ทรอย ดีนีย์ กัปตันทีมวัตฟอร์ด ผู้นำฝ่ายค้านการกลับมาแข่งขันต่อ เริ่มแสดงท่าทีโอนอ่อนผ่อนปรน และพร้อมที่จะกลับมาฝึกซ้อมกับพวกร่วมทีมอีกครั้ง หลังได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของทางรัฐบาลอังกฤษ

ก่อนหน้านี้ ดีนีย์ เป็นคนที่แสดงท่าทีชัดเจนว่าเขายังไม่ต้องการกลับไปฝึกซ้อมและไม่สนับสนุนการกลับมาแข่งขันต่อในเวลานี้ เนื่องจากยังกังวลกับสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยเฉพาะกรณีที่มีข้อมูลระบุว่าผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มคนผิวสีและชาติพันธุ์ มีโอกาสเสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่าคนทั่วไปถึง 4 เท่า

อย่างไรก็ตามล่าสุดเจ้าตัวก็มีท่าทีเปลี่ยนไปและพร้อมกลับมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม หลังจากได้คุยกับทาง โจนาธาน แวน-แทม ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสาธารณสุขของอังกฤษ

"ผมบอกแค่ว่าจะไม่ไปสัปดาห์แรก ผู้คนดันไปคิดว่าผมจะไม่กลับไปเลย" ดีนีย์ กล่าวกับ CNN Sport

"ทุกคนชื่นชมกับทุกสิ่งที่ทางพรีเมียร์ลีก พยายามจะทำเช่นกัน ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องของการละเลยอย่างใสซื่อแบบ 'พวกเราจะกลับไปทำงาน เตรียมตัวให้พร้อมนะ' หรืออะไรแบบนั้น"

"มันมีการพูดคุยในทางทีดีอยู่หลายครั้ง ตอนนี้ผมได้ประชุมไปประมาณ 4 หรือ 5 รอบแล้ว"

"ผมเป็นกัปตันของทีมในพรีเมียร์ลีก ผมคงทำงานของผมไม่ได้ หากนั่งเฉยๆอยู่ที่บ้านแล้วบอกกับนักเตะคนอื่นว่า 'พวกนายต้องชนะเพื่อฉัน และฉันจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น'

"ทุกคนที่รู้จักผมรู้ดีว่าผมไม่เคยกลัวกับความท้าทายอยู่แล้ว แต่คนเหล่านั้นก็รู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมก็คือครอบครัว"

"ผมยังคิดว่าท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนก็รู้ว่ามันกำลังจะเกิดขึ้น ฤดูกาลนี้มันจะต้องจบและคุณเป็นคนควบคุมในสิ่งที่ควบคุมได้"

"บอกตามตรงว่าถ้าไม่ใช่เพราะภรรยาของผม ผมคงจะไม่ทำมัน แต่เพราะเธอมั่นใจว่าพวกเราสามารถทำหลายอย่างที่เพียงพอจะปกป้องตัวพวกเราเองได้"

"พวกเราพยายามหาแนวทางเช่นการซักเสื้อผ้าแยกกันอะไรพวกนี้ ผมค่อนข้างยุ่งกับพวกงานบ้านเหมือนกัน"

"วัตฟอร์ด เองก็ดีกับผมมากเช่นกัน พวกเขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อซัพพอร์ตผมและครอบครัว มาถึงตอนนี้ผมยังไม่ได้ไปทำงานเลย แต่มีความเป็นไปได้ที่ผมจะไปสัปดาห์หน้า แม้ว่าจะเป็นแค่การพูดคุยกัน แล้วผมก็ได้คุยกับนักเตะทุกคนและฝ่ายจัดการแล้ว"

"โจนาธาน ทำได้ดีมากจริงๆ ไม่ใช่แค่การตอบคำถามเท่านั้น แต่บางครั้งเขาก็ซื่อสัตย์พอที่จะบอกว่า 'ผมไม่มีคำตอบเรื่องนี้'

"การพูดคุยครั้งแรกกับเขาน่าจะประมาณ 3 สัปดาห์ที่แล้ว ส่วนครั้งสุดท้ายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมได้รับข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมเยอะมาก"

