คลอเรนซ์ เซดอร์ฟ ตำนานนักเตะชาวดัตช์ชี้ว่า ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำของ ราฟา เบนิเตซ คว้าแชมป์ยุโรปผิดปีสมัยที่แข่งขันกับ เอซี มิลาน อดีตต้นสังกัดของเขา

เซดอร์ฟ เคยคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก มากถึง 4 สมัย กับ อายักซ์, เรอัล มาดริด และ เอซี มิลาน (2) อย่างไรก็ตามในรอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 2005 เกมที่เหล่าเดอะ ค็อป ยกให้เป็น 'ปาฏิหาริย์แห่งอิสตันบูล' นั่นคือแมตช์เดียวที่เขาต้องลิ้มรสความพ่ายแพ้ในการแข่งขันนัดชิงดำ

แม้มีสกอร์ตามหลังมิลานที่มี คาร์โล อันเชล็อตติ เป็นกุนซืออยู่ ณ เวลานั้น 3-0 ในช่วงพักครึ่ง แต่ "หงส์แดง" ไล่ยิงตามตีเสมอในครึ่งหลัง ก่อนสุดท้ายจะได้ชูถ้วยแชมป์หลังเป็นฝ่ายดวลจุดโทษเอาชนะไป

สองปีถัดมา มิลาน และ ลิเวอร์พูล โคจรมาพบกันอีกครั้งในรอบชิงชนะเลิศที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ แต่หนนี้ "ปีศาจแดงดำ" ไม่พลาดเหมือนครั้งที่แล้ว และเป็นฝ่ายแก้แค้นสำเร็จหลังเอาชนะ 2-1

เซดอร์ฟ เล่าเรื่องรางดังกล่าวให้ 90min ฟังว่า: "มันเป็นเรื่องในวันนั้นน่ะ ทีมไหนที่มีโมเม้นต์ของตัวเอง และทีมไหนที่มีโชคมากกว่า

"ผมคิดว่าในปี 2005 เราเล่นได้ดีกว่าปี 2007 แต่กลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

"ผมคิดว่าปี 2007 ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้ดีกว่าพวกเรานิดหน่อยด้วย แต่เราเล่นกันอย่างแข็งแกร่ง และคว้าโอกาสของตัวเองในการคว้าแชมป์กลับบ้านได้

"การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มันคือการลดความผิดพลาด และใช้ประโยชน์จากโอกาสให้มากที่สุด

"เมื่อคุณผ่านสนามมามากกว่าหนึ่งครั้ง คุณย่อมรู้ดีกว่าเดิมว่าต้องทำอะไร ผมคิดว่าในการแข่งขันนัดที่สองพวกเราเล่นได้รัดกุมมากขึ้น เราคิดถึงการหาโมเม้นต์ที่จะช่วยสร้างความแตกต่างเยอะขึ้น

"ในแมตช์แรกกับลิเวอร์พูลเมื่อปี 2005 เราอัดเกมรุกเต็มที่ สร้างโอกาสและบุกไม่หยุด สุดท้ายเราเป็นฝ่ายแพ้แม้จะสร้างจังหวะยิงและทำประตูได้หลายลูกก็ตาม

"ในใจเราอาจจะคิดว่า 'เราจะไม่ใช้วิธีเดิมแล้ว' ปี 2007 เราเล่นอย่างรัดกุมมากขึ้น เรารู้ว่าเราจะยิงประตูได้เมื่อมีโอกาสเข้ามา เราแค่ทำให้แน่ใจว่าไม่เปิดโอกาสให้พวกเขามากเกินไป"

ย้อนรอยการแข่งขัน ปี 2005 (แฟนหงส์ต้องดูให้จบ)


ย้อนรอยการแข่งขัน ปี 2007 (แฟนมิลานต้องดูให้จบ)

นี้แหละนะฟุตบอล ใครจะไปคิดว่าหงส์ชุดนั้นจะเป็นแชมป์ยุโรป

ราฟายังบอกเองเลย ทุกวันนี้มองไปที่โปสเตอร์นั้น ยังไม่เข้าใจทำไมถึงได้แชมป์

มิลานชุดนั้น เรียกได้ว่าตำนานทุกตำแหน่ง ในเกมมี XI ทุกคน

2007 นี่เป็นปีแรกที่ผมดูกับที่จัดมิตติ้งแฟนคลับนอกสถานที่ แล้วประเดิมด้วยความพ่ายแพ้ โคตรเศร้าเลย

แล้วหลังจากนั้น นัดชิงไหน ที่ไปดูข้างนอกก็แพ้อีกรัวๆ 2018 ก็เช่นกัน

นี้แหละนะฟุตบอล ใครจะไปคิดว่าหงส์ชุดนั้นจะเป็นแชมป์ยุโรป

ราฟายังบอกเองเลย ทุกวันนี้มองไปที่โปสเตอร์นั้น ยังไม่เข้าใจทำไมถึงได้แชมป์

มิลานชุดนั้น เรียกได้ว่าตำนานทุกตำแหน่ง ในเกมมี XI ทุกคน

แต่...ฟอร์มกาก้าแบบนั้นก็เดายากอยู่นะครับ

จริงๆสภาพทีมหงส์เป็นรองมิลานมากๆทั้งสองปีเลย

เแต่ป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เพราะเกมส์ปาฏิหารย์ปี 2005 จะเป็นที่จดจำไปอีกหลายสิบปี

2ปีแก้แค้นไม่สาย

2007 มิลานไปแบบระมัดระวังมาก ไม่พลาดอีกแล้ว ผมยังจำคำสัมภาษณ์แฟนลิเวอร์พูลถึงอินซากี้ที่ยิง2ลูกได้อยู่เลยหลังเกมส์ จากสตาร์ซ๊อกเกอร์หรือสักสื่อนี่แหละ

ไม่เป็นไรครับ
ถือว่าแลกกันปีใครปีมัน

ผมก็คิดงั้น ปี 2005 สู้ไม่ได้แต่เป็นแชมป์

ขณะที่ 2007 คิดว่าปีนั้นเล่นดีกว่า แต่ก็แพ้

ปี2007ยิงฟรีคิกโดนมือเข้า เสียดายยังไม่มี var

เสียดาย 2007 ลูกตีไข่แตกของ Kuyt มาช้าไปหน่อยถ้าเร็วกว่านี้มีลุ้นมาๆ

เสียดายอยู่อย่าง ตอเรสมาช้าไปนิดจริงๆ ไม่งั้นคงสู้กันสนุกกว่านี้

2005 โคตรมีเสน่ห์เลยนะ สภาพทีมถูไถขนาดไหน

แบ็กซ้ายตราโอเร่ ปีกไม่มีเลยดันรีเซ่
อีกอร์ บิสคาน ทดแทนเวลาที่ กลางไม่ครบแล้วทำได้ดี ทั้งที่ก่อนนั้น เฮียโปนเอาเล่นกองกลังตลอด
กองหน้าเจ็บสลับกันไป ซิสเซ่ บารอส เลยต้องใช้ยัน นีล เมลเลอร์
ดูเด็คที่เทพๆนัดชิง ก็ผีเข้าผีออกจนเสียตำแหน่งใน สก็อต คาร์สัน ไปแล้วด้วยแต่คาร์สัน ฟอร์มไม่เข้าตาดูเด็คเลยกลับมาลงตัวจริง

ที่แบกทีม จริงๆก็ เจิด คุณชาย ฮามัน ฮูเปีย แล้วก็คาร่าที่ย้ายมาเล่นตัวกลางแล้วดูดีกว่าตัวนอก

แล้วหันไปดูคู่แข่ง มิลานชุดนั้น มันสุดจริงๆ ตอนจบครึ่งแรก 3-0 ตอนนั้นไม่ใช่สิ่งที่เกินคาดสำหรับผมแต่อย่างใด

เห็นด้วยกับเซดอร์ฟระหว่าง2ปีนี้ฟอร์มมิลานพีคปี2005 แต่ลิเวอร์พูลดูดีกว่าในปี2007

ผมไม่ค่อยออกไปดูบอลนอกบ้าน แต่ออกทีไรบันเทิงทุกที

นัดชิงปี 2018 ผมไปดู The Street Ratchada



ก่อนหน้านั้นตอนเจอเชลซีปี 13/14 ผมออกไปดูที่หลังเซนทรัลพระราม 9

นัดอิสตันบูลเลยเป็นตำนานไงครับ

ใครทันดู เจอ3-0ครึ่งแรกแบบหมดทางสู้จริงๆ นึกแล้วดีไม่ดีจบเกมจะโดน6,7-0 ด้วยซ้ำ

ตราโอเร่ตัวบ่อครึ่งแรก แต่ได้อยู่ต่อครึ่งหลังเล่นอย่างแน่น

โอย พูดแล้วแก่เลย