ถ้ากรณีแข่งต่อไม่ได้ การแก้ปัญหาทางการเงินของ FA จะทำอย่างไร
ผมลองเอาข้อมูลทางการเงินของปีที่แล้วมานั่งดู แล้วลองวิเคราะห์ดูว่า
ถ้าเกิดแข่งต่อไม่ได้จริงๆ FA จะแก้ปัญหายังไงให้แต่ละฝ่ายเสียหายน้อยที่สุด
เพราะ FA คงต้องคิดเตรียมรองรับไว้หลายรูปแบบทุกความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น
ในกรณีนี้ผมไม่ขอให้ความเห็นว่าจะเป็นตัดจบยึดผลตารางปัจจุบัน
หรือ ยกเลิกนะครับจะได้ไม่ดราม่าหรือวอร์กัน ตัวผมเองก็สนับสนุนให้แข่งต่อ
เช่นเดียวกับสโมสรที่เชียร์ผมก็อยากให้แข่งต่อทุกรายการ
แต่มาชวนคุยฝึกสมองกันด้วยแนวทางแค่เป็นการคิดอีก scenario นึงเผื่อไว้
ถ้าแข่งต่อได้ตามกำหนดคือดีที่สุดแล้วและหวังว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น
จากข้อมูลของ PA ปี2019-22 จำนวน 3 ปี
พรีเมียร์ลีคจะเฉลี่ยได้ค่าลิขสิทธิถ่ายทอดปีละ 1,546 ล้านปอนด์
ซึ่งน้อยกว่าช่วงปี 2016-19 ที่ตอนนั้นเฉลี่ยได้ปีละ 1,713 ล้านปอนด์
ที่นี่ผมลองเอาตัวเลขของฤดูกาลล่าสุด 2018/19
ในเรื่องส่วนแบ่งต่างๆ ที่แจกให้ 20 สโมสรในพรีเมียร์
หลังจบสิ้นสุดฤดูกาลมูลค่ารวมคือประมาณ 2,456 ล้านปอนด์
ถ้าดูจากราคาขายค่าถ่ายทอดที่ลดลงแล้ว ลองประมาณการณ์เงินส่วนแบ่งปกติ
ของฤดูกาลนี้น่าจะน้อยกว่า 2,456 ล้านของปีที่แล้ว
ผมตีคร่าวๆว่าเดิมอาจจะตั้งวงเงินไว้สำหรับให้ 20 สโมสร
กรณีจบฤดูกาลแบบปกติที่แข่งกันจบไม่มีปัญหาไวรัสน่าจะราว 2,000 ล้าน
ที่นี่ตามข่าวกรณีถ้าเกิดลงแข่งต่อไม่ได้จริงๆ อาจจะต้องสูญเสีย
เงินประมาณ 700 ล้านปอนด์คืนให้กับผู้ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดและสปอนเซอร์
สำหรับพรีเมียร์ลีค และ FA ถ้าเสียเงินตรงนี้ไปจะทำไง เพราะจำนวนมากพอสมควร
วิธีที่จะทำให้ FA เจ็บตัวน้อยที่สุดคือ อาจจะต้องเจรจาทั้ง 20 ทีมเพื่อ
ขอลดเงินส่วนแบ่งและรางวัลลง ในกรณี 20 ทีมถ้าขอลดจำนวนเท่าๆกัน
ก็จะตกคือลดไปทีมละประมาณ 35 ล้านปอนด์
ถามว่าเยอะมั้ยที่แต่ละทีมจะสูญเสียรายได้ไปก็ต้องบอกว่าเยอะ
แต่ถามว่าคุ้มมั้ยในการที่ทำให้นักเตะของตัวเองที่มูลค่าสูงไม่ต้องเสี่ยงกับการติดไวรัส
ก็ต้องบอกว่าคุ้ม ยกตัวอย่างง่ายๆ เกิดทีมอันดับกลางๆ อย่างเซาแธมตัน
หรือ พาเลช เกิด แดนนี่ อิงค์ , วิลเฟรด ซาฮา เป็นอะไรขึ้นมาจากไวรัสนี้ขึ้นมา
มูลค่าที่ทีมจะสูญเสียไปนี่ระดับเกิน 50 ล้านปอนด์ได้เลย
