***อ้าว ผมเพิ่งเห็นว่ามี timeline กระทู้ข่าวตอนเที่ยงไปนิดนึงละ ขอโทษด้วยครับ ***

- 30 เมษายน 2563 เดินทางไปรับยาบำบัดเคมี ที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง

- 7 พฤษภาคม 2563 เดินทางไปตรวจสแกนกระดูก (BONE SCAN) ที่โรงพยาบาลรัฐแห่งที่ 2

- 8 พฤษภาคม 2563 ไปรับผลตรวจสแกนกระดูก (BONE SCAN) ที่โรงพยาบาลรัฐแห่งที่ 2 จากนั้นได้นำผลตรวจไปให้แพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งที่ 1 (ใช้เวลา 5 นาที)

- 12 พฤษภาคม 2563 เดินทางไปเจาะเลือดที่โรงพยาบาลแห่งที่ 1 (ใช้เวลาประมาณ 10 นาที)

- 14 พฤษภาคม 2563 ไปทำ CT ที่โรงพยาบาลรัฐแห่งที่ 1 ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยระหว่างนั้นใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ยกเว้นช่วงที่มีการดื่มสารที่ใช้ในการตรวจทางรังสีวิทยา (contrast) ประมาณ 5 นาที

- 15 พฤษภาคม 2563 ไปตลาดแห่งหนึ่งในจังหวัด นนทบุรี

- 16 พฤษภาคม 2563 เดินทางไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งช่วงเช้า

- 17 พฤษภาคม 2563 เริ่มมีอาการหนาวสั่น อ่อนเพลีย

- 18 พฤษภาคม 2563 ช่วงเช้าเดินทางไปตรวจรับยาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง / รับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง / ไปตัดผมที่ร้านตัดผม / ช่วงบ่ายเข้าตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง จากนั้นเมื่อเวลา 23.30 น. เริ่มมีอาการไข้ หนาวสั่น ไอ จึงได้เรียกรถพยาบาล ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งไปรับที่บ้าน ก่อนตรวจพบว่าติดเชื้อ COVID 19

- 20 พฤษภาคม 2563 ย้ายไปรักษาที่ศูนย์การแพทย์จักรีนฤบดินทร์

นพ.ทวีศิลป์ ระบุอีกว่า การทราบไทม์ไลน์ของผู้ป่วยในการเดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากจะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในกรณีนี้มีสถานที่เสี่ยงคือโรงพยาบาล นอกเหนือจากร้านอาหาร และร้านตัดผม ที่ชายคนดังกล่าวไปใช้บริการ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบ พร้อมสั่งกักตัวพนักงานที่มีความเสี่ยงทั้งหมดแล้ว เป็นเวลา 14 วัน

ปล. อันนี้ไม่รู้จริงๆ เค้าไม่สามารถบอกชื่อสถานที่ได้ตรงๆเลยหรอครับ พวกชื่อโรงพยาบาล ตลาด ร้านตัดผมไรแบบนี้ ถึงกักตัวพนักงานแล้ว แต่พวกลูกค้าที่ไปวันนั้น ก็น่าเป็นห่วงเช่นกัน



https://covid-19.kapook.com/view226434.html

ไม่กล้าระบุมากกว่า กลัวผิดพลาดขึ้นมา เดี๋ยวโดนข้อหาทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอีก

นนมีทั้งหมดกี่ตลาดล่ะ ผวากันไปล่ะ ตลาดไหนก็ไม่กล้าเดินล่ะทีนี้

เรื่องเปิดเผยอันนี้ไม่รู้ว่าได้ไหม แต่พื้นที่ผมเคยเปิดเผยผู้ป่วยไปเป็นฝรั่งมาเยี่ยมบ้านเมีย พอหายCovidกลับบ้าน คนทั้งหมู่บ้านมาไล่ออกจากพื้นที่ ที่บ้านเมียก็ไม่ให้อยู่ไล่เป็นหมูเป็นหมา สุดท้ายเค้าประสานโรงแรมให้พัก น่าสงสารแกคนประเทศอะไรไม่รู้พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ด้วย

17 ป่วย
18 ไปหาหมอเช้า แล้วยังจะไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับตัดผมอีกอะนะ

อันนี้น่าระบุชื่อตลาด ชื่อร้านอะรไปเลย เพราะคนที่ไปสถานที่นั้น

จะได้กักตัว หรือไปตรวจด้วย ไม่งั้นไม่รู้ติดขึ้นมาไปแพร่เชื้อต่ออีก

เวรกรรม

ย้อนกลับมาเรื่องนี้เลย
การแสกนแอป หรือ เขียนเบอร์โทรศัพท์เวลาคุณเข้าห้าง หรือเข้าร้านอาหาร จะสำคัญขึ้นมาทันที
เพราะมันแทร็คกิ้งได้ ว่าใคร มาทำอะไรที่ร้านไหน เวลาใด (เดาว่า ทีมงานสืบสวนน่าจะกำลังไล่ย้อนกันอยู่)
อันที่หลายคนบ่นๆกันว่าลำบากหนะ เริ่มเห็นประโยชน์บ้างแล้วนะผมว่า

ปล. แต่ความปลอดภัยข้อมูล คือปัญหาที่คนไม่อยากทำจริงๆ ผมก็หนึ่งในนั้นด้วย

เดี๋ยวนี้ พกปากกาติดตัวเลยครับ เข้าที่ไหนก็เขียนเอาแปบเดียว

ผมว่ามันไม่น่าจะน่ากลัวมากเท่าไรนะครับ

ก็เหมือนกับ ล็อกอินเข้าเวปโป๊ที่มีฟุตบอลบังหน้า พอออกจากร้านก็ล็อกเอาท์ แค่นั้นเอง


ผมบอกตรงๆ ผมกลัวกับ Airpay TrueWallet มากกว่าอีก
แม่มมีรูปบัตร วันเดือนปีเกิด รหัสด้านหลัง กุพร้อม

แต่ก็ใช้นะ 555++

ที่นั่นอันตราย อย่าไปนะ!
ที่ไหน?
ที่นั่น!

วันนี้รัฐตรวจไม่พบผู้ป่วย!
แล้วรัฐตรวจไปกี่คน?
บอกไม่ได้!