วิธีการเอาตัวรอด แมนซิตี้ ไม่ให้โดนแบน และเรื่องจะเงียบไป
ปี 2008 นักเตะคนหนึ่งชื่อ โอมาร์ ไรซ่า เดินออกจากสโมสรแทร็ปซอนสปอร์ ของตุรกีเอาดื้อๆ โดยอ้างว่าไม่ได้รับเงินเดือน สมาคมฟุตบอลตุรกีสั่งปรับเขา 61000 ยูโร
โอมาร์ไม่ยอม เขาฟ้องศาลกีฬาโลก(CAS) เมื่อแพ้ เขาฟ้องศาลสวิสเซอร์แลนด์ และเมื่อแพ้อีก เขาฟ้องศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป อ้างว่า คณะกรรมการที่ตัดสินเขาถูกตั้งโดยประธานของสมาคมฟุตบอลตุรกี ดังนั้นจึงไม่เป็นธรรม ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปตัดสินให้เขาชนะหลังผ่านไปสิบสองปี
BBC เชื่อว่า เรือใบจะสู้ครั้งนี้ในห้าประเด็น
1 เรือไม่ได้ละเมิด FFP และมีข้อโต้แย้งว่าไม่ได้ละเมิด
2 ชี้ว่ายูฟ่ามีธงตั้งไว้ก่อนแล้วว่าเรือใบจะต้องผิด
3 หลักฐานที่ได้จาก แดร์ สปีเกล ไม่ชอบด้วยกฏหมาย
4. โทษที่ได้รับไม่เป็นสัดส่วนกับผู้กระทำผิดรายอื่นๆ
5. กระบวนการ จาก "ผู้พิพากษาของยูฟ่า" ที่แต่งตั้ง "โดยยูฟ่า" ย่อมจะตัดสิน "ตามยูฟ่า"
จอร์น เมอร์ซาร์ด ผู้เชี่ยวชาญกฏหมายกีฬาชี้ว่า ทีมกฏหมายของซิตี้จะอิงคดีของไรซ่าแน่นอน
"ในทางกฏหมาย จุดสูงสุดที่สู้ไปได้คือศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป ซิตี้ไม่มีปัญหาเรื่องเงิน สิ่งที่เขาทำคือการขู่จะลากคดีให้ยาวสิบปีแบบเดียวกับไรซ่า"
"ถ้าคุณพักการลงโทษได้ยาวสิบปี ยูฟ่าก็กลายเป็นตัวตลก ซิตี้ไม่จำเป็นต้องชนะคดี ถ้าคดียาวขนาดนั้นเขาจะต่อรองขอลดโทษ หรือไม่ยูฟ่าก็เสี่ยงจะทำให้ระบบของตัวเองทั้งหมดพัง"
เอกสารที่แฮกได้จากซิตี้อีกฉบับหนึ่งเป็นของไซมอนคลิฟ ที่ปรึกษาทางกฏหมายของซิตี้ "ถ้าจะยอมความ เอาเงิน 30 ล้าน จ้างกองทัพทนายที่เก่งที่สุดในโลก ไล่ฟ้องผู้พิพากษายูฟ่าไปอีกสิบปีดีกว่า"
เมอร์ซาร์ดชี้ว่ากุญแจสำคัญคือ CAS จะยอมพักการลงโทษหรือไม่ ถ้ามีการพักการลงโทษ ยูฟ่าจะลำบากใจมากเพราะคดีอาจยาวไม่รู้จบ หรือ หากลดโทษ ยูฟ่าก็สุ่มเสี่ยงจะเสียอำนาจควบคุมสโมสรที่เหลือ หรืออาจจะโดนฟ้องร้องย้อนหลังจากสโมสรที่เคยโดนแซงชั่นอื่นๆ
#Scouse Bastard
https://www.facebook.com/scousebastard/