เพิ่งไปเลื่อนๆอ่านเฟซ ก็เจอดราม่าเล็กๆ แต่มีมาหลายครั้งละ อย่างครั้งก่อนก็เป็นเด็กวาดรูปราคาถูก แล้วมีคนมาด่ากัน
ดราม่าเริ่มประมาณว่า เพจจ่าช่วงนี้จะแชร์พวกร้านค้าอะไรออกมาสู้โควิดประมาณนี้
แล้วที่นี้ก็แชร์โปรโมชั่นของเพจๆนึง ประมาณว่า รับถ่ายรูปในงานแต่ง ราคา 3000 บาท
แล้วที่นี้คนก็มาดราม่ากันว่า เนี่ยตัดราคากันยับเลย ลามมาถึงการดูถูกฝีมือช่างภาพคนนั้นว่า ฝีมือแค่นี้ จ่าย 3000 ยังเคือง
จนไปถึงดิสเครดิตว่าจะรับงานแล้วชิ่ง อะไรประมาณนี้

ผมสงสัยว่าเรื่องพวกนี้มันมีราคากลางเหรอครับ งี้ถ้าผมทำอาชีพพวกนี้
ผมก็ห้ามมีโปรโมชั่นอะไรที่มันเกินหน้าคนตาอื่น อะไรแบบนี้หรือเปล่า
แล้วมันต่างจากพวกขายข้าวราคาถูกอะไรแบบนี้ไหม
ส่วนตัวผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้ แต่บางเม้นผมอ่านแล้วเคืองแทนจริงๆ


https://www.facebook.com/DramaAdd/photos/a.10158589268428291/10158963451848291/?type=3&theater

มีทุกวงการครับ

ถ้าคุณตัดราคาคนอื่น แต่ตัวคุณหรือบริษัทฯคุณไปรอดหรือโตขึ้นได้ ผมโอเคนะสำหรับเคสนี้ แปลว่าคุณบริหารเก่ง

แต่ส่วนมากที่ผมเจอคือ ตัดราคาเพราะอยากได้งาน แต่คำนวณต้นทุนไม่ดี สุดท้ายตัวเองก็ไม่รอด และทำให้ตลาดเสียอีก

อ่อนแอก็แพ้ไป ยิ่งงานถ่ายภาพ ราคามันล่องลอยอยู่แล้วขึ้นอยู่กับใครรับได้ที่เท่าไหร่

นึกถึงวงการโปรแกรมเมอร์อะครับ ตัดราคากันชิบหายวายปวง 5555

มีทุกวงการครับ

ถ้าคุณตัดราคาคนอื่น แต่ตัวคุณหรือบริษัทฯคุณไปรอดหรือโตขึ้นได้ ผมโอเคนะสำหรับเคสนี้ แปลว่าคุณบริหารเก่ง

แต่ส่วนมากที่ผมเจอคือ ตัดราคาเพราะอยากได้งาน แต่คำนวณต้นทุนไม่ดี สุดท้ายตัวเองก็ไม่รอด และทำให้ตลาดเสียอีก

มันเป็นเรื่องของงานฝีมือ งานวิชาชีพอ่ะพวกนี้ ต่างจากเรื่องขายข้าวอยู่นิดนึงตรงต้นทุนมันคือวิชาชีพ

แต่ภาพรวมมันมีส่วนทำให้วิชาชีพดูราคาถูกลงจริงๆนะ และเพื่อนร่วมอาชีพก็จะพลอยโดนกดราคาไปด้วยครับ

ยกตัวอย่างเช่น ทันตแพทย์ จัดฟันด้วยอุปกรณ์มาตรฐานทั่วไป สมมุติเค้าคิดค่าอุปกรณ์+ค่าแรง 25,000 แล้วมีบางคลีนิคมาตั้งราคา 7,500 โดยใช้อุปกรณ์เกรดรองๆลงมาหน่อย คนก็จะคิดว่าหาจัดฟัน 7-8 พันก็พอแล้ว 25,000 แพงเว่อร์ คิดว่าโดนโขกอะไรไปอีก เรื่องงานวิชาชีพนี่ผมว่ามันมีมาตรฐานราคาที่เหมาะสมของมันอยู่นะ

