ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออนไลน์
คอมเมนเตเตอร์
Status: ^_^
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Dec 2005
ตอบ: 15021
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Feb 20, 2020 01:46
บันทึกการทำงานของทีมแพทย์ไปที่ไปรับคนไทยที่อู่ฮั่น
บันทึกฉบับสั้น ๆ เพียงเพื่อความทรงจำ ให้เราไม่ลืมกัน มกราคม 2563

ในช่วงเวลาสั้นๆระหว่างการถูกจำกัดบริเวณให้เราได้ดูแลตัวเอง ผมลองนึกย้อนไปในช่วงเวลา 11 วันที่ผ่านมา คิด ๆ ไปมันก็เหมือนเรื่องมหัศจรรย์ เหมือนหนังเรื่องหนึ่งที่เราเคยดู แต่ไม่รู้ว่าเรื่องไหน (เป็นไปได้ว่าอาจจะมาจากหลายเรื่องมาปน ๆ กัน 5555.
ช่วงเวลาเพียง 5 วัน คนกลุ่มเล็กๆกลุ่มนึง ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ได้จับมือกันทำเรื่องน่าเหลือเชื่อ ซึ่งจริงๆอาจจะไม่แปลกอะไร ถ้าเรามีเวลาประมาณครึ่งเดือนไม่ใช่ 5 วัน กับทีมงานที่มาจาก 3 กระทรวง, 7 หน่วย แถมว่า 3 ใน 7 หน่วย เป็นหน่วยงานที่มิใช่ด้านการแพทย์ซะด้วย
ความจำที่ย้อนไป มีอยู่ว่า ...

เย็นวันพุธที่ 29 ม.ค. 2563
ระหว่างกำลังขับรถ ผมได้รับการประสานทางโทรศัพท์จากพี่ชายสุดหล่อที่ตอนนี้เป็นหัวหน้าผมเอง คำถามแรกกับเสียงที่กรอกมาทางสายโทรศัพท์
“มึงคิดไงถ้า รบ. จะให้ไปรับคนไทยกลับมาจากอู่ฮั่น?” ผมเงียบไปแป๊บนึง เป็นคำถามที่ฟังดูละม้ายกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอดีตอย่างเช่น แผ่นดินไหวเนปาล หรือแม้กระทั่งกีฬาสี 4 ปีซ้อนเมื่อหลายปีก่อน

“รับทราบครับพี่ เรามีอะไรอยู่ในมือบ้าง” คือคำตอบสั้นๆ ด้วยความที่นึกว่าจะให้ทำหน้าที่วางแผนและกำหนดยุทธวิธีการปฏิบัติเหมือนอย่างเคย

“พี่นึกยังไงโทรหาผมตอนนี้”

“กูไม่ได้นึกยังไง ก็แค่ “บัง” มัน recommend มึงคนเดียว” พี่ชายผมตอบพร้อมเอ่ยถึงบุคคลที่สามในบทสนทนา

“เดี๋ยวนะ? นี่แสดงว่าไม่ใช่แค่ให้คิด กับวางแผนใช่มั้ย ?” สมองแล่นปรู๊ดกันเลยตอนนี้

“ ถูกต้อง เข้าใจเร็วนี่นา มึงพร้อมมั้ย”

“ ฮ่า ๆ ๆ ผมไปขอ visa ก่อนนะ” บทสนทนาจบลงตรงนี้พร้อมกับคำถามในใจ ว่าปฏิบัติการครั้งนี้จะออกมาหน้าตายังไงดีนะ พรุ่งนี้ต้องเริ่มหาข้อมูลเสียหน่อย ผมคิดไปตลอดทาง

30 ม.ค. 63

ผมไปทำงานตามปกติในตอนเช้า ก่อนที่โทรศัพท์จะดังอีกครั้งในตอนเที่ยงให้ไปพบกับทีมที่ รพ.บำราศฯ เพื่อหารือและทดสอบการใส่ PPE (Personal Protective Equipment) แบบ full cover โดยมีทีม ICN (Infectious Control Nurse) ระดับตำนานเป็นผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด ผมรีบจัดการงานตรงหน้าให้เรียบร้อยและขับรถไปอีก 75 กิโลฯ ไปรพ.บำราศฯ

