล้ว สำหรับนักฟุตบอลอาชีพ ระยะเวลาสำหรับการฟื้นตัวจนกลับมาเล่นได้อีกครั้งหลังจากผ่าตัดเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าอยู่ที่ราว 7-9 เดือน
มันเป็นไปได้ที่จะกลับมาเร็วกว่านั้น แต่มันก็มาพร้อมความเสี่ยงที่อาจจะเจ็บซ้ำ ตัวอย่างล่าสุดคือ นิโกโล่ ซานิโอโล่ มิดฟิลด์ดาวรุ่งโรม่า ใช้เวลา 5 เดือนครึ่งในการฟื้นตัวจนกลับมาลงสนามได้อีกครั้งแต่ไม่ทันไรก็เจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าเหมือนเดิม แต่สลับข้างจากขวาเป็นซ้าย
ทั้งนี้ ระยะเวลาฟื้นตัวก็ขึ้นอยู่กับว่าแพทย์ผู้ผ่าตัดจะเจอความเสียหายมากแค่ไหนระหว่างการผ่าตัดด้วย ในรายของ เวสลี่ย์ ของ แอสตัน วิลล่า เจ็บแบบเดียวกันและเจอเส้นเอ็นเสียหาย 3 จุดรวมถึงบริเวณหมอนรองกระดูก และพักยาวเป็นเวลา 10 เดือนเข้าไปแล้ว ซึ่งถ้าเจ็บเส้นเอ็นหลายจุดก็มีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะต้องใช้เวลาฟื้นตัวมากกว่าปกติ
แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ็บเส้นเอ็นส่วนไหนด้วย ถ้าเจ็บบริเวณเอ็นพับในที่ถือว่าเจอบ่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะเส้นเอ็นบริเวณนี้ฟื้นตัวได้ไว้อยู่แล้วเพราะมีการไหลเวียนของเลือกที่ดีตรงจุดนี้
ทว่าถ้าเป็นตรงเอ็นไขว้หลังขึ้นมา มันก็จะส่งผลเสียถึงบริเวณข้อต่อ และยิ่งถ้าเจอความเสียหายบริเวณหมอนรองกระดูกขึ้นมา มันก็จะยิ่งทำให้การฟื้นตัวช้าขึ้นไปอีก รวมถึงอาจเกิดความตึงบริเวณหัวเข่าเวลาเคลื่อนไหวตรงจุดนั้น
ส่วนคำถามที่ว่านักเตะจะสามารถกลับมาเล่นด้วยฟอร์มเหมือนก่อนเจ็บได้หรือไม่ แน่นอนว่าเป็นไปได้ แต่จากผลวิจัยระบุว่าส่วนใหญ่แล้วจะใช้เวลาราว 18-24 เดือน
กระนั้น ดร. Brar มองว่า ฟาน ไดค์ ยังมีเรื่องดีถึง 4 ข้อระหว่างการฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บครั้งนี้ นั่นคือ
1. ฟาน ไดค์ มีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ซึ่งมันเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวหลังบาดเจ็บอยู่แล้ว
2. ลิเวอร์พูล มีทีมงานด้านการแพทย์ในระดับแนวหน้าของวงการ
3. สไตล์การเล่นของ ฟาน ไดค์ ที่เน้นการอ่านเกมและการยืนตำแหน่งเป็นหลัก เลยทำให้เมื่อกลับไปลงสนาม มันจะไม่เป้นภาระหนักกับหัวเข่านั่นเอง
4. ฟาน ไดค์ มีทัศนคติที่ยืดหยุ่นและพร้อมเผชิญหน้ากับทุกอุปสรรค ทำให้จะไม่มีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจทั้งระหว่างฟื้นตัวหรือหลังกลับมาลงสนาม













CR:เพจเฮียเต็ก

เอ็นเข่า นายกเบน เลย ซึ้ง..

