ผมเป็นคนด้อยความรู้นะครับ อยากให้ท่านๆช่วยวิเคราะห์ ช่วยชี้แจงให้ผมได้ความรู้เพิ่มหน่อยครับ

เพราะประชาชน(แทบจะทุกคน) ก็ได้รับผลประทบจากโควิด-19 แล้วทำไมรัฐบาลถึงยังเลือกแจก โดยวิธีคัดกรอง

ซึ่งก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง มันโหดร้ายตรงที่คนที่เดือดร้อนไม่มากแต่ได้ก่อนคนที่เดือดร้อนมาก ซื่งระยะเวลาที่รอแต่ละวัน

ก็แทบจะต้องกัดกลืนฝืนทนให้ผ่านไปได้ในแต่ละวัน เพื่อให้ได้รับเงินเยียวยาช่วยเหลือ ส่วนตัวผมไม่ได้ลงนะครับ

แต่ก็เห็นคนที่เดือดร้อนแล้วเป็นคนที่ตกการกรองในรอบแรก แต่ละวันที่ต้องผ่านไปมันยากลำบากนะครับ

ประเทศพัฒานาแล้วภาษีเงินได้บุคคลสูงมาก แล้วเขาเข้าระบบหมดเกือบหมดโดยเฉพาะขายของแบบมีหน้าร้าน มันเลยจ่ายเงินชดเชยผ่านนายจ้างได้
ไม่เหมือนบ้านเราที่คนขายของแบบมีหน้าร้านบางคนยังไม่เสียภาษีเลย

ส่วนvat พวกนั้นจะกลับมาในรูปแบบสาธรณูปโภคพื้นฐาน ลองคิดดูนะครับ เอาเงินที่ไหน สร้างโรงไฟฟ้า ระบบประปา ถนน เสาไฟฟ้า ท่อน่ำ จากแหล่งจ่ายถึงบ้าน ถ้าต้องออกเอง คงไม่ใช่ทุกบ้านที่มีน้ำไฟใช้ เงินที่เราจ่ายไปแต่ละเดือนมันพอแค่ค่าบำรุงรักษาเท่านั้นเอง

รัฐไม่มีเงินครับ ดูการเก็บภาษีก่อนครับประเทศที่เห็นแจกเงินเยียวยาทุกคน ภาษีเงินได้เค้า 40%+ เชียวนะ แล้วจ่ายกันเกือบทุกคนด้วย สวัสดิการเค้าเลยจัดให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ลองมาดูบ้านเรายื่นภาษีบุคคลธรรมดา 10 ล้านคน ถึงเกณฑ์เสียแค่ 4-5 ล้านแค่นั้น แล้วเสียมากสุด 35% ซึ่งมีไม่กี่คนหรอกส่วนมากเสียไม่เกิน 20% ก่อนลดหย่อนแค่นั้นแหละ พอรายได้จากตรงนี้น้อยแล้วรัฐจะเอาเงินที่ไหนมาแจกทุกคน แค่ตอนนี้คนที่อยู่ในระบบภาษีก็บ่นจะตายอยู่แล้ว เสียเยอะให้รัฐแต่ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ จะช่วยนิดหน่อยก็จากประกันสังคมที่เค้าก็ต้องจ่ายแยกเองอยู่แล้ว

เรื่องภาษีนี่อย่าอ้าง vat ด้วย จริงอยู่ที่เสีย 7% ทุกคน แต่คนที่เสียเพิ่มเติมควรได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มรึเปล่า และผมไม่เชื่อด้วยว่าคนที่ไม่จ่ายภาษีบุคคลธรรมดาจะซื้อของมากกว่าคนที่จ่าย

ผมมองอย่างนี้นะเรื่องแจกเงินครั้งนี้ มันควรจะเป็นช่วงเวลาที่รัฐดึงคนเข้าระบบภาษีให้ได้มากที่สุด โดยอาศัยวิกฤตนี้ เช่นเมื่อลงทะเบียนเสร็จหลังจากนี้คุณอยู่ในระบบภาษีแน่นอน ให้รัฐตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ ทำให้ทุกคนเท่ากัน หลังจากนี้ถ้ามีวิกฤตอะไรอีก จะได้พูดได้เต็มปากว่าเสียภาษีเท่ากันควรได้เท่ากัน ไม่เหมือนตอนนี้ที่คนเสียภาษีคือ cash cow ของรัฐบาล

เค้าจ่ายภาษีกันหนักกว่าเรารึเปล่าไม่แน่ใจ

ทำได้นะครับถ้าจัดสรรปันส่วนให้มันดีๆหน่อย ยกตัวอย่างง่ายๆเลย รัฐบาลเตรียมเงินไว้สำหรับคน 9 ล้านคน 3 เดือนในขั้นต้น และ มาเปลี่ยนเป็น 6 เดือนในตอนหลัง ถ้าคิดง่ายๆ 9*6 = 54 ล้านคน ตัดคนที่เป็นพนักงานประจำที่มีประกันสังคมไป และ เยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ไป ผมว่าแจกได้ทุกคนที่ไม่เข้าข้อที่ผมเอ่ยไปได้ 2 เดือนอะครับ

ควรจะแจกทุกคนก่อน เอาแค่เดือนเดียวพอ เดือนแรกให้รอดไปก่อน เดือน2 เดือน3 ค่อยคิดมาตรการ์ณต่อไป

ตอนนี้เดือนแรกบางคนก็แทบจะไม่รอดแล้ว รัฐทำงานช้ามากๆ ช้าแบบโคตรของโคตรช้า

พ่อผมจากเชียร์รัฐบาล ตอนนี้ด่าเช้าด่าเย็น อะไรจะช้าได้ขนาดนี้

ศักยภาพไม่พอครับ

พูดเยอะเดี๋ยวโดนแบนแทน

ประเทศพัฒานาแล้วภาษีเงินได้บุคคลสูงมาก แล้วเขาเข้าระบบหมดเกือบหมดโดยเฉพาะขายของแบบมีหน้าร้าน มันเลยจ่ายเงินชดเชยผ่านนายจ้างได้
ไม่เหมือนบ้านเราที่คนขายของแบบมีหน้าร้านบางคนยังไม่เสียภาษีเลย

ส่วนvat พวกนั้นจะกลับมาในรูปแบบสาธรณูปโภคพื้นฐาน ลองคิดดูนะครับ เอาเงินที่ไหน สร้างโรงไฟฟ้า ระบบประปา ถนน เสาไฟฟ้า ท่อน่ำ จากแหล่งจ่ายถึงบ้าน ถ้าต้องออกเอง คงไม่ใช่ทุกบ้านที่มีน้ำไฟใช้ เงินที่เราจ่ายไปแต่ละเดือนมันพอแค่ค่าบำรุงรักษาเท่านั้นเอง

คลังถังแตกงับ

ไทยก็ทำได้ แต่ไม่ทำ
ไม่รู้ว่ารัฐบาลคิดยังไง

อยากรู้แต่ไม่อยากถาม ยิ่งรู้ยิ่งไม่เข้าใจ

ผมก็อยากให้แจกทุกคนที่อายุ18ปีขึ้นไป
รวมถึงคนที่มีประกันสังคมด้วย
จะได้เสมอภาคกัน คนละ5,000
แต่แจกเดือนเดียวเลย

ถ้าช่วยทุกคนก็จะไปโผล่กับพวกที่มีเหลือใช้ แล้วดราม่ากันอีก

เห็นว่าจะทยอยช่วยทุกกลุ่ม แต่จากที่เห็นช้าจริง

ผมเชื่อว่าจะแจกทุกคนย่อมทำได้เหมือนประเทศอื่นครับ ... แต่รัฐบาลเลือกจะไม่ทำ ด้วยข้อกังวลบางอย่าง (มองในมุมรัฐบาล)

1. การทำนโยบายแบบนี้ต้องใช้เงินมาก ต้องกู้เอาเงินมาแจก แต่บ้านเรามี พรบ.หนี้สาธารณะ ที่กำหนดให้มีหนี้ได้ไม่เกิน 60% ของ GDP ... ตอนนี้หนี้ของเราอยู่ที่ประมาน 40% ของ GDP เลยมีข้อจำกัดในการกู้