เมื่อไม่กี่ปีก่อน อาจารย์มหาลัยออกมารับงานแข่งกับฟรีแล้น โดยให้นักศึกษาทำแลกเกรด แล้วใช้โปรไฟล์มหาลัย เลยกดราคาได้ต่ำ สุดท้ายงานไม่ได้คุณภาพเพราะนักศึกษาทำแล้วก็แล้วจบไป เป็นปัญหาอยู่ช่วงนึง

ผมมองในมุมงาน design นะ ราคาก็ตาม target ลูกค้าแหล่ะครับ เราจะเอางานคาคาหลักพันไปเทียบกับหลักแสนก็ไม่ได้(ลูกค้าคนไทยนิยมจ่ายหลักพันแต่อยากงานหลักแสน)

เห็นหลายเจ้าแล้วที่แบบออกแบบ โลโก้ ก็คือออกแบบแค่โลโก้จริงๆทำแค่อย่างเดียว CI คืออะไรไม่รู้จัก จ่ายเท่านี้ก็เอาไปเท่านี้ ในขณะที่อีกเจ้านึงจ้างแพงกว่าหน่อย มี CI ทำ Brandbook ให้ด้วย

ถ้าเรารับงานถูกครั้งนึง ครั้งแต่ไปจะรับแพงยากแล้ว เพราะจะโดนเอาไปเปรียบเทียบว่าทำไมงานนั้นยังราคาเท่านี้เลย ทีงานนนี้จะเก็บแพงได้ยังไง

จะบอกว่าผิดก็คงไม่ใช่ครับ ถ้าในงานที่ปกติค่าบริการค่อนข้างสูง

แต่บางวิชาชีพ ค่าบริการไม่ได้สูงเลย แต่เสือกตัดราคากัน

ทั้งๆที่บางทีหลายๆคนพยายามยกระดับวิชาชีพให้สูงขึ้น สร้างการทำงานให้ตรง

ตามมาตรฐาน แต่กลายเป็นเจอพวก ลัดขั้นตอน ไม่ทำงานตามมาตรฐาน

แล้วมาตัดราคา แบบนี้ผมบอกเลย สวะมาก

ผมว่าแพงหรือถูก อยู่ที่ผลของงาน&งานบริการ
ถูกแต่ห่วย ผมก็ไม่ซ้ำ
แพงแต่ดีเลย ผมซ้ำนะ
ถ้างานชิ้นสำคัญ ผมไม่ค่อยกล้าใช้ของถูก เพราะส่วนใหญ่แล้วมันหามาตรฐานในของถูกไม่ได้
สรุปคือถ้าคุณขายตัวเองได้ ขายงานได้ ถึงแพงแต่ก็มีงานหรือบางทีงานอาจล้นมือด้วยซ้ำ อย่าไปสนใจคนขายถูกเลย ผลงานมันก็ฟ้องกันอยู่

ผลงานมันจะบอกคุณค่าตัวคุณเอง บางทีตัวคุณเองไม่ได้ตัดสินอยู่ฝ่ายเดียว ลูกค้าก็ตัดสินได้เหมือนกันครับว่าจะใช้หรือไม่ใช้

ในกรณีของผม ผมเป็นสถาปนิก ผมจะตั้งราคาแบบอยู่ในมาตรฐานโดยทั่วไปก็ 3-5% ของค่าก่อสร้าง หรือคิดแบบเป็น ตรม. ตามความยากง่ายของชิ้นงานนั้นๆ

ในกรณีถ้ามีคนอื่นมาเสนอราคาที่ถูกกว่ามาตัดราคาของผม ผมไม่โกรธเลย นั่นก็เพราะว่า ……
ลูกค้าเขาพอใจราคาที่เขารับได้ พอใจคุณภาพงานที่เขารับได้ เมื่อมีปัญหาภายหลังมันคือตัวลูกค้าเองที่จะต้องยอมรับสภาพ

นั่นก็เพราะว่า คนที่ตั้งใจมาตัดราคาเพื่อให้ได้งานเบิกเงินครั้งสองครั้ง เพราะจุดประสงค์ก็ชัดเจนว่าอยากได้งานเพื่อให้ได้เงิน

บางทีก็สงสารลูกค้าเพราะกลับมาให้ผมแก้งานให้ ผมไม่รับครับ เงินของคุณมีค่ากับเขา แค่ตอนเงินมันอยู่กับคุณแค่นั้นเอง