ที่นั่นผมเจอกับสหายร่วมรบ (หน้าเดิม ๆ) อีก 5 คน ที่เรียกแบบนี้เพราะมันเหมาะสมที่สุด เรารบด้วยกันในเกือบทุกภัยพิบัติที่ผ่านมาแบบไม่มีใครทิ้งใคร ทั้งกีฬาสีในประเทศเอย, น้ำท่วมเอย, แผ่นดินไหวเนปาลเอย จึงได้ทักทายกันอย่างสนิทสนมเหลือเกินว่า

"พวกมึงอีกแล้ว"

"มึงก็ด้วย" ทีมงานตอบมาด้วยความรัก "ใครตามไอ้หมอนี่มาวะ?"
ไม่เป็นไรครับ ผมแยกออกและรับรู้ได้ ว่า "เรารักกันดี"

การทดสอบการใส่ PPE-level C แบบ full cover พร้อมหน้ากาก N-95 ถูกทดสอบให้ใช้ชีวิตแบบปกติยาวนานอย่างน้อย 30 นาที ผ่านไปอย่างไม่มีปัญหา แต่ก็เกือบไปเหมือน เมื่อมีเพื่อนปากดีเสนอออกมาว่า ควรทดสอบการออกแรงด้วยการวิ่ง ชั้น 6 ถึงชั้น 1 แบบไปและกลับ แต่สุดท้ายก็ผ่านไป 30 นาทีแบบไม่มีปัญหาและไม่โดนดุ จาก ICN ระดับประเทศ (ผู้ซึ่งสุดท้าย กลายเป็น “ขุ่นแม่” ของทุกคนทั้งแพทย์ พยาบาล สจ๊วต และแอร์)

30 ม.ค.63 ช่วงหัวค่ำ

หลังจากเสร็จสิ้นการฝึก PPE level C - full cover เป็นที่เรียบร้อย โทรศัพท์ผมดังอีกครั้ง เพื่อจะได้ยินว่าท่านอธิบดี เรียกพบเป็นการเร่งด่วน ซึ่งทำให้ ผมได้รับทราบความต้องการอย่างแท้จริงของ รบ. ผ่านมาทางท่านอธิบดี โดยภารกิจพิเศษครั้งนี้ เป้าหมายคือ พาคนไทยที่อาศัยอยู่ในเมืองอู่ฮั่น กลับบ้านเรา รวมถึงข้อกำหนดบางอย่าง เพื่อให้ผมสามารถกลับไปคิดวิเคราะห์และกำหนดรูปแบบการปฏิบัติในภารกิจครั้งนี้ และจบการสั่งงานลงด้วยประโยคสั้นๆ "ไปคิดมานะ ผมยกให้คุณดำเนินการร่วมกับหัวหน้าคุณไปเลย (พี่ชายตัวดี)"
เราเริ่มการประสานงานกับ จนท.จากกรมการกงสุล ซึ่งช่วยออกตัวเป็นเจ้าภาพสำหรับภารกิจในครั้งนี้โดยส่งมือประสานระดับเทวดามาให้ตอนแรก 1 ท่าน ผู้ซึ่งสุดท้ายได้ร่วมรบกับพวกเราไปจนสุดทาง
คำถามแรกที่เราหารือกันกับคุณกอล์ฟ (นามสมมติ) คือ"พี่รอยครับ (นามสมมติเช่นกัน) พรุ่งนี้ผมจัดประชุมตอน 10 โมง
เราเชิญใครมาร่วมประชุมบ้างดีครับผมประสานให้ได้หมด พี่เป็นตัวแทนกรมคร. กำหนดได้เลยครับ" หลังจากนั้นรายชื่อหน่วยงานที่ (คาดว่า) จะเกี่ยวข้องก็พรั่งพรูออกมาจากคนกลุ่มเล็กๆ 5 คนซึ่งผ่านความเห็นชอบจากผู้บริหารระดับสูงเรียบร้อย
คืนนั้น กลับบ้าน งานงอกเลยครับ เนื่องจากภารกิจพิเศษครังนี้ยังไม่มีข้อมูลมากนักและยังไม่ได้มีการออกแบบหรือยังไม่มีข้อมูลใด ๆ ที่จะกลายเป็นหลักให้ยึด ทุกอย่างปรับเปลี่ยนไปมาตลอดเวลา (Dynamic โคตรๆ) แม้กระทั่งวันที่จะปฏิบัติ เวลา สถานที่ แม้กระทั่งจำนวนคนไทย จำนวนเจ้าหน้าที่ ข้อมูลเดียวที่เป็นตัวแปรควบคุมและจะไม่เปลี่ยนแปลงอีกแล้วคือ เราจะภารกิจครั้งนี้เคลื่อนย้ายทางอากาศ (ไม่ใช่ทางบก หรือทางเรือนะ) แค่นี้เลย
แต่อย่างน้อย ผมก็ได้รับรู้และยืนยันมาแล้ว ว่าภารกิจพิเศษครั้งนี้ ได้รับเกียรติอันสูงส่งจากสายการบินแอร์เอเชีย ข้อมูลนี้เท่านั้นที่หนักแน่นและไม่มีการเปลี่ยนแปลง

