เอาจิงๆมันคือความบ้าบอมากของบอร์ดเลยนะ ช็อคเเรงเหมือนกันผม คือไม่ต้องเก็บวงเก็บเวลมันละ น้าปิร์โล่

อย่างกรณีน้าซีดานยังมีคุมชุดเล็กพอเป็นพื้นฐานบ้าง เเต่ผมมาคิดเเบบนี้คับ คิดใหม่ว่า ที่ผ่านมาหลังขึ้นมาจาก serie b บอร์ด playsafe ตลอด ทำยังไงก็ได้ให้ได้โควต้าไป UCL พอสักพักก็ทำยังไงก็ได้ให้ได้เเชมป์ในประเทศต่างๆ เเต่พอเป้าหมายเริ่มเปลี่ยนไปเป็นคว้าเเชมป์ UCL มันก็ play safe ไม่ได้ละ ที่ผ่านมาที่เกือบได้เเต่ก็ไม่ได้ ก็เพราะไม่มีลูกบ้าเลย ต้องมีลูกบ้าบ้างเเล้ว

ที่ผ่านมายุคทะเลาะกับคอนเต้หลังได้เเชมป์3ปีซ้อน ก็อัลเลกรี ก็เน้นเซฟๆคือผลเเข่งขัน คุมมา 5 ปี เเนวทางยังเหมือนเดิมคือเน้นผล

เกมรุกที่ควรจะมีเพื่อจะคว้าเเชมป์ UCL ก็ไม่เกิดสักที ก็เริ่มมีลูกบ้าไปเอาซารี่มาคุม หวังว่าจะได้บอลบุก เเต่ก็ผิดหวัง

ครั้งนี้ผมว่าบอร์ดใจถึงมาก(เรียกว่ายอมรับความเสี่ยงมาก)ในการมีลูกบ้าเเบบนี้ เเล้วปิร์โล่ก็ถือว่าใจถึงพอสมควรที่กล้ามาคุมตอนนี้

ถือว่าเปนการใจกล้าของทั้ง 2 ฝ่ายทั้ง บอร์ด ทั้ง ปิร์โล่ เเละมันก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่สดใสของทรรศนะคติใหม่ต่อสโมสรแห่งนี้ที่ผมเชียร์กว่า 20 ปี

ในใจลึกๆหวังว่าจะทำได้ดีเหมือนที่ซีดานเเสดงให้โลกเห็นว่าเค้าเจ๋งเเค่ไหน เเละปิร์โล่ก็เช่นกัน เป็นกำลังใจสุดพลัง สร้างปรากฎการณ์ให้ได้

ผมไม่ได้ตามดูยูเว่หรือกัลโช่เลยนะ แต่จริงๆการจะเป็นแชมปบอลถ้วยมันต้องการบอลสไตล์เน้นผลอยู่แล้วปะครับ ผมไม่รู้ว่าเน้นผลของคุณหมายความว่าไงด้วยอะเอาจริงๆ เพราะไม่ได้ดู ถ้าถามผมนะ UCLนี่เกมรับแน่นๆแล้วโต้กลับคมๆน่าจะพาทีมถึงฝั่งง่ายกว่าสไตล์เปิดหน้าบดขยี้ลอยหลังสูงๆเยอะเลย

ปล ขอให้โชคดีเปียร์โล่ สมัยแกยังเป็นผู้เล่นผมแอบเป็นติ่งแกอยู่เหมือนกัน

ผมรู้สึกว่ามันจะออกมาดี

ความหมายเน้นผลของผมคือ ก่อนหน้านี้เพิ่งขึ้นชั้นมาจาก serie b เค้าใจว่าต้องเน้นผลเพราะเป้าหมายคือ

1คว้าตั๋ว UCL
2คว้าเเชมป์ serie a เเละ เเชมปในประเทศอื่นๆ

ลักษณะการเล่นที่ผ่านมาคือ เน้นใช้ความสม่ำเสมอของการเล่นทั้งปี ครับที่บอกว่าเน้นผล เเต่เมื่อบรรลุไปได้ที่ละเป้าหมายเเล้ว

เเต่พอเป้าหมายที่3 คือ คว้าเเชมป์ UCL การเล่นในลักษณะมันใช้ไม่ได้กับบอลน๊อคเอ้า ยิ่งอย่างเปน UCL รองเเบ่งกลุ่มไม่มีปัญหาหรอก

เพราะเน้นเก็บเเต้ม เรามีโอกาสในการเเก้ตัวเจอเเข่ง6นัดกว่าจะหมดรอบ เเต่พอเปนรอบ นอคเอ้า ยิ่งเจอทีมบิ๊กเนม มันก็ต้องกดดันเเละมักจะ

ไม่มีทีเด็ดทีขาด กล้าๆกลัวๆ เน้นรับ เเต่สวนก็ไม่น่ากลัว เหมือนไม่กล้าเข้าทำ คือยังติด กลัวเเพ้นั้นแหละ เเละไม่มีจิตวิญญานของเเชมป์เลย

จะบอกว่าผมไม่เคยคิดว่าทีมผมเป็นทีมที่ได้เปรียบใครใน UCL หลายคนอาจจะเหนว่า เอ้ย เจอยูเว่ น่ากลัว นู้นนี้ ไม่อยากจับฉลากเจอ บลาๆ

เเต่จะบอกว่ายิ่งเข้ารอบลึกๆ ทีมผมอะจะยิ่งอ่อนเเอเรื่อยๆ เเละต่อให้ปีนั้นๆไปถึงรอบชิงก็ตาม มันก็ขาสั่นเเล้ว คือกลัวเเพ้เพราะเข้าชิง9ครั้ง ได้มา 2 แพ้ไปถึง 7 คือพูดภาษาบ้านๆคือ เข็ดขยาด อะครับ กลัวเเพ้กลัวผิดหวังกลัวไม่ได้เเชมป์ เเล้วก็จะเล่นไม่มั่นใจ ผมอยากให้ทีมผมก้าวผ่านไปจากจุดนี้ให้ได้

หวังว่าการเปลี่ยนเเปลงครั้งใหญ่นี้ จะสร้างปรากฏการร์ให้กับทีมอย่างแท้จริงสักที

กลัวจะพังอะดิ ไม่เก็บเวลไรเลย แบบเลิกเล่นแขวนสตั้สปั๊ปโค้ชทันที เหมือนนักเตะคุมกันเอง


เสี่ยงเกิ้นจำเป็น แล้วทีมอื่นเริ่มมาละด้วย เอซี อินเตอร์ พวกนี้

ถึงบอกว่ามันเป็นความบ้าบอไงมอส 55 ผมก็กลัวพังเหมือนกัน เเต่ถามว่าอยากเสี่ยงมั้ยผมก็อยากนะ ตอนนี้ไม่มีอะไรเเย่ไปกว่ารูปแบบการเล่นในปัจจุบันละ ทำตัวพองใหญ่คนอื่นเห็นอาจมีกลัวบ้าง เเต่มันก็คืออึ่งอ่าง ที่กระโดดได้ไม่เคยไกลกว่าความกลัวของตัวมันเอง

เอาใจช่วยน้าปิร์โล่ละกันเนอะ

ปีหน้าอินเตอร์ ลาซิโอรอชูถ้วย

คิดจากแค่ผลงาน ซาร์รี่ควรได้คุมต่อนะ ได้แชมป์ลีกแล้วในปีแรก

CR7 ดันเหลือสัญญาปีเดียวพอดี นี่อาจจะเป็นตัวเร่งการประเมินที่ผิดปกติของบอร์ด ในการปลดซาร์รี่ ถ้าแค่นี้ ยังพอเข้าใจได้

แต่ก็ไม่คิดว่า การตั้งโค้ชคนใหม่จะมาในแนวทางนี้ นี่เหมือนเริ่มต้นจากความว่างเปล่าเลย

ชอบปิร์โล่นะ แต่คิดว่าเร็วเกินไป

กลัวอย่างเดียวคือจะกลายมาเป็นขี้ปากแฟนบอลเนี่ยสิ

เอาจริงๆ
ผมอยากให้ตั้งปีรโล่นะ เรื่องประสบการณ์เป็นจุดด้อยก็จริง แต่ผมก็เชื่ออย่างหนึ่ง ถ้าคุณเก่งพอคุณก็แก่พอ แรกๆ อาจจะลุ่มดอนก็เชียร์ไป ส่วนตัวผมดูบอล บางทีชีวิตก็ต้องเดิมพันมาก บางคนบอกว่าเสี่ยงไปมั้ย ของแบบนี้ก็ไม่รู้ ต้องลองแหละ ตั้งมาแล้วไม่ว่าเป็นคนก็เชียร์ เล่นไม่ดี ผมก็บ่นแค่นั้น ดูสนุกเพื่อความบันเทิง

มีความรู้สึกว่าจะทำได้โอเคนะ แชมป์ลีกน่าจะได้ แต่ยูฟ่านี่อาจจะต้องเหนื่อยหน่อย

ถ้าเป็นแบบที่คุณพิมพ์มางั้นผมว่าต้องปรับเรื่องจิตใจก่อนเลยนะ ควรจ้างนักจิตวิทยาเลยล่ะ การกลัวแพ้กับบอลน็อคเอ้าท์จริงๆเป็นเรื่องที่ดี (ในแง่แทคติค รับแน่นๆไว้ก่อน ไม่ได้ต้องไม่เสีย) แต่ต้องไม่ให้มันมากระทบกับความมั่นใจของผู้เล่น จุดนี้คงจะหาบาล้านซ์ยากนิดนึง

ถามแบบโง่ๆเลย ปีร์โล่มีผลงานเทียบกับพวกอดีตนักเตะอย่างกัตจังได้หรอ ตอนแรกนึกว่าจะเป็นพอชหรือโค้ชที่มีผลงานเด่นๆหน่อย เพราะทีมมีโด้อยู่

ส่วนตัวแล้วคิดว่าเร็วเกินไปสำหรับปีร์โล่ที่จะมาแบกรับแรงกดดันระดับนี้ค่ะ แม้ว่าเค้าจะเป็นนักเตะที่เราชอบ แต่ในฐานะโค้ชแล้วมันไม่เหมือนกัน การเป็นสุดยอดนักเตะไม่ได้แปลว่าจะเป็นสุดยอดผู้จัดการทีม ยังไม่รวมถึงนิสัยส่วนตัวบางอย่างของปีร์โล่สมัยเป็นนักเตะ ที่ทำให้เราไม่ค่อยมั่นใจและกล้าตั้งความหวังว่าเค้าจะนำพายูเว่ไปสู่เป้าหมายของสโมสรได้

สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เราหวนนึกไปถึงยุคก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่อยากนึกถึงมันอีก ถึงมันจะไม่เหมือนกันซะทีเดียวแต่มันทำให้เรากลัว กลัวมากว่ามันจะเป็นสถานการณ์ที่ซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง นั่นคือตอนที่ปลดรานิเอรี่ แล้วตั้งแฟร์ราร่าขึ้นมาคุมทีม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการตกต่ำและเปลี่ยนสถานะไปสู่ทีมกลางตารางของยูเว่เรา

ตอนนั้นรานิเอรี่ก็แบบนี้เหมือนกัน คุมทีมไม่ถูกใจแฟนบอล เปลี่ยนตัวงง ๆ แก้เกมงง ๆ แผน 4-4-2 แบบเดิม ๆ ตลอดปีตลอดชาติ พาทีมทำผลงานแย่ แถมยังมีปากเสียงกับนักเตะในทีมอีก เคยทะเลาะกับเทรเซเกต์จนถึงขั้นดรอปไม่ส่งลงตัวจริง และเคยถูกแฟนบอลประท้วงให้ปลดออกจากเก้าอี้กุนซือ

พอลองเอาน้าติ๊ก (แฟร์ราร่า) ที่ตอนนั้นเป็นผู้ช่วยโค้ชในทีมเยาวชนของยูเว่และเคยมีประสบการณ์จากการเป็นสตาฟฟ์ของอิตาลีชุดแชมป์โลกมาคุมทีมแทน 2 นัด ผลงานดีหน่อยจิญี่ก็ตั้งถาวรเลย แฟนบอลก็อวยเช้าเย็นเพราะเป็นอดีตตำนานของทีม ถึงขนาดมีบางคนบอกว่าจะโค่นล้มอินเตอร์ลงจากบัลลังก์ได้บ้างล่ะ จะเทียบรัศมีกับมูรินโญ่ได้บ้างล่ะ แล้วสุดท้ายเป็นไง หนักกว่ารานิเอรี่ โดนสาปแบบไม่ได้ผุดได้เกิด โดนปลดทั้งที่คุมทีมยังไม่ถึงปีเลยด้วยซ้ำ

เราไม่ได้จะเหมารวมว่าการตั้งปีร์โล่มาเป็นผู้จัดการทีมจะทำให้ยูเว่ต้องลงเอยแบบตอนแฟร์ราร่า แต่ตัวปีร์โล่เองยังไม่มีหลักประกันที่ชื่อว่าประสบการณ์ที่จะทำให้แฟนบอลอย่างเราเชื่อใจได้

ไม่ว่าจะเป็นซัคเคโรนี่ เดลเนรี่ คอนเต้ อัลเลกรี ซาร์รี่ ทุกคนเคยมีประสบการณ์พาทีมในลีกล่างคว้าแชมป์และพาเลื่อนชั้นกันมาได้แล้วทั้งนั้น และบางรายเคยได้สคูเด็ตโต้มาแล้วด้วยก่อนที่จะมาคุมยูเว่ หรือกระทั่งเดส์ชองส์ก็มีผลงานที่จับต้องได้ก่อนที่จะมาพาเรากลับขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้ง จะมีก็แค่แฟร์ราร่าที่ไม่เคยคว้าแชมป์อะไรก่อนที่จะมาคุม

บางครั้งแค่ความเชื่อ ความหวัง หรือความศรัทธาอย่างเดียวมันไม่เพียงพอ และไม่สามารถการันตีถึงความสำเร็จได้ค่ะ ต้องอาศัยหลักประกันบางอย่างมาเป็นตัวยึดเหนี่ยวความเชื่อเหล่านั้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจจนนำไปสู่ความมั้นคง

เราเชื่อใจอัญเญลลี่ แต่เรายังไม่เชื่อใจปีร์โล่ จนกว่าจะเห็นอะไรบางอย่างที่เป็นหลักประกันที่แน่นอนและประจักษ์ชัดแจ้งกับตาของเราเท่านั้นที่อาจจะเปลี่ยนความคิดของเราได้

สุดท้ายสิ่งที่ทำได้ในฐานะยูเวนติน่าคือการส่งแรงใจและแรงเชียร์ให้ปีร์โล่ทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด และหวังว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของท่านประธานจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอีกครั้ง เหมือนอย่างที่ผ่าน ๆ มา

ยูเวนตุสยุคใหม่ กำลังจะเริ่มต้นแล้วจริง ๆ สินะคะ ต้องปรับตัวอีกแล้วสิเรา >.<

Fino Alla Fine