ผมคิดราคาตามมาตรฐาน ตามตลาด

คนซื้อจะยังไงก็เลือกเอา ผมไม่กลัวนะ

ตัดอาชีพมั้ย ผมว่าทำงานถูก มันทำได้ไม่นาน ได้นิดเดียวแต่เหนื่อยเท่าคนอื่น แป้บๆก็ไม่ไหวแล้ว

คุณภาพก็ตามราคาครับ

ถามว่า 3000 ถูกไหม สำหรับงานแต่ง ผมตอบเลยว่าถูกมาก แต่มันขึ้นอยู่กับว่า ได้อะไรด้วยนะครับ งานแต่งไม่ได้แต่งกันบ่อยๆ นะครับ งานพังขึ้นมา รับผิดชอบกันได้เหรอครับ

งานแต่งผม ผมจ่ายทีมกล้องไป 5 หมื่นอ่ะ ได้อะไรบ้าง?
1. ตากล้องหลัก 2 คน
2. ตากล้อง Candid 1 คน
3. วีดิโอ 2 คน
4. อยู่กับผมตั้งแต่ 7.00 - 15.00 ถ่ายให้ตั้งแต่เริ่มงานยันเลิกงาน เลิกงานแล้วพาไปถ่ายต่ออีก
5. Presenatation ยาว 5 นาที
6. รูป 2000 กว่ารูป
7. ทีมงานแฟลช / reflect
8. ทีมงานอื่นๆ เช่น คอยบอกท่าทาง จัดองค์ประกอบภาพให้ เคลียคิวถ่ายภาพ

คหสต. น่าจะอยู่ที่ ฝีมือ และเวลา
ถ้าฝีมือดี คิวเต็ม ใครอยากจ้างก็ยินดีจ่ายแพงหน่อย
ส่วนคนที่ฝีมือพอใช้ งานน้อย
ก็จัดโปรโมชั่นถูกลง มีรายได้เข้ามา ก็ดีกว่าว่างงาน

ถ้าเป็นโปรดักส์
ก็เหมือนของดีขายดีอยู่แล้ว แพงหน่อยคนก็เต็มใจจ่าย
แต่อีกยี่ห้อ ขายช้าจมทุน ก็จัดโปรโมชั่นลดราคา
ดีกว่าปล่อยค้างสต้อค

มันก็แค่ทางเลือกให้ลูกค้านะ อย่างพูดถึงถ่ายรูปงานแต่งที่ข้างบนว่า 3000 สำหรับผมมันก็อาจจะเหมาะสมดี (แต่ความจริงคือผมไม่ได้จ่ายสักบาท ถ่ายกันเอง) คือมันไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะจ่ายในราคาสูงๆ เพราะจริงๆ แล้วมันไม่ได้มีประโยชน์กับชีวิตเลย รูปงานแต่งผมตอนนี้ผ่านมาสิบปีละ แผ่นซีดีที่ได้มาตอนนั้น ยังไม่เคยแกะออกจากซองเลย ยังไม่เคยเห็นรูปหรืออะไรจากงานแต่งตัวเองเลย และไม่คิดว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องดูด้วย คนรักกันอยู่ข้างกันทุกวัน จะมานั่งรำลึกถึงวันเดียวในชีวิตทำไม

ส่วนเวลาผมเป็นคนรับจ้างเอง ผมก็ตั้งราคาของผมตามที่ผมคิดว่าเหมาะสม มีคนตั้งถูกกว่าเยอะแยะ ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันแย่อะไร บางคนอยากจ้างถูกเพราะไม่ได้ต้องการอะไรที่พิเศษหรือความน่าเชื่อถือเฉพาะที่สะสมกันมาก็ตามแต่ความต้องการของลูกค้า ใครคิดว่าจ้างผมแล้วเหมาะสมก็จ้าง ปกติต่อรองผมก็ไม่รับข้ออ้างเรื่องจ้างคนอื่นเท่านั้นเท่านี้อยู่แล้ว ใครพูดแบบนั้นผมก็แนะนำให้ไปจ้างคนที่ถูกกว่าดีกว่า อย่าเสียเวลาต่อรองเลย