เขียนได้โดนใจมาก (เรื่องม็อบนะ ไม่ชอบอย่ามาอ่าน)
https://www.facebook.com/666658443/posts/10158523249758444/?extid=0&d=n
วันที่ 15 ต.ค. 2563 ณ แยกราชประสงค์
หรือเพดานอาจจะไม่มีอยู่จริงตั้งแต่แรกแล้ว?
ถ้ามองย้อนกลับไปตอนที่นศ. เริ่มออกมาชุมนุมช่วงก่อนโควิดจะมา ชนวนที่จุดกระแสการชุมนุมขึ้นมา คือการยุบพรรคอนาคตใหม่ ไล่ไปจนถึงการอุ้มวันเฉลิม
กว่าที่ทนายอานนท์จะเริ่มพูดเรื่องสถาบันกษัตริย์ที่เราทุกคนพูดในที่ลับกันมาเป็นเวลานาน รัฐบาลมีเวลาหลายเดือนมากในการตอบรับข้อเรียกร้อง และแก้ปัญหาต่างๆให้ดีกว่านี้
แต่ผลจากไม่สนใจฟังเสียงของประชาชน
ไปจนถึงการใช้ชีวิตแบบไม่เห็นหัวประชาชนของสถาบัน
ทำให้เพดานการชุมนุมมันถูกยกสูงขึ้นเรื่อยๆ
ถ้า Royalist จะโทษใครสักคนที่ทำให้สถาบันโดนโจมตี ก็โทษรัฐบาลเถอะ ที่ไม่ตอบรับข้อเรียกร้องใดๆ
ในเมื่อที่ผ่านมารัฐบาลก็ใช้สถาบันมาเป็นข้ออ้างในการโจมตีฝั่งตรงข้ามมาตั้งแต่การทำรัฐประหาร
แล้วมันจะแปลกอะไรถ้าคุณบริหารบ้านเมืองด้วยความโง่งม แล้วคนเขาจะเอา performance ของคุณไปผูกกับสถาบันบ้างไม่ได้
นี่ไม่ใช่เรื่องของศีลธรรม บาป บุญ คุณงามความดี อะไรคือ fact อะไรคือ fake news ทั้งนั้น
แต่มันคือเรื่องของ performance ที่ย่ำแย่ตั้งแต่สถาบันสูงสุดไปจนถึงหน่วยงานราชการชั้นล่างๆ
จะเอาเรื่องบุญคุณที่ใครเคยทำไว้ มาอ้างความชอบธรรมในการมีอยู่ของระบอบนี้ก็คงไม่ได้
ใครที่ยังตั้งคำถามว่า รักรัชกาลที่ 9 และเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมได้หรือไม่
คำตอบคือ ได้ เรามีสิทธิ์จะรักและรำลึกถึงใครก็ได้
แต่ในขณะเดียวกัน ลองตอบตัวเองดู ว่าความคิดแบบนี้มันย้อนแย้ง และไม่สมเหตุสมผลรึเปล่า
ในเมื่อคนที่คุณเทิดทูนคือฟันเฟืองสำคัญ ที่หยั่งรากลึกอยู่ในใจกลางระบอบที่กำลังถูกเรียกร้องให้ต้องปรับเปลี่ยน
ไม่ว่าจะ 50 ปีที่แล้ว หรือผ่านมาแล้ว 4 ปี
เราปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าความรู้สึกรักและเทิดทูลที่ก่อตัวขึ้นมาในใจคุณนั้น มันคือผลพวงจากระบอบศักดินา และลัทธิบูชาตัวบุคคล
แล้วคุณจะมาเห็นด้วยกับการชุมนุมในเรื่องอะไร
ในเมื่อการที่คุณยังย้อนแย้งแบบนี้เนี่ยแหละ คือข้อยืนยันถึงความผิดเพี้ยนของระบอบนี้
คุณอาจจะรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม ทำไมการที่คุณรักใครสักคนแล้วต้องโดนคนอื่นถากถาง
ทุกๆการแสดงจุดยืนมันมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ
เมื่อ 10 ปีก่อน คนกทม.ที่พูดขึ้นมาในที่ทำงานว่า “รักทักษิณ” ก็คงโดนมองว่าแปลกแยกจากเพื่อนร่วมงาน
ไม่ต่างอะไรกับเด็กนศ. ในวันนี้ที่คงกลายเป็น Minority ในสังคมของเขา ถ้าพูดว่า “รักในหลวง”
ในวันที่ออกไปเป่านกหวีด ด่าคนเสื้อแดงว่าโง่โดนทักษิณหลอก
คนในยุคนี้เขาก็มองว่า คุณโดนสถาบันล้างสมอง ไม่ต่างกัน
ไม่มีถูกหรือผิด แต่มีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ
ความผิดเพี้ยนของระบอบนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นมาแค่ 4 ปีที่ผ่านมา
มีคนจำนวนมากเสียชีวิตและเสียอิสรภาพ จากมาตรา 112
มีค่าเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศและเสถียรภาพทางการเมืองจากการลงพระปรมาภิไธยรับรองรัฐประหารทุกครั้ง
มีการใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชนอย่างไม่สมเหตุสมผล
ถ้าเราทราบอยู่แก่ใจว่าสถานะและบทบาทของตัวเอง ส่งผลร้ายต่อผู้คนเป็นจำนวนมาก ก็ควรที่จะตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลง
ไม่น่าปล่อยให้มันลุกลามจนกลายเป็นแบบนี้
รู้สึกแปลก รู้สึกถึงความก้าวร้าวใช่ไหม
ที่นศ. ออกมาพูดถึงสถาบันในลักษณะนี้
เข้าใจหรือยัง ว่าที่รู้สึกว่ามันแปลก เพราะตั้งแต่เกิดเราต่างก็ถูกกรอกหูแต่เรื่องดีๆ
ที่บ้าน ที่โรงเรียน ในทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์
สารคดี นิทรรศการ และอีกมากมาย
แน่นอนว่าก็มีผู้คนที่ผ่านประสบการณ์จริงกับตัวเองในเรื่องคุณงามความดี และเชื่อว่าระบอบนี้ช่วยให้ชีวิตของเขาและครอบครัวดีขึ้น
แต่เคยมีบ้างไหม ที่ระบอบนี้จะให้โอกาสสังคมได้วิพากษ์วิจารณ์ในแง่มุมอื่นๆบ้าง
เคยคิดถึงคนที่เขาได้รับผลกระทบในแง่ลบจากความอยุติธรรมของระบอบนี้บ้างไหม
ถ้า 20 ปีก่อน ทุกคนคงพูดว่านี้คือ “ศูนย์รวมใจของไทยทั้งชาติ”
แต่วันนี้เราเห็นแล้ว ว่านี้คือสิ่งที่แบ่งแยกคนในชาติมาโดยตลอดต่างหาก
แค่คนอีกฝ่ายหนึ่งเพิ่งมีโอกาสได้ลืมตาอ้าปาก
มันอาจจะถึงเวลาที่เราต้องตัดสินใจแล้ว
ว่าระบอบที่อยู่ได้ด้วยคุณงามความดีในอดีตที่เขาว่ากันว่านั้น มันจะยังยิ่งใหญ่กว่าคุณภาพชีวิตของคนรุ่นถัดไปหรือเปล่า
อย่าให้ความรัก ความเทิดทูนมาปิดตา และเพิกเฉยต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นตลอดเวลาในสังคม
เพราะเมื่อถึงวันที่มันเกิดขึ้นกับคุณ
คุณอาจจะได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของเสียงที่ไม่มีใครรับฟังบ้าง
|||
Photo: tw @boswayyyy