“ OK !!! รู้แค่นี้ ก็เอาเท่านี้ล่ะวะ”
ตลอดคืนจนถึงตี 3 รูปแบบบฏิบัติ (แบบจินตนาการ) ถูกกำหนดขึ้นอย่างคร่าว ๆ พร้อมวิเคราะห์ให้เห็นถึงขั้นตอนการเตรียมการทั้งหมดที่น่าจะเกี่ยวข้องเช่น ด้านการแพทย์ฉุกเฉิน, ด้านการสาธารณสุขและการควบคุมโรค, ด้านการบิน, ด้านการทูต, ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, ด้านการเมือง, ด้านการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ ทั้งหมด แปลงร่างมาเป็น "โจทย์ ที่ต้องนำมาหาคำตอบ จนกลายเป็น (ว่าที่) รูปแบบปฏิบัติการในครั้งนี้ และกว่าผมจะทำความเข้าใจกับหลักอากาศพลศาสตร์ใน cabin ของอากาศยานปีกแข็ง Airbus แบบ A320 ก็ปาเข้าไป 0300 น. เป็นที่เรียบร้อย

“งานร้อนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว" พอๆกับ ภารกิจแผ่นดินไหว Nepal เลยล่ะครับ

31 ม.ค. 2563 เวลา 1000 น.

การประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของปฏิบัติการการเคลื่อนย้ายทางอากาศสำหรับคนไทยในอู่ฮั่น และแนวทางการปฏิบัติการภาคพื้นดินเริ่มขึ้นประมาณสิบโมงเช้าของวันศุกร์ ประเด็นสำคัญในวันนี้คือ ต้องสรุปขั้นตอนการปฏิบัติ กลยุทธการปฏิบัติ และต้องสรรหา Quarantine area ที่เหมาะสม เนื่องจากสถานที่ Quarantine ที่จะเลือกนั้น จัดเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกท่าอากาศยานที่เครื่อง A-320 ของเราจะลงจอด และแน่นอนว่า ทั้งหมดควรเป็นความลับ เพื่อลดความวุ่นวายที่อาจมีผลกับภารกิจในครั้งนี้
การหารือครั้งนี้ถือเป็น Tactical meeting ครั้งที่ 1 ควบคู่ไปกับการมอบนโยบายและข้อสั่งการไปเลยในครั้งเดียวด้วยเหตุผลว่าเวลามีน้อย

"สั้น กระชับ และเงียบที่สุด" คือข้อสรุป ที่คู่กันมากับเนื้อหา “ร่าง” ขั้นตอนการปฏิบัติของปฏิบัติการในครั้งนี้

และเป็นที่น่ามหัศจรรย์ ทันทีที่ออกจากห้องประชุม ข่าวออนไลน์หลายฉบับ ช่วยเราประชาสัมพันธ์แบบทันทีทันควันว่า “วันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังประชุมเพื่อเตรียมการ พาคนไทยจากอู่ฮั่นกลับบ้าน”

"ผ่าง !!!" มองหน้ากันเลิ่กลั่ก จึงได้เห็นพ้องต้องกันว่า

"อ้อ, สั้น กระชับ และเงียบที่สุด มันเป็นแบบนี้นี่เอง"
พวกเราคงนิยามมันไม่ถูกมาตั้งแต่เด็กๆ กันไปเองแหละว่า "ไม่เปิดเผย" นั้นแปลว่าอะไร.