"เขาเปิดเผยหมดประมาณว่า 'นี่คือสิ่งที่ผมรู้ตอนนี้ และในอีกสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ ผมจะรู้มากขึ้นและจะมาให้ข้อมูลกับคุณเพิ่ม'

"มันทำให้ผมมั่นใจว่าเขาพยายามทำให้แน่ใจว่าพวกเราจะได้รับข้อมูลทุกอย่าง ความเสี่ยงมันจะขึ้นอยู่กับตัวนักเตะเอง"

"คุณก็เห็นว่า เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ตัดสินใจที่จะไม่กลับไปซ้อม นั่นมันก็เป็นทางเลือกของเขาขึ้นอยู่กับข้อมูลของตัวเขาเอง"

"ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ต้องตัดสินใจในจุดหนึ่ง บางคนอาจจะพร้อมเสี่ยงบ้าง หรือบางคนอาจเลือกที่จะไม่ทำเลย แต่เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของทุกคน"

พ่อคนดีของฝั่งโมฆะ...555

ไม่รู้จิตใจเป็นคนแบบไหนอะเรื่องแบบนี้ยังจะคอยแต่แขวะ

ให้พ่อแม่คุณลองติดดู ไหมล่ะ

มันเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นนั่นแหละ จริงๆก็มีอีกหลายคน น่าจะจับมาคุยพร้อมๆกัน
ส่วนเม้นบนผมอำลาล่วงหน้าเลยละกัน

ไปพาดพิงทางบ้านเขาทำไมค้าบบคุณพี่

"ผมบอกแค่ว่าจะไม่ไปสัปดาห์แรก ผู้คนดันไปคิดว่าผมจะไม่กลับไปเลย"


เอาเว้ย แก้ต่างเก่งชะมัด สมกับเป็นศูนย์หน้าอันดับ1พรีเมียร์ลีค
แล้วทำไมเอ็งไม่พูดให้มันจบๆล่ะในตอนนั้น

แหม่ ต้องให้คนใหญ่คนโตไปคุย ถึงจะยอมกลับมาเตะ หมั่นไส้ว่ะ

เพื่อนร่วมทีมเขาติดไปกี่คน จะให้เขาทำเฉยๆหรอคุณ ถ้าเกิดกลับไปเตะแล้วไม่รู้ตัวว่าติดแล้วเอากลับไปติดคนที่บ้านล่ะ ?

รีบแก้ซะครับ เข้าข่ายลบไอดีเลยนะ

หล่ออ่ะ

ขอสมัครเป็น FC ครับ

บอกให้เขาแก้แต่พี่ไม่แก้เนี่ยนะ

พ่อหนุ่มนี้สายแขวะเลยน้า อย่าไปว่าใครเลย แต่คงเห็นเขาพูดพาดพิงโมฆะเอฟซีแล้วหัวร้อนก็เข้าใจ

ไม่รู้อ่านข่าวกันบ้างยัง หรือเข้ามาถึงก็ใส่กันก่อนเลย

จริงๆข่าวนี้ออกมาในแง่บวกด้วยซ้ำ
มันแสดงให้เห็นว่าแม้กระทั่งคนที่ยอมรับความเสี่ยงได้น้อย
ก็ยังมีความพยายามหาข้อมูลหาวิธีรับมือ
ส่วนบุคคลากรที่เกี่ยวข้อง องค์กรหรือสโมสร
ก็มีความพยายามในการให้ความเข้าใจและความมั่นใจเพิ่มขึ้น

จริงๆข่าวนี้แสดงให้เห็นถึงกระบวนการที่เกิดขึ้นในแง่มุม
ของผู้เกี่ยวข้องอย่างนักเตะคนนึงได้ชัดเจนดีด้วยซ้ำ

แต่คนเล่นบอลนอกช่วงนี้อาการหนักกันโครตเยอะ
เหมือนไม่ได้สนใจข้อเท็จจริงกันละ จ้องแต่จะโหนนักเตะ
โหนข่าวเพื่อใส่ฝ่ายตรงข้ามกันอย่างเดียว
น่าจะพอหอมปากหอมคอ เอาแต่พอประมาณกันบ้าง
โครตเสียบรรยากาศอ่านข่าว