ส่วนเรื่องส่วนแบ่งที่จะได้รับอันนี้ผมไม่ขอลงลึกถึงว่า จะได้มากน้อยตามอันดับในตารางปัจจุบันมั้ยนะครับ แต่คิดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกลี่ยให้ใกล้เคียงกันมากที่สุด
ตรงนี้เพื่อแลกมากับการแก้ปัญหาใหญ่ของสโมสรขนาดเล็กหลายรายที่จะมีปัญหา “สภาพคล่อง”
จากการขาดหายไปของ รายได้ส่วน Matchday ที่ปกติจะเป็นเงินหมุนเวียนที่สำคัญสำหรับทีมเล็ก
และอีกหนทางนึงที่ชดเชยส่วนที่จะโดนลดส่วนแบ่งลงไปคือ FA และ พรีเมียร์ลีคดำเนินการ
เปิดฉากยื่นเรื่องไปกับรัฐบาลอังกฤษแล้วให้ออกมาตรการเยียวยาให้กับสโมสร
ทั้งเรื่องการยกเว้นภาษี รวมถึงเงินช่วยเหลือสโมสร
ซึ่งตรงนี้ทางรัฐบาลต้องมียาแรงมาช่วยเหลือแน่นอน
เพราะตามบทความที่ผมเคยแปลจาก Sky Sport
ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมฟุตบอลอังกฤษ จ่ายภาษีให้รัฐบาลไปจำนวนมหาศาล
และ อัตราจ้างงานก็สูงมากหลายแสนอัตรา ยังไงก็ต้องยื่นมือมาอุ้มไม่ให้แต่ละสโมสรล้ม
อีกจุดนึงที่ FA น่าจะช่วยคือเจรจากับ PFA ที่มาร่วมประชุมด้วยคือการขอให้นักเตะมีการลดค่าจ้าง
อาจจะราว 20-30% เฉพาะช่วง 2 เดือน เมษายนและพฤษภาคม เพื่อประคองลดค่าใช้จ่าย
ในการไม่มี Matchday เพราะนักเตะเท่ากับเหมือนได้ช่วงเบรคเพิ่มขึ้นด้วย
ตรงนี้ผมยังไม่รู้นะครับว่าความน่าจะเป็นในกรณีที่แข่งต่อไม่ได้จะเลือกให้ลีคจบแบบไหน
แต่แค่วิเคราะห์แนวทางแก้ไขทางการเงินคร่าวๆว่าเป็นยังไง
สำหรับคนที่สงสัยว่าทำไมต้องตัดจบไม่เลื่อนไปเรื่อยๆรอพร้อมแล้วค่อยแข่งต่อก็ได้รึเปล่า
ที่จริงก็เป็นตามนั้นได้ครับแต่อันนี้ลองวิเคราะห์ว่าถ้าจะไม่เลื่อนน่าจะเพราะอะไร
ตามที่ผมวิเคราะห์ดูน่าจะมีปัจจัยประมาณนี้
1. ปัญหาสภาพคล่องของทีมขนาดเล็กเมื่อไม่มี Matchday แข่ง จะทำให้รายได้จากค่าตั๋ว ของที่ระลึก และการขายอาหารเครื่องดื่มหายไปหมด แถมยังต้องจ่าย Fix cost พวกเงินเดือนเจ้าหน้าที่ และ ค่าเหนื่อยนักเตะตามเดิม แต่ถ้าฤดูกาลมีการตัดสินใจยุติตรงนี้สิ่งที่ พรีเมียร์ลีคจะสามารถจ่ายได้เลยคือวงเงินส่วนแบ่งลิขสิทธิ และ เงินรางวัลซึ่งต่อให้โดนลดจากที่ต้องคืนให้สปอนเซอร์ไป ผมว่าแต่ละทีมอย่างต่ำได้ 40-50 ล้านปอนด์เป็นเงินก้อนมาหมุนช่วงนี้สำหรับทีมเล็กที่สายป่านไม่ยาวการได้เงินเร็วขึ้นเพื่อมาช่วยในช่วงวิกฤติมีความหมายมากถ้าลากยาวเลื่อนไปเรื่อยตรงนี้ทางพรีเมียร์ก็จะไม่สามารถนำเงินตรงนี้มาจ่ายให้แต่ละทีมได้
2. จากตัวเลขส่วนที่เหลือของปีนี้ถ้าแข่งต่อไม่ได้พรีเมียร์ลีคจะมียอดที่จะสูญเสียคือประมาณ 700 ล้านปอนด์ แต่ถ้าตัดสินใจเลื่อนรอไปเรื่อยๆ แล้วยกเลิกปีหน้าเท่ากับโปรเจคค่าลิขสิทธิ และ สปอนเซอร์ของปีหน้าจากตัวเลขที่ทำสัญญาไว้ปีละ 1,546 ล้านปอนด์จะหายไปเท่ากับ 0 เลยแต่ถ้ายุติการแข่งสิ่งสำคัญก็คือยังไม่มีอะไรที่ชัดเจนว่าฤดูกาลหน้าจะกลับมาเตะได้ตรงตามปฏิทินรึเปล่า ถ้าไม่ตรงจะเลื่อนและเปิดได้เดือนไหน ก็คือวัดดวงเหมือนกันเพียงแต่จำนวนเงินตอบแทนถ้าเสี่ยงสำเร็จจะมีผลตอบแทนที่สูงกว่าที่ตัว 1,546 ล้านปอนด์
3. สำหรับสโมสรต่างๆ อย่างที่แลมพาร์ดออกมาบอกเมื่อคืนว่า ทุกวันนี้พอไม่ชัดเจนสักอย่างแผนการทำงาน การรักษาความฟิต และ การซ้อม การเตรียมทีม ที่ต้องสแตนบายรอทุกอย่างทำงานยากมาก แต่ถ้าทุกอยากชัดเจนว่าซีซั่นสิ้นสุด (ไม่จะตัดจบหรือยกเลิก) แต่ละทีมก็จะวางแผนแก้ปัญหาต่อได้ไม่ต้องมาพะวงเรื่องนี้ ทั้งเรื่องการวางแผนโปรเจคขุมกำลังนักเตะในลำดับถัดไป
ย้ำว่าอันนี้แค่วิเคราะห์ทางแก้ปัญหาเฉพาะส่วนแนวทางที่แข่งต่อไม่ได้แล้วจะทำยังไงเพื่อแก้ไขปัญหาทางการเงิน แต่ผมก็ยังคิดว่ามันมีความเป็นไปได้หมดทุกแบบไม่ว่ากัดฟันเลื่อนกันไปอีกรอบแบบยาวๆ ซึ่งตรงนี้ถ้ายูฟ่ากับลีคในยุโรปไปในแนวทางนั้นทั้งหมดก็เป็นไปได้เหมือนกัน
ซึ่งสุดท้ายผมว่าอำนาจตัดสินใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับ พรีเมียร์ลีค และ FA ที่จริงตรงนี้เป็นจุดอ่อนของ FA ที่ไม่ได้ร่างกฏให้ชัดเจนว่าถ้าเกิดกรณีเช่นนี้จะใช้หลักเกณฑ์ไหนในการตัดสิน
สุดท้ายคงเป็นอย่างที่ข่าวมาว่าไม่พ้นต้องโหวตกัน และ เชื่อว่าคราวนี้ก่อนโหวตพรีเมียร์ และ FA
คงจะไม่พลาดซ้ำสอง น่าจะต้องร่าง Rules & Agreement ให้ชัดเจนว่าทุกทีมถ้าคุณจะใช้สิทธิ
เข้าร่วมโหวตต้องยอมรับมติของเสียงส่วนใหญ่ โดยไม่มีสิทธิไปฟ้องร้องทีหลัง
เพราะกรณีคือการตกลงร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงทั้ง 20 ทีม
สิทธิของคุณก็คือเสียง 1 คะแนนเท่าเทียมกันทุกทีม
ทีนี้ผลจะเป็นยังไงก็ขึ้นกับผู้บริหารแต่ละสโมสรแล้วว่าจะเห็นด้วยกับแนวทางไหน
ตัวแทนแต่ละทีมก็คงจะโหวตเลือกในแนวทางที่เป็นประโยชน์กับทีมตัวเองที่สุด
เสียงส่วนใหญ่เลือกทางไหนก็คงต้องตามนั้น ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะออกมาแบบไหนครับ