ทีมกินโค้ช! เปิดไทม์ไลน์ 9 กุนซือ “สิงห์เจ้าท่า” ในยุค “มาดามแป้ง”
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!!! “สิงห์เจ้าท่า” ยุค “มาดามแป้ง” ใช้กุนซือไปแล้วถึง 8 คน โดย “เซอร์เด็จ” อยู่ทนสุด 3 สมัย ก่อนแต่งตั้ง “โค้ชอู๊ด” มาคุมทัพเป็นรายที่ 9
วันนี้ “SS บอลไทย” จะพาไปย้อนดูกันว่ารายชื่อกุนซือที่ผ่านมาของ การท่าเรือ เอฟซี ในยุค “มาดามแป้ง” มีใครสลับสับเปลี่ยนเข้ามาทำทีมกันบ้าง
“น้าฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม คือ “รายแรก” ของ “มาดามแป้ง” นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลัก “สิงห์เจ้าท่า” ในฤดูกาล 2558 หรือ 2015
แต่ผ่านไปแค่ 5 นัด “น้าฉ่วย” ตัดสินใจโบกมือลา พร้อมเหตุผลที่ผ่านมาตั้งใจและทุ่มเทในการทำงานให้การท่าเรืออย่างเต็มที่ แต่เมื่อโดนกดดันจากหลายๆ ด้าน จึงทำให้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง
“ไพบูลย์ เลิศวิมลรัตน์” คือ “รายที่ 2” ที่ถูกเลือก เข้ามาคุมทีมแทน แต่ก็ทำหน้าที่ได้แค่ 6 นัด (ชนะ 3 แพ้ 3 รวมทุกรายการ) ในระยะเวลาเพียง 74 วัน (3 เมษายน - 16 มิถุนายน 2015) ก่อนโดนปลดฟ้าผ่า
“แกรี่ สตีเวนส์” คือ “รายที่ 3” และเป็นต่างชาติคนแรกที่ถูกแต่งตั้งข้ามทวีป จากเมืองวินิเพก ประเทศแคนาดา ระหว่าง “มาดามแป้ง” ทำหน้าที่ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยในฟุตบอลโลก
แต่ เฮดโค้ชชาวอังกฤษ อดีตนักเตะท็อตแนม ฮอทสเปอร์ ก็อยู่ทนได้เพียงแค่ 41 วันเท่านั้น นับเป็นกุนซือที่มีอายุการทำงานสั้นที่สุดในยุค “มาดามแป้ง” หลังไม่สามารถพา “สิงห์เจ้าท่า” สลัดพ้นโซนตกชั้นได้ในเลกแรก พาทีมแพ้ถึง 7 จาก 9 นัดรวมทุกรายการ
“คสช.” โค้ชสมชาย ทรัพย์เพิ่ม คือ “รายที่ 4” ที่ “มาดามแป้ง” หวังให้เข้ามาช่วยกอบกู้วิกฤตในเลกสอง แต่ด้วยผลงานพาทีมชนะแค่ 3 เสมอ 2 แพ้ 5 จน “สิงห์เจ้าท่า” หล่นไปรั้งรองบ๊วย ทำให้ “มาดามแป้ง” ไม่ยอมเสี่ยงอีกต่อไป
“มาซาฮิโร วาดะ” คือ “รายที่ 5” โดย อดีตกุนซือชลบุรี เอฟซี ชาวญี่ปุ่น มีภารกิจพาทีมหนีการตกชั้นใน 9 นัดสุดท้ายของฤดูกาล แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ “สิงห์เจ้าท่า” ต้องลงไปโลดแล่นในลีกรอง แต่ “วาดะ” ยังคงได้ไปต่อกับภารกิจพาทีมกลับขึ้นสู่ลีกสูงสุด
แต่ท้ายสุด เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น ก็อยู่ไม่รอด หลังผลงานกว่าครึ่งทางของฤดูกาล 2016 แข่งไป 19 นัด ชนะ 8 เสมอ 9 แพ้ 2 รั้งอันดับ 3 ของตารางคะแนน ไม่เป็นที่ประทับใจแฟน การเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้น
“เซอร์เด็จ” จเด็จ มีลาภ คือ “รายที่ 6” ที่ถูกเลือกมาคุมทัพแทนด้วยสัญญาจนจบฤดูกาล
เทรนเนอร์มากประสบการณ์ ผู้เคยพา ชลบุรี คว้าแชมป์ลีกสูงสุด เมื่อปี 2007 มาแล้ว ไม่ทำให้ “มาดามแป้ง” ผิดหวัง เมื่อพาทีมเลื่อนชั้นกลับสู่ไทยลีก รวมถึงผลงานฤดูกาล 2017 เสมอกับยักษ์ใหญ่ บุรีรัมย์ 0-0, บุกชนะ เชียงราย 3-1 และบุกชนะ เมืองทอง 3-2
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เพียงพอที่จะรักษาเก้าอี้กุนซือในถิ่น แพท สเตเดียม เอาไว้ได้ หลังผ่านไป 18 นัด “เซอร์เด็จ” ถูกขยับไปเป็นที่ปรึกษา เพื่อหลีกทางให้ อดีตเฮดโค้ชทีมชาติไทย
“ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง คือ “รายที่ 7” ที่เข้ามาสร้างความฮือฮา เมื่อหวนกลับมาคุมทีมระดับสโมสรครั้งแรกในรอบ 5 ปี นั้บตั้งแต่ บางกอก เอฟซี ปี 2012 นอกจากนี้ “ซิโก้” ยังเคยคุม จุฬา ยูไนเต็ด และ ชลบุรี เอฟซี รวมถึง ฮอง อันห์ยาลาย ที่เวียดนาม
แต่ชื่อเสียงที่สั่งสม ไม่อาจการันตีความสำเร็จ หลังจากคุม “สิงห์เจ้าท่า” ไม่ถึง 3 เดือน เก็บชัยชนะได้แค่นัดเดียว จาก 10 นัด ทำให้ “ซิโก้” ได้ขอยุติบทบาทเพื่อรับผิดชอบต่อผลงาน นอกจากนี้ ยังบอกอีกว่า การมารับงานโดยที่ไม่ได้เลือกนักเตะเอง และไม่ได้คุมตั้งแต่ปรีซีซั่น ถือเป็นบทเรียนสำคัญ
จากนั้น “เซอร์จเด็จ” ถูกดึงกลับลงมานั่งเก้าอี้กุนซือขัดตาทัพเป็นคำรบ 2 จนจบฤดูกาล 2017 ด้วยอันดับ 9 ต่อเนื่องฤดูกาล 2018 ด้วยอันดับ 3
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงสำหรับการท่าเรือในยุค “มาดามแป้ง” เป็นของคู่กัน เมื่อการท่าเรือฟอร์ม หล่นอย่างน่าใจหาย ไม่ชนะใครในลีกหลายนัด ทำให้ “เซอร์เด็จ” ถูกโยกกลับไปนั่งตำแหน่งที่ปรึกษาอีกครั้งในช่วงเลกสองของฤดูกาล 2019
“โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ คือ “รายที่ 8” ถูกเลือกเข้ามาสานต่อ พร้อมพา “สิงห์เจ้าท่า” เบียดลุ้นแชมป์ไทยลีกก่อนจบซีซั่นด้วยอันดับ 3 แต่ที่สะใจแฟนคือสามารถคว้าแชมป์ “เอฟเอ คัพ” ซึ่งเป็นถ้วยใบแรกของ “มาดามแป้ง” ในถิ่น แพท สเตเดียม และได้สิทธิ์ไปเล่นฟุตบอล ACL เป็นครั้งแรก
แต่สาวก “สิงห์เจ้าท่า” ต้องผิดหวัง เมื่อ “โค้ชโชค” ไม่สามารถพาทีมผ่านด่านแรก ACL ในรอบเพลย์ออฟได้ อีกทั้งยังพ่าย สิงห์ เชียงราย ในศึกแชมป์ชนแชมป์
อย่างไรก็ตาม ไทยลีก 2020 อดีตกุนซือทีมชาติไทย ชุดคว้าแชมป์ซีเกมส์ 2015 แก้ตัวพา การท่าเรือ ออกสตาร์ทยอดเยี่ยม 4 นัดแรก ไม่แพ้ใคร ชนะ 3 เสมอ 1 ก่อนโดน โควิด-19 เล่นงาน ทำให้ลีกต้องหยุดชะงัก
แต่แล้วจู่ๆ “มาดามแป้ง” ได้ประกาศแยกทาง “โค้ชโชค” ในช่วงพักโควิด หลังร่วมงานกันมา 8 เดือน ท่ามกลางกระแสดราม่า โดยเฉพาะการแทรกแซงการทำงานโค้ชที่ “มาดามแป้ง” ยอมรับ ก่อนตัดสินใจโยก “เซอร์เด็จ” กลับมาเป็นกุนซือคำรบ 3
ทว่าการรีสตาร์ทไทยลีก 2020 ภายใต้การคุมทีมขัดตาทัพของ “เซอร์เด็จ” ต้องจบลงอย่างรวดเร็วเพียงแค่ 2 นัด ด้วยฟอร์มไม่น่าประทับใจ หลังเสมอ โปลิศ เทโร 1-1 ก่อนเจออุบัติเหตุไฟสนามดับจนถูกปรับแพ้ 0-2 ตามด้วยพ่าย บีจี ปทุม คาบ้าน 0-1
“โค้ชอู๊ด” สระราวุฒิ ตรีพันธ์ คือ “รายที่ 9” เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน ณ ปัจจุบัน โดยอดีตมือขวา “โค้ชโชค” จะประเดิมคุมทีมสู้ศึกไทยลีก 2020-2021 นัดที่ 7 เยือน ตราด เอฟซี ในวันเสาร์ที่ 26 กันยายนนี้
คงต้องติดตามกันต่อไปว่า “โค้ชอู๊ด” จะรักษาเก้าอี้กุนซือ “สิงห์เจ้าท่า” ในยุค “มาดามแป้ง” เอาไว้ได้นานแค่ไหน?
แก้ไขล่าสุดโดย Narueta เมื่อ Wed Sep 23, 2020 00:37, ทั้งหมด 4 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