1 กุมภาพันธ์ 2563 เข้าสู่เดือนแห่งความรัก

วันนี้ทั้งวันไม่มีนัดหมายอะไร แต่กลับเป็น 24 ชม. ที่ต้องทำการบ้านอย่างหนัก มีคำถามมากมาย ที่ผมจำเป็นต้องหาคำตอบให้ได้ในวันนี้ สนามบินอู่ฮั่นเป็นอย่างไร. เครื่อง Airbus A-320 เป็นอย่างไร, ต้องรีวิวระเบียบ "องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ" ว่ามีอะไรที่เราต้อง concern บ้าง, การควบคุมโรคในพื้นที่ปิด, การดูแลภาวะฉุกเฉินทางกาย, การดูแลภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพจิต และอีกสารพัด สุดท้ายก็ยังเหลือเรื่องที่ตอบตัวเองไม่ได้อีกมากอยู่ดี
“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ค่อยถาม คุณกอล์ฟ (นามสันติ), คุณอ๊อบ(นามสมมติ), P'นูญ (นามสมมติเหมือนกัน) เพิ่มเติมก็ได้”

สิ้นสุด 20 ชั่วโมง ก่อนหลับตาลง ผมได้ Opt. protocol ที่เป็นแนวทางหลักขึ้นมา 1 ชิ้น และส่วน Add-ons ที่พร้อมปรับได้ตลอดเวลา ทันทีที่มีข้อมูลใด ๆ ที่ชัดเจนมากขึ้น หรือมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเพิ่ม พร้อมด้วยรายการอุปกรณ์, เวชภัณฑ์ฉุกเฉิน (มากพอจะทำการฟื้นคืนชีพขั้นสูงได้ 2 เคส, เวชภัณฑ์ตรวจรักษาโรคทั่วไป, รวมทั้งอุปกรณ์ควบคุมโรคต่างๆ เผื่อสำหรับทีมกงสุล และทีมแอร์เอเชีย ด้วยละ

"น่าจะพอได้" ผมบอกตัวเองก่อนที่จะหลับไปแบบมึน ๆ

2 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 1000 น.

เรานัดหมายประชุมกันเป็นครั้งที่ 2 เพื่อหารือแนวทางการฏิบัติ โดยมีท่านอธิบดี เป็นประธาน ท่านฯ เปิดการประชุมด้วยคำว่า

"นี่น่าจะเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย เราจะ Final ขั้นตอนการปฏิบัติให้เสร็จสิ้นกันในครั้งนี้ เพราะเวลากระชั้นมากแล้ว”

“คุณพระช่วย ! เราเพิ่งประชุมกันมาหนึ่งครั้ง แถมยังมีปัจจัยและข้อจำกัดอีกพะเรอเกวียน ที่ยังไม่ถูกระบุ” กัดริมฝีปากตัวเองแรง ๆ กันเลยครับ

"เราได้รับสัญญานไฟเขียว จากรัฐบาลจีนแล้ว"

"ขั้นตอนการประสานระหว่างประเทศ ทาง กต. กำลังดำเนินการและคาดว่าจะชัดเจนได้ในอีกสักพัก"

"คาดว่า ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ปฏิบัติการพิเศษนี้ กำหนดวันที่ 4 กพ. นี้"

“ใช้ flight บินปกติได้เลยครับ เราบินเป็นประจำอยู่แล้ว สามารถประสานได้ทันทีที่ได้ข้อสรุป” พี่กัปตัน (ไอดอลของทุกคน) ร่วมให้ข้อมูลอย่างขันแข็ง

"รายละเอียด จะหารือในห้องประชุมนี้เลยนะครับ"

พวกเรามองหน้ากัน ทีมสธ.นั่งทิศทางตรงข้ามกับทีมแอร์เอเชีย พอดี ในแววตามีความมุ่งมั่นวิ่งอยู่แวววาว จนคนที่เห็น แทบจะสามารถรู้สึกได้

เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ลมหายใจ ก่อนที่ทุกคนจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ notify ขึ้นพร้อมกัน

"ตือดึ้ง !"

ทุกคนอ่านข้อความในโทรศัพท์ของตน อมยิ้มแบบเศร้า ๆ และได้ข้อสรุปเดิมๆ จากข้อความในสื่อ Social พลางระลึกได้ว่า

"อ้อ.....ไม่เปิดเผย, มันเป็นแบบนี้นี่เอง"
“สื่อ social ด้านนอกห้องประชุม น่าจะรู้รายละเอียดดีกว่าเรา ไม่เป็นไร เดี๋ยวถามรายละเอียดจากสื่อก็ได้ อดทนไว้”

ข้อมูลที่ได้รับจากที่ประชุม Tactical meeting ครั้งที่ 2 นี้ช่วยเติมเต็มการวางแผนการปฏิบัติของพวกเราได้มาก มันทำให้รายละเอียดต่างๆที่มีอยู่ 6 - 7 ทางเลือกที่คิดเตรียมไว้ ลดเหลือ 2 ความเป็นไปได้ทันที

"มัน so good มากครับ"

เราพอทราบที่หมายขากลับเข้ามาในประเทศ ในการเอาเครื่องลงแบบคร่าวๆ ด้วยความอยากของทีม สธ. ประสานเสียงกับสายการบินแอร์เอเชีย แต่ยังไม่คอนเฟิร์ม ต้องรอการประสานจากหน่วยงานภาคพี้นดินรวมทั้ง ประสานกับเจ้าของสถานที่ก่อน เพราะต้องวางแผนสำหรับการตั้ง camp เพื่อเฝ้าสังเกตอาการให้กับผู้เดินทางทั้งเกือบ 150 คนเป็นเวลาอีก 14 วันเป็นอย่างน้อยด้วย

การประชุมสิ้นสุดลง การวางแผนขั้นตอนต่างๆ เห็นภาพชัดเจนขึ้นมาก เหลือเพียงแผนขั้นตอนสุดท้ายที่ภาพยังไม่ชัดเจน คือ หลังพวกเรานำคนไทยผู้เดินทางทั้งหมดลงจากอากาศยานแล้ว แล้วไงต่อ? ใครจะเป็นผู้สร้างการปฏิบัติการภาคพื้นดินให้เรา เมื่อเรากลับมาถึงแผ่นดินไทย

คืนนี้อีกยาวไกล ผมต้องรวมข้อมูล, กฏระเบียบ, แนวทางทางวิชาการควบคุมโรค มาคลุกเคล้ากันให้เสร็จภายในค่ำคืนนี้ และพรุ่งนี้ทุกคนมีนัดกันที่ รพ.บำราศฯ ทั้ง 16 คน (7 + 2 + 4 + 3 คน)

3 กุมภาพันธ์ วันที่ยาวนาน

0900 น. เรานัดกัน 16 คน พบกันที่ รพ.บำราศฯ บรรยากาศในวันนี้ เริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ถือเป็นการแนะนำตัวครั้งแรกจริง ๆ หลังจากที่บางคนในทีมได้เห็นกันมาแล้วสองครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ครบ 16 คน (แถมด้วยชุดปฏิบัติการสำรองของแอร์เอเชียอีกจำนวนหนึ่ง) และยังมีหัวหน้าใหญ่ ของเหล่าลูกเรือแอร์เอเชียมาให้กำลังใจในการฝึกซ้อมของพวกเราด้วย
เราสรุปขั้นตอนการฏิบัติแบบละเอียด ตั้งแต่ก่อนเครื่อง Landing ที่อู่ฮั่น → แตะพื้น→ ประสานงานกับท่าอากาศยาน→ เตรียมอุปกรณ์ → จัดตั้งจุด screen (แนวโน้มไม่ในงวง ก็น่าจะเป็นหน้าบันไดข้างเครื่อง) → เริ่มต้นขั้นตอนการลงทะเบียน ตรวจสอบรายชื่อผู้เดินทาง → ผ่านขั้นตอนการ screen & clean ทั้ง 6 ขั้นตอน → รับเลขที่เก้าอี้นั่งผู้โดยสาร → เข้าสู่ cabin แล้วนั่งรอ

เราจินตนาการรวมไปจนถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นใน cabin ทั้งหมด ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดระยะเวลาการรอ และระหว่างการเดินทาง และจบกระบวนการช่วงเช้าด้วยความเร่งรีบ และเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลโดยปราศจากการรับประทานอาหารกลางวันเพราะทุกอย่างเร่งรีบไปหมด

1340 น. ทุกคนเดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล (ต่างคนต่างมา)เพื่อเข้าพบท่านรองนายกรัฐมนตรี และท่านนายกฐมนตรี เพื่อรับคำอวยพร และที่สำคัญ ท่านนายก "แจกพระ" ให้เป็นสิริมงคลกับทีมทั้งหมด และอวยพรให้ภารกิจพิเศษนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

15.30 ทุกคนรีบบึ่งกลับไปเจอกันที่ รพ.บำราศฯ คุณปุ้ม (นามสมมติ) เคลียร์กระบวนการขั้นตอนที่ลูกเรือชุดพิเศษนี้ต้องเป็นผู้ดำเนินการ หลังจากนั้นจึงเป็นการทดสอบ (Simulation) ขั้นตอนอย่างละเอียด โดยทุกคนตั้งแถวตามตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย ทั้ง 6 สถานี และเราก็เริ่มทดสอบกระบวนการทั้งหมดพร้อมจับเวลา
จากข้อมูลที่ได้มาล่าสุด เรามีผู้เดินทางมากกว่า 150 คน และมีช่วงเวลา Ground Time เพียงเกือบ ๆ 5 ชั่วโมงเท่านั้น
เรา ทดลอง simulation อยู่สองสามรอบ และมีการปรับขั้นตอนอยู่สองสามครั้ง จนเราคำนวนได้เวลาดีที่สุดที่เกือบ 6 ชั่วโมงเท่านั้น ไม่สามารถลดขั้นตอนให้เหลือใกล้ 5 ชั่วโมงได้เลย

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปวัดใจกันหน้างาน" คือ ข้อสรุปสุดท้ายที่เราพยักหน้าให้กัน

หลังจากทดสอบขั้นตอนจนเป็นที่น่าพอใจ ทีมพี่ ๆ ICN (Infectious Control Nurse) รพ.บำราศฯ 3 คนที่จะไปกับเรา รวมทั้งทีมงานของ รพ.บำราศฯ ผู้อยู่เบื้องหลังอีกจำนวนไม่น้อยภายใต้การสนับสนุนของท่าน ผอ. รพ. บำราศนราดูร ที่ช่วยเราในการจัดเตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์ และเครื่องป้องกัน PPE level c – full cover ไว้ให้พวกเรา โดยเป็นการจัดแยกเฉพาะรายบุคคลเอาไว้ ไม่อนุญาตให้สลับสับเปลี่ยนกัน
นาทีนี้ พวกเรารู้สึกเหมือนนักบินอวกาศ ที่ได้รับหน้าที่ไปสำรวจดวงจันทร์กันเลยทีเดียว เพราะมีการเตรียมอุปกรณ์, เสื้อผ้า, ชุด PPE., รองเท้าบูทระบุขนาดเฉพาะบุคคลไม่สลับกัน และที่สำคัญ การจัดเตรียมอุปกรณ์ในครั้งนี้ของทีมรพ.บำราศฯ เป็นการ pack อุปกรณ์ดังกล่าว เป็นครั้งที่ 4 แล้ว และพวกเราหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย

“ถ้าให้ป้า ๆ แกะใหม่เป็นรอบที่ 5 ภารกิจนี้ คงไม่ได้ไปแล้วล่ะ” คิดในใจ ตัวใครตัวมันนะคร้าบ

ทีมแอร์เอเชีย ฝึกซ้อมการใส่ชุด ถอดชุด หายใจและใช้ชีวิตอยู่ภายในหน้ากากและแว่นตาอยู่จนค่ำจึงได้รำลากัน คุณปุ้ม (นามสมมติ) หัวหน้าที่แสนดีและน่ารักของทุกคน ได้กำชับให้ทุกคนรีบนอน พักผ่อนให้เพียงพอ

"ภารกิจใหญ่ รอเราอยู่พรุ่งนี้ รีบพักนะ" หัวหน้าแนะนำ และยังเผื่อแผ่ความหวังดี กระเด็นมาถึงทีม สธ. ด้วย

"เจอกันพรุ่งนี้ 0500 ที่ดอนเมืองนะคะ" คือคำจากลาสําหรับค่ำนี้

4 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 0500 น.

