7 ก.ค. 2020 ครบรอบ 20 ปี Final Fantasy IX ภาคที่ได้รับการยกย่องว่า "นี่คือสิ่งที่ Final Fantasy ควรจะเป็นมากที่สุด"
.
วันนี้เป็นวันครบรอบ 20 ปี ของ Final Fantasy ภาคหนึ่ง ที่สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนๆ ซีรีส์ ด้วยการพลิกโลกทัศน์จากภาคก่อนหน้า ที่เป็นแนวไซไฟล้ำยุค ให้กลับมาสู่รากเหง้าของความเป็นแฟนตาซียุคกลาง แม้ว่ามันอาจจะขายได้ไม่ดีเทียบเท่าภาคก่อนหน้า แต่มันก็สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ และได้รับการยกย่องจวบจนทุกวันนี้
.
นั่นก็คือ วันวางจำหน่าย Final Fantasy IX เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2000 บน PlayStation
.
Final Fantasy IX เป็นเกมที่พัฒนาควบคู่ไปกับ Final Fantasy VIII โดยทาง Squaresoft (ในตอนนั้นยังไม่ควบรวมกับ Enix จนเป็น Square Enix เหมือนปัจจุบัน) ซึ่งถือว่ามันฉีกจาก Final Fantasy ภาคก่อนหน้า อาทิ VI, VII และ VIII ที่ค่อยๆ มีโลกทัศน์ไปทางไซไฟโลกอนาคตมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการกลับสู่ความเป็นแฟนตาซียุคกลาง รวมถึงได้รับอิทธิพลอย่างมากจาก Final Fantasy ดั้งเดิมที่ปรากฎให้เห็นตลอดทั้งเกม แต่ก็มีการนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้กับซีรีส์ อาทิ คัทซีนแบบ "Active Time Event", "Mognet" และระบบ Skill
.
และด้วยการที่ IX เป็น Final Fantasy ภาคสุดท้ายของ PlayStation ทำให้คุณ Hironobu Sakaguchi โปรดิวเซอร์และผู้กำกับ Final Fantasy อยากจะสะท้อนความเป็นเกม Final Fantasy ยุคเก่าก่อนหน้าในซีรีส์เข้ามาในภาคนี้ ทำให้ทีมงานตัดสินใจที่จะ "กลับสู่รากเหง้า" เดิมของซีรีส์ และหลังจากเกมวางจำหน่าย ทำให้เขาถึงกับพูดว่า Final Fantasy IX คือ "เกม Final Fantasy ที่เขาชอบที่สุด และใกล้เคียงกับ Final Fantasy ในอุดมคติที่ควรจะเป็นในมุมมองของเขามากที่สุดด้วย"
.
เดิมทีในช่วงต้นของการออกแบบคอนเซปท์ ด้วยการที่มันแตกต่างอย่างมากจากความสมจริงที่ถูกนำเสนอใน Final Fantasy VII และ VIII นั่น ทำให้ผู้พัฒนาคิดว่าภาคนี้อาจจะไม่ใช่ภาคที่ 9 ของซีรีส์หลักก็ได้ และแฟนๆ เองก็คาดว่า ภาคนี้จะออกมาเป็น Gaiden หรือ Side Story ของ Final Fantasy แต่ในท้ายที่สุด Square ก็ได้ยืนยันในปี 1999 ว่า นี่คือ Final Fantasy ภาคหลักลำดับที่ 9 จริงๆ
.
ด้วยการที่ในยุคนั้น Final Fantasy ถือว่าเป็นซีรีส์เกม RPG ที่เป็นคู่แข่งสำคัญของ Dragon Quest ของทาง Enix ทำให้มีการเลื่อนวางจำหน่าย Final Fantasy IX เพื่อป้องกันการออกชนกันกับ Dragon Quest VII ในปีนั้น และทาง Square ได้ทำการตลาดอย่างหนักกับ Final Fantasy IX อย่างที่หลายคนอาจจะจำกันได้กับโฆษณาของทาง Coca-Cola ที่มีตัวละครในภาคนี้ไปเป็นพรีเซนเตอร์ รวมถึงมีฟิกเกอร์ของตัวละครต่างๆ ในแคมเปญการตลาดของทาง Coca-Cola ด้วย
.
หลังการวางจำหน่าย Final Fantasy IX ได้รับการยกย่องจากสื่อต่างๆ มากมาย ด้วยองค์ประกอบกราฟิกที่ถือว่าสวยงามมากๆ ในยุคนั้น การพัฒนาตัวละคร เกมเพลย์ และที่สำคัญที่สุดคือ รากเหง้าของความเป็น Final Fantasy ที่นำเสนอมาในเกม และได้คะแนนจากสื่อไปอย่างท่วมท้น ด้วย Metascore มากถึง 94 คะแนน ซึ่งถือว่ามากที่สุด เท่าที่เกม Final Fantasy ใดๆ เคยทำมา ในขณะที่ฝั่งผู้เล่นเองก็ต้อนรับ Final Fantasy IX เป็นอย่างดี แม้ว่ามันจะขายดีไม่เท่ากับภาค VII หรือ VIII แต่ก็ทำยอดขายไปได้มากกว่า 2.65 ล้านชุด ในญี่ปุ่น ช่วงสิ้นสุดปี 2000 จนขึ้นแท่นเกมที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ในปีนั้น และทำยอดขายไปได้ทั่วโลกกว่า 5.50 ล้านชุด เมื่อปี 2016 จนมันได้กลายเป็น 1 ในเกมที่ดีที่สุดตลอดกาล ทั้งจากสื่อและแฟนๆ Final Fantasy จวบจนบัดนี้






Cr. เพจ เกมถูกบอกด้วย


เป็นภาคแรกที่ได้เล่นตระกูลนี้ แล้วก็เป็นเกมที่เปิดโลกผมเลย ตอนไปซื้อเครื่องเพล1 เค้าแถมเกมให้เลือก 3หรือ4 เกมนี่แหละ ตอนนั้นนึกไงไม่รู้ไปสะดุดตากับเกมนี้ พอบอกจะเอาเกมนี้ เจ้าของร้านบอก ถ้าเอาเกมนี้ ได้แค่เกมเดียวนะ เพราะเกมมันมี 4 แผ่น ตอนนั้นอย่าง งง เกมบ้าไรใช้ตั้ง4แผ่น แต่ก็ยังหน้าด้านเอามา แถมเค้าบอก น้องต้องซื้อ บทสรุปด้วยนะ งงหนักกว่าเดิม หนังสือบทสรุปไร หนากว่าหนังสือเรียนกูอีก

นี้คือภาคที่ดีที่สุดของผมเท่าที่ผมเคยเล่นมา อินเนื้อเรื่องมากๆโดยเฉพาะตอนท้าย

ถามนอกเรื่อง มีใครเล่นDQ7จบบ้างไหม ตอนนั้นเล่นไปแล้วโคตรท้อ เหมือนเนื้อเรื่องมันไม่คืบหน้าสักเท่าไหร่เลย

มินิเกมกระโดดเชือกที่แม่งยากชิบหาย กับ บอสลับหน้าตาโง่ๆ แต่เก่งบัดซบมาก

ผมชอบภาคนี้ที่สุดล่ะ

เล่นไป 4 รอบ แต่จบแค่รอบเดียว

ยังจำบอสที่แมพต้นไม้ ได้อยู่เลย สู้อยู่ตั้งนาน มาดูเครื่องข้าง ๆ เล่น อ้าว กด ฟินิกส์ดาว ทีเดียวตายเลย ไอบ้าเอ๊ย

มนต์อสูร โอดินอีกอัน คัทซีน แม่มเทพ เว่อวังมาก สุดท้าย miss

ตอนนั้นได้แต่อุทานในใจว่า ....มรึง

เป้นภาคที่สนุกดีแต่ผมเล่นแค่รอบเดียวแฮะ ไปอินหนักกับ FF7 มากกว่า

มันมีตัวนึง ตีที 9999 เจอครั้งแรกผมหลุดปาก ไอ้สั.. แม่นั่งอยู่ข้างๆโดนแม่ตบปาก

สลับกันกะของผมเลยครับ FF 7 เป็น 1 ในภาคที่ผมชอบมากๆ เลย แต่ดันเป็นภาคที่เล่นจบรอบเดียวละพอเลย

ด้วยความกว้างของโลก และมีอะไรให้ทำเยอะมากๆ กว่าจะทำได้จนครบหมดทุกอย่างเล่นเอาเบื่อกันไปเลยครับ

เป็นภาคที่ผมชอบมากที่สุดแล้วครับ
และน่าจะเป็น1ในเกมที่ดึงพลังของps1ออกมาได้มากที่สุดแล้ว ก่อนเข้ายุคps2

ผมไม่มีเครื่องเล่น แต่ต้องมีเมมโมรี่การ์ดกับแผ่นติดกระเป่าไปโรงเรียนทุกวัน
แผ่น 1-2 จะเยินสุด เพราะเล่นบ่อยสุด แผ่น 4 แทบจะเหมือนใหม่เลย เพราะกว่าจะไปถึง
ทำให้คิดถึงเพื่อนเก่าคนนึง เล่นเกมนี้แข่งกัน ผมขโมยเดม่อนเมลจากดันทาเรี่ยนได้
เสียเวลา 2 ชม. มันมากดปิดเครื่องเฉยเลย ไอ้บ้า





เป็นภาคที่ดีเท่าที่เคยเล่นมา
เพลงอินโทรดี เพลงธีมหลักดี
เกมเพลย์ดี ชอบที่ตัวละครทำ Max Status ไม่ได้
ชอบความแฟนตาซี ย้อนยุคเหมือนยุดกลาง เวทย์มนต์ครึ่งนึง เครื่องจักรครึ่งนึง
ชอบตัวละครประกอบ หมูู่บ้านมนต์ดำ คุณแม่ฮิปโป อาจารย์นกฮูก โมกุริ โจโกโบะ
มินิเกมดีมาก เกมการ์ด เกมขุดสมบัติ มินิเกมตามเนื้อเรื่องยิบย่อย
เนื้อเรื่องดี เน้นโทนเศร้า ตัวละครหลายตัวรู้ว่าจะพาตัวไปตายแต่ก็ยังไป


ติเรื่องเดียวคือรีมาสเตอร์มักง่ายเกินไป มันยกจากเวอร์ชั่นมือถือมาลง PC เลย
เล่นยากเกะกะหน้าจอเลยทีนี้ ถ้าอยากเล่นไปเล่นเวอร์ชันอีมู PS1 เอา

อ้าว หรอครับ ผมกำลังคิดจะซื้อสตีมมาเล่นคิดถึงความหลังซักหน่อยย

มันทำคำสั่งใหญ่ ๆ เพื่อให้จิ้มง่ายครับ
มันเลยบังตัวละครทางซ้ายสุดหมด ต้องคอยกดซ่อนหน้าจอเพื่อดูภาพรวม
หน้าจอเมนูก็ไม่สามารถทำอะไรหลาย ๆ ได้สะดวก
เพราะมันต้องขยายแต่ละช่องเพื่อให้จิ้มโดน เราก็ต้องคอยเลื่อนขึ้น ๆ ลง ๆ หาอะไรที่จะเอา


นาทีที่ 4

ผมพยายามเล่นหลายรอบมาก พอประกอบศิลาได้สัก 4-5 แท่น ก็เบื่อ เหมือนมันทำอะไรเดิมๆซ้ำซาก เลยเลิกเล่นก่อนทุกที

ที่1ในใจผม

แฟนตาซีย้อนยุคน้ำเน่าหัวขโมยกับเจ้าหญิง ดูเหมือนพื้นๆแต่ทำให้ออกมาเพอเฟคได้นี่สุดยอดมากๆ