มีภาพประกอบด้วยดีมากๆเลย

เรียบร้อย หนาวนี้ หรือซัมเมอร์หน้า ต้องหาเซนเตอร์ตัวหลักจริงๆจังๆเลย

ฟานไดจ 29 ปีหน้า 30 ต่อให้แกร่งยังไงกองหลังก็ใช่ร่างกายไม่น้อย แม้จะไม่ได้เคลื่อนที่มากแต่ต้องเกร็งพลังเต็มที่ ไหนจะการกระโดดอีก

กลับมาก็ต้องเปลี่ยนวิธีการเล่นอ่ะ หาตัวแทนได้เลยแบบนี้

ไอ้พิกฟอร์ดดดดดดดด

เป็นเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญ
เพราะ2-3ปีข้างหน้า vvd มันก็ต้องโรยรา
มันต้องมีแผนการรองรับอยู่แล้ว

อาจกระทบบ้าง
ก็ต้องสู้กันต่อไป

ข้อดีข้อ 3 ไม่ค่อยเห็นด้วย

ตัวแกใหญ่วิ่งเร็ว แถมชอบสไลด์เข่าดักบอล

โอกาสเจ็บซ้ำมีสูงเลยละ

ใครคิดตามละเสียวแป๊บแบบผมมั้ง
นึกตามเวลาเราโดนเทือนเข้าส่วนข้อพับ แล้วไม่ได้เกร็ง
จังหวะเอ็นส่วนนั้นขาด โอยยย เสียวท้องน้อยเลย

ปล.ผมว่าฟาน ไดร์ กลับมาได้เร็วแน่ๆ การกีฬาสมัยนี้ ดีกว่าแต่ก่อนเยอะ

กลัวกลับมาแล้วกลายเป็นพวกจอมเจ็บมากกว่าฟอร์มตก

เห็นแล้วแม่งยิ่งเจ็บใจ...

แม่งคิดได้ไงวะ กระโดดขาคู่เข้าใส่ทั้งตัวแบบนั้น? จะบอกว่าไอ้นี่มันเล่นแบบนี้เป็นปกติ แบบนี้มันไม่ปกติแล้ว เพราะคนที่โดนเข้าบอลแบบนี้ โอกาสบาดเจ็บมีสูงมากก...เข่าแทบบิดอ่ะ...โคตรเซ็งแม่งเลย...

cr เพจเฮียเต๊ก

อย่าพึงคิดถึงตอนหายเจ็บเลย

คิดถึงช่วงเวลาที่ต้องอยู่เฉยๆดีกว่า ไม่ได้วิ่ง ไม่ได้ออกกำลังกาย ในช่วงที่ต้องพักรักษาตัวนี้

ทรมานนะ ต้องอยู่เฉยๆหลายๆเดือน เดินกะเผลกๆเนี่ย

ทำอะไรก็ไม่สะดวก

เฮ้ย หนักเลย ถึงจะเป็นทีมคู่แข่ง แต่ไม่อยากให้นักเตะต้องมีอาการบาดเจ็บแบบนี้เลย เป็นห่วงกลัวจะกลับมาแล้วมีผลกระทบต่ออาชีพ

แต่คงไม่มีรายละเอียดเปิดเผยมามั้งว่าเข่าเสียหายขนาดไหนคงรอผ่าตัดก่อน ส่วนสไตล์ไดจ์เองเรื่องสปีดผมว่าขาแกยาว แกไม่ได้สับแหลกเหมือนพวกสายวิ่งเลยไม่อะไรมากหรอก แต่เป้นห่วงเรื่องการเทคตัวโหม่งมากกว่าอาจทำได้ไม่ดีเหมือนเดิม

แต่ยังไงขอให้หายกลับมาเถอะ พัก 6-10 เดือนก็พักไปเลยขอแค่ให้มันสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ต้องรีบ ส่วนที่ต้องรีบคือหงส์ควรหากองหลังมาทดแทนช่วงเวลาที่ขาดหายไปของไดจ์ได้แล้ว เคสลาปอร์ต เป๊บยังต้องหาคนมาไว้เลยอย่างดิอาซ เพราะมันไม่มีอะไรการันตีว่าเค้าจะไม่เจ็บซ้ำอีก หรือเล่นได้ยาวๆโดยไม่เจ็บ

อีกอย่างปัญหาใหญ่ของหงส์คือ มาติปก็เจ็บบ่อย ทำให้ตอนนี้เหลือแค่โกเมซ ซึ่งฟอร์มก็อย่างที่เห็น