เราทั้ง 16 คนนัดเจอกันที่สำนักงานภายในท่าอากาศยานดอนเมือง พี่นูญ (เนตไอดอล) นำทีม final brief เป็นครั้งสุดท้าย และกำหนด Line of Command ในแต่ละช่วงของตารางบิน และ ในกรณีเกิดเหตุการฉุกเฉินอย่างชัดเจน รวมทั้งซักซ้อมกระบวนการต่าง ๆ เมื่อพบกับสถานการณ์ฉุกเฉินในอากาศยาน

บนเครื่อง บรรยากาศผ่อนคลาย เป็นกันเอง มีรอยยิ้มตั้งแต่ก่อน take off โดยจะว่าไปแล้วในภารกิจพิเศษครั้งนี้ ทีมงานทั้ง 16 ชีวิต มาด้วยใจ สมัครมา ยินดีและภูมิใจในสิ่งที่ได้ทำ ถึงแม้ว่า จะเป็นปฏิบัติการที่ทุกคนทราบว่ามีความเสี่ยง

“มันควรจะมีความเครียดมั้ย” ทำไม ผมถึงไม่รู้สึกแบบนั้น

มันเป็นเรื่องจริง และเป็นเรื่องสมควร ที่พวกเราทั้ง 16 คน ควรจะรู้สึกกดดัน กับสิ่งที่กำลังรับผิดชอบ แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผม มันกลับกลายเป็นอีกอย่างหนึ่งโดยสิ้นเชิง

“ใครจะหาว่าพวกเราไม่มีกาลเทศะ ก็ยอมล่ะครับ บรรยากาศ ในเครื่อง Airbus A-320 เที่ยวบิน FD 570 วันนี้ มันดีจริง ๆ”

มันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อารมณ์ที่ผ่อนคลาย ทั้งทีมแพทย์ สจ๊วต แอร์ฯ ยิ่งกว่านั้น ไม่ ๆ มันเลยเถิดไปถึงท่านกัปตันนักบิน และอีก 2 ชีวิตที่อาศัยอยู่ใน cockpit ด้านหน้า
ภายหลังจากบนเครื่องได้ดำเนินการตาม instruction ตามระเบียบการบินอย่างเคร่งครัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความอลม่านก็เริ่มขึ้น การมอบหมายงานจากทีม flight crew ที่ตอนนี้ กำลังเป็น “ครู” เริ่มเป็นคู่ ๆ

"เปิด cart แบบนี้นะครับหมอ"

"pack น้ำอยู่ตรงนี้ครับ แต่ใน cart ผมใส่ไว้ทั้งด้านหน้าด้านหลังแล้วครับ"

"AED อยู่นี่ .. !, Oxygen tank อยู่ตรงนี้ครับ”

“ด้านหลังก็มี บลา บลา บลา" มันเหมือนกับการส่งเวร ในโรงพยาบาลขนาดสัก 900 เตียงก็ไม่ปาน

"ถุงขยะเล็ก ตรงนี้ค่ะ” “ถุงใหญ่อยู่นี่ค่ะ”

ระหว่างนี้ คุณกอล์ฟ และพี่อ๊อบ (นามสมมติ) เริ่มกระบวนการแจกขวดน้ำกับแซนด์วิช ไว้เตรียมสำหรับผู้เดินทางทุกคน เผื่อว่าจะหิว

“ถุงแดงเราก็มีนะคะ คุณหมอกับพี่จ๊อบ (นามสมมติของอีกคน) สามารถหยิบใช้ได้เลย ตามสะดวก" ฮ่า ๆ ๆ ยังไม่จบ

"ไมโครโฟน เอาออกแบบนี้ครับ” สจ๊วตท่านหนึ่ง หยิบอุปกรณ์หน้าตาเหมือนโทรศัพท์ เอามาสอนจิตแพทย์ในทีม

“ถ้าต้องการพูดกดปุ่มนี้ แล้วมากดตรงนี้ค้างไว้ หลังจากนั้น คุณหมอก็เริ่มได้เลยครับ"

