(UNITED - บทความ) จากเจ้าหนูลอนดอนใต้ สู่โรงละครแห่งความฝัน : เรื่องราวของเจดอน ซานโช่
เดือนสิงหาคมปี 2017 คือช่วงเวลาที่พลิกชีวิตของเจดอน ซานโช่ ไปตลอดกาล เนื่องด้วย เป๊ป กวาดิโอล่า ผู้จัดการทีมแมนซิตี้ หันไปล่าตัวอเล็กซิส ซานเชส ที่เหลือสัญญาในปีสุดท้ายกับอาร์เซน่อล ทำให้เจดอนหันหลังให้กับซิตี้ แม้ว่าจะได้รับการเสนอสัญญาอาชีพฉบับแรกมูลค่า 3 หมื่นปอนด์ต่อสัปดาห์ก็ตาม
"บางทีเค้าอาจคิดว่าการไปดอร์ทมุนจะทำให้เค้าได้ลงเล่นมากกว่า ผมเข้าใจนะ ในเมื่อนักเตะบอกว่าไม่ เราจะทำอะไรได้" เป๊ป กล่าวในตอนนั้นเมื่อถูกถามถึงสถานการณ์ของเจดอน
เราไม่มีทางคาดเดาได้เลยว่า เส้นทางค้าแข้งของเจดอนภายใต้การดูแลของเป๊ปจะออกมาเป็นอย่างไร เจดอนอาจชนะเลิศพรีเมียร์ลีคไปแล้ว 2 ครั้ง และอาจเป็นผู้เล่นตัวหลักทีทำให้ซิตี้ครองความยิ่งใหญ่คว้า 3 แชมป์ในประเทศเมื่อฤดูกาลก่อน และตอนนี้อาจกำลังซ้อมเพื่อเตรียมพาทีมลับแข้งกับราชันชุดขาวในเกมส์ยุโรปที่กำลังจะมาถึง หรือในอีกแง่ เจดอนอาจถูกปล่อยยืมตัวก็ได้ ไม่มีใครสงสัยในความกล้าของเจดอนที่เลือกเดินออกจากซิตี้ แต่ในขณะนั้น การที่เด็กอายุ 17 ปี คนหนึ่งเลือกที่จะสู้กับความท้าทายใหม่ ถือว่าเป็นเรื่องน่าสนใจมากทีเดียว
อย่างที่เราทุกคนทราบดี วงการฟุตบอลในอังกฤษนั้น หากนับเฉพาะดาวรุ่งชาวอังกฤษแท้ ทุกคนล้วนแต่ต้องเติบโตมาจากอคาเดมี่ของสโมสรในท้องถิ่น ขึ้นสู่ทีมชุดบี และทีมชุดใหญ่ แต่เส้นทางของเจดอนนั้นแตกต่างออกไป เพราะได้แรงสนับสนุนจากพ่อของเค้านั่นเอง
ในหน้าร้อนของปีหนึ่ง แมวมองของวัตฟอร์ด ไปต้องตาฟอร์มของเจ้าหนูวัย 8 ปี และได้ชักชวนให้มาเข้าร่วมในอคาเดมี่ของสโมสร ในตอนนั้น การฝึกซ้อมฟุตบอลของเจดอนเต็มไปด้วยความลำบาก เพราะหมายถึงการนั่งรถไป-กลับ 4 ชั่วโมง - 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อไปร่วมฝึกซ้อมฟุตบอลที่วัตฟอร์ต ที่ห่างจากบ้านของตัวเองไปราว 40 กม.
"ผมมองว่ามันคือก้าวต่อไปในอาชีพของเค้า มันเป็นสิ่งที่อยู่ในหัวผมมาตลอด อะไรที่มันสมควรทำเราก็จะทำให้ลุล่วง" ฌอน พ่อเจดอนเล่าให้ฟังถึงการตัดสินใจให้ลูกชายก้าวเข้าสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
อย่างไรก็ดี ไม่กี่ปีต่อมาซิตี้ก็ดึงตัวเจดอน ซึ่งเป็นสาวกสิงห์บลูมาตั้งแต่เกิด มาอยู่ด้วยในราคา 66,000 ปอนด์ โดยชีวิตในอคาเดมี่ของซิตี้นั้นซานโช่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของการศึกษาและการพัฒนาด้านร่างกาย และเจ้าตัวก็ก้าวขึ้นมาเป็นแข้งเบอร์ต้นๆของอคาเดมี่อย่างรวดเร็ว เคียงข้างกับเพื่อนร่วมทีมที่มีชื่อคุ้นหูพวกเราเป็นอย่างดี "ฟิลล์ โฟเด้น"
แต่เจดอน เลือกที่จะเดินออกจากซิตี้ไปร่วมทีมดอร์ทมุน ซึ่งอยู่ในลีคต่างชาติ จุดกระแสให้แข้งทรีไลอ้อนรุ่นใหม่ ก้าวพ้นจากข้อจำกัดเดิมๆ ด้วยการออกไปหาประสบการณ์ในต่างแดนทั้งในแบบยืมตัวหรือไปถาวรก็ได้ ซึ่งในเวลานั้น ดอร์ทมุนเองก็ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะนักเตะพรสวรรค์ของยุโรปอยู่แล้ว และการที่ดอร์ทมุนมอบเบอร์ 7 ให้เจดอน ยิ่งตอกย้ำว่าเค้าคือนักเตะคนสำคัญในสนาม ไม่ใช่บนม้านั่งสำรอง
บางทีการย้ายไปร่วมทีมในต่างแดนของซานโข่อาจเป็นการเดินหมากที่ถูกก็ได้ เนื่องจากความคาดหวังที่น้อยกว่าต่อนักเตะต่างชาติ การทำผิดพลาดเล็กน้อยของนักเตะรุ่นเยาว์ก็ไม่ได้มีบทลงโทษที่หนักหนาอะไร สวนทางกับนักเตะดาวรุ่งในอังกฤษที่อาจโดนดาคโทษหนักเพียงเพราะมาซ้อมสายเท่านั้นเอง
แต่ชีวิตตลอด 3 ปีในเยอรมนีของซานโช่นั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ตัวเขาเองก็ควรได้รับเครดิตด้วยที่ทำให้ทุกสิ่งออกมาดี ซึ่งหลายคนที่ออกไปแสวงโชคเหมือนเค้าก้ยังทำไม่ได้แบบนี้
ทั้งนี้ เป็นที่คาดการณ์กันว่าซานโช่กำลังจะย้ายกลับมาในแมนเชสเตอร์ ด้วยค่าตัวที่อาจเป็นสถิติของนักฟุตบอลสัญชาติอังกฤษ เรามาคอยจับตากูกันครับว่า เรื่องราวในครั้งนี้จะออกมาเป็นแบบใด
แปลจาก From South London's street to the Theater od Dream ของ Dailymail นะครับ
หากแปลผิดพลาดประการใด กราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ขอบพระคุณทุกท่านครับ