2. ยังไม่แน่ใจว่าโรคนี้จะจบเมื่อไหร่ ถ้ายืดเยื้อจะต้องแจกไปขนาดไหน ดังนั้น เก็บกระสุนไว้ยิงครั้งต่อไปด้วย

แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ... ผมรู้สึกว่ารัฐบาลทำงานไม่ Professional ไม่ขอพูดถึงนโยบาย ... แต่หมายถึงลักษณะการทำงาน วันนึงบอกจะให้ 5,000 สามเดือน อีกวันบอก 5,000 หกเดือน อีกวันบอก 5,000 สามเดือนก่อน แล้วค่อยขยายอีกสาม ... ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ แต่หลายครั้งแล้วที่แถลงแล้ว ก็แถลงใหม่แก้ของเก่า มันเลยสับสน

ผมว่า อยู่ที่รายรับของภาษีคับ เมืองนอกเค้าเก็บกันโหดคับ แล้วระบบตามเก็บภาษีเค้าดีคับ ตามสืบกันยับคับ เลยมีเงินสำรองเยอะ อันนี้ผมพูดแค่ในส่วนที่ไม่มีการคอรับชั่นนะคับ

คนที่จ่ายภาษี เผลอๆมีน้อยกว่าคนที่ไม่จ่ายอีกครับ แล้วรัฐมันจะเอาเงินตรงไหนไปช่วยได้มากมายเท่าประเทศที่เจริญแล้ว

ลองเอาตัวเองไปเปรียบกับประเทศข้างเคียงมั่งก็ได้ครับ ว่าประเทศข้างเคียงเค้าแจกกันทุกคนหรือเปล่า

ไม่ใช่ว่าเวลาจ่าย อยากจะจ่ายภาษีน้อยกว่าประเทศที่เจริญแล้ว แต่อยากได้นู่นนี่เท่าเค้า

ส่วนเรื่องด่ารัฐบาล ก็ไม่มีอะไรจะพูดครับ อย่างที่เห็นๆกัน

รัฐไม่มีเงินครับ ดูการเก็บภาษีก่อนครับประเทศที่เห็นแจกเงินเยียวยาทุกคน ภาษีเงินได้เค้า 40%+ เชียวนะ แล้วจ่ายกันเกือบทุกคนด้วย สวัสดิการเค้าเลยจัดให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ลองมาดูบ้านเรายื่นภาษีบุคคลธรรมดา 10 ล้านคน ถึงเกณฑ์เสียแค่ 4-5 ล้านแค่นั้น แล้วเสียมากสุด 35% ซึ่งมีไม่กี่คนหรอกส่วนมากเสียไม่เกิน 20% ก่อนลดหย่อนแค่นั้นแหละ พอรายได้จากตรงนี้น้อยแล้วรัฐจะเอาเงินที่ไหนมาแจกทุกคน แค่ตอนนี้คนที่อยู่ในระบบภาษีก็บ่นจะตายอยู่แล้ว เสียเยอะให้รัฐแต่ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ จะช่วยนิดหน่อยก็จากประกันสังคมที่เค้าก็ต้องจ่ายแยกเองอยู่แล้ว

เรื่องภาษีนี่อย่าอ้าง vat ด้วย จริงอยู่ที่เสีย 7% ทุกคน แต่คนที่เสียเพิ่มเติมควรได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มรึเปล่า และผมไม่เชื่อด้วยว่าคนที่ไม่จ่ายภาษีบุคคลธรรมดาจะซื้อของมากกว่าคนที่จ่าย

ผมมองอย่างนี้นะเรื่องแจกเงินครั้งนี้ มันควรจะเป็นช่วงเวลาที่รัฐดึงคนเข้าระบบภาษีให้ได้มากที่สุด โดยอาศัยวิกฤตนี้ เช่นเมื่อลงทะเบียนเสร็จหลังจากนี้คุณอยู่ในระบบภาษีแน่นอน ให้รัฐตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ ทำให้ทุกคนเท่ากัน หลังจากนี้ถ้ามีวิกฤตอะไรอีก จะได้พูดได้เต็มปากว่าเสียภาษีเท่ากันควรได้เท่ากัน ไม่เหมือนตอนนี้ที่คนเสียภาษีคือ cash cow ของรัฐบาล