"พี่ตอย(นามสมมติ) ต้องเอาไมค์ ชิด ๆ ปากหน่อยสิคะ ไม่งั้นเสียงไม่ออก" และอื่นๆอีกมากมายได้ถ่ายทอดจากทีมแอร์เอเชียสู่ทีมสาธารณสุข เพราะนี่คือสิ่งที่พวกเราต้องทำแทนกันในตอนขากลับ
การซักซ้อมความเข้าใจในกระบวนการถูก wrap up อีกครั้งเมื่อพี่มนูญส่งสัญญานว่า “อีกหนึ่งชั่วโมง เราจะถึงท่าอากาศยานอู่ฮั่นนะ”
เรามองหน้ากัน ส่งสัญญานพยักหน้าให้กัน “สิ้นสุดการเตรียมการเสียที นับจากวันที่ 30 มกราคม จนถึง 4 กุมภาพันธ์ 63 เสียที”

“จากนี้ไปคือปฏิบัติการของจริง ทุกคนปรับ mode เข้าสู่อีกบรรยากาศหนึ่งทันที” มืออาชีพมาก มาก.

ยังครับ บันทึกการปฏิบัติการพิเศษในครั้งนี้ ยังมีเรื่องเล่าอีกมากมาย ในระหว่างที่เราได้ดูแลคนไทยทั้ง 141 ชีวิต รวมทั้ง เราได้ดูแลกันและกันอีก 16 ชีวิต เพื่อกลับบ้านมาพร้อมกัน ที่หมายคือ สนามบินอู่ตะเภา อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ในตอนต่อไป

• เครดิตมากมายพวกเราขอมอบให้ทีมงาน ผู้อยู่เบื้องหลัง ผู้ซึ่งพร้อมสนับสนุนปฏิบัติการพิเศษนี้อย่างเต็มกำลัง
• เครดิตยิ่งกว่า พร้อมคำขอบคุณด้วยความรักให้กับกองหลังที่ดีที่สุดในชีวิตของผม พร้อมลิงอีก 2 คนที่กำลังซนหนักหนา & คุณปู่ คุณย่า คุณตาและคุณยาย
• ขอบคุณสหายร่วมรบทุกคน โดยเฉพาะนายนะ คุณสถาพร

ด้วยความศรัทธาและด้วยใจที่มีต่อสหายในภารกิจพิเศษนี้
"ปฏิบัติการ บนฟากฟ้า พากลับบ้าน"
กรุงเทพมหานคร 2563
R.

https://www.facebook.com/roy.burivong/posts/3157632297582441
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
Never argue with an idiot. They will drag you down to their level and beat you with experience
ออฟไลน์
Onion Member
Status: Ola..
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Sep 2005
ตอบ: 10892
ที่อยู่: Ola~
โพสเมื่อ: Thu Feb 20, 2020 06:12
[RE: บันทึกการทำงานของทีมแพทย์ไปที่ไปรับคนไทยที่อู่ฮั่น]
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
แผล่บๆ เรื้อนๆ ปั้มเรป วู้ !!!
ออฟไลน์
คอมเมนเตเตอร์
Status: ผมรักในแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 28 Apr 2006
ตอบ: 9137
ที่อยู่: เธียเตอร์ออฟดรีม
โพสเมื่อ: Thu Feb 20, 2020 06:57
[RE: บันทึกการทำงานของทีมแพทย์ไปที่ไปรับคนไทยที่อู่ฮั่น]
อ่านจนจบนี้เห็นภาพความวุ่นวายเลย

สุดท้ายขอบคุณแทนทุกๆคนครับ

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
[
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 2945
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Feb 20, 2020 07:45
บันทึกการทำงานของทีมแพทย์ไปที่ไปรับคนไทยที่อู่ฮั่น
ทำไมคนทำงานต้องไปหานายกที่ทำเนียบ
นายกควรมาให้กำลังถึงโรงพยาบาบสิ

เซ็งตรงนี้จริงๆ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
134
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 964
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Feb 20, 2020 09:46
[RE: บันทึกการทำงานของทีมแพทย์ไปที่ไปรับคนไทยที่อู่ฮั่น]
สื่อไทย กับ คนให้ข่าว พอๆกันเลย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel