ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจได้
ความเหลื่อมล้ำมีอยู่ 5 ด้าน ทั้งโอกาส อำนาจ สิทธิ แวดล้อมรายได้ของคน ถ้ามุ่งจะแก้ปัญหารายได้ แต่คุณไม่มีโอกาส ไม่มีสิทธิ ก็แก้ไม่ได้ ถ้าถามว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจยังไง ตัวคานงัดไม่ใช่ตัวเศรษฐกิจ ตัวคานงัดคืออำนาจ
ปฏิสัมพันธ์เชิงอำนาจมีลักษณะ 3 เหลี่ยมคือ อำนาจรัฐ อำนาจทุน อำนาจประชาชน ถ้าสามเหลี่ยมมีดุลยภาพซึ่งกันและกัน แปลว่า มีอำนาจดุลซึ่งกันและกัน ทุนจะเอาเปรียบประชาชนมากก็ไม่ได้
หนึ่ง-ต้องปฏิรูปปัจจัยการถือครองการผลิต จะต้องให้ประชาชนเป็นเจ้าของเงินทุนของตัวเอง ถ้าทำไม่ได้ คุณไม่สามารถลดความเหลื่อมล้ำได้ เพราะการลดความเหลื่อมล้ำไม่ใช่การแจก แต่ต้องทำให้ทุกคนเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต
สอง-เราอยู่ในเศรษฐกิจทุนนิยม ทุกคนต้องเข้าถึงทุนและเข้าถึงตลาดได้ มีส่วนแบ่งตลาด สามารถต่อรองส่วนแบ่งจากตลาดนั้น ไม่ใช่ได้งานแต่กำหนดส่วนแบ่งจากตลาดนั้นไม่ได้เลย แปลว่าไม่ได้เป็นเจ้าของตลาด ตอนนี้คนขายซาลาเปา ไข่ปิ้ง กล้วยทอด ไม่มีส่วนแบ่งตลาด
สาม-ลดการพึ่งพาการส่งออก พึ่งตลาดภายในประเทศมากขึ้น ต้องให้ทุกคนมีอำนาจต่อรอง พอคนไม่มีอำนาจต่อรอง พอเศรษฐกิจโต ส่วนแบ่งจะตกไปอยูในมือของใครบางคน
สี่-ต้องปฏิรูปโครงสร้างภาษี ถึงเวลาที่คุณจะต้องเพิ่มภาษีกำไรมากกว่านี้ ลดภาษีส่วนบุคคลลงให้เหลือ 25 เปอร์เซ็นต์ ภาษีกำไรบริษัทควรเพิ่มจาก 20-25 เปอร์เซ็นต์ เราก็จะมีเงินมาทำสวัสดิการสังคมมากขึ้น
สุดท้าย เราต้องมีประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ คือประชาธิปไตยที่กินได้ ในหมู่บ้านถ้าทุกคนมีหนึ่งเสียง เขาก็ควรมีสิทธิด้วย ในทางการเมือง ‘หนึ่งคน หนึ่งเสียง’ ทางเศรษฐกิจต้อง ‘หนึ่งคน หนึ่งกรรมสิทธิ์’
แต่ในปฏิสัมพันธ์เชิงอำนาจ ถามว่าคนที่เคยได้เปรียบจะเสียสละความได้เปรียบของตัวเองไหม ทำยังไงให้เสียสละ คนก็ต้องลุกขึ้นมาสู้ มาถึงอำนาจรัฐที่มีอำนาจอยู่จะยอมไหม ทุกอย่างอยู่ที่เราเป็นหลัก เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่าประชาชนที่กล้าต่อรองกับทุนคือมนุษย์ค่าจ้าง
เพราะสไตล์การแข่งขันแบบนี้ใช่ไหม เราถึงแพ้เรื่อยๆ
แม้แต่ในประเทศเรา ผมไม่เข้าใจว่าทุนใหญ่ๆ ของไทยจะไปแข่งขันทำมาหากินกับชาวบ้านทำไม แบ่งให้เขาทำมาหากินบ้างได้ไหม ไม่ว่าจะเป็นเหล้าขาว สาโท ให้เขาผลิตบ้างได้ไหม คุณเป็นมวยเฮฟวีเวทมาชกกับฟลายเวทได้ไง เอาห้างที่มีทุนเป็นแสนล้านมาชกกับร้านโชห่วยได้ยังไง รัฐบาลปล่อยมาได้ยังไง ทั่วโลกเขาไม่ทำกัน
คุณรู้ไหมว่าที่เยอรมนีถึงแม้ว่าห้างจะอยู่ติดกับโชห่วย โอเค ห้างขายถูกกว่า โชห่วยขายแพงกว่า เราก็แปลกใจว่ามันอยู่กันได้ยังไง ปรากฏว่า 2 ทุ่มปั๊บ ห้างปิด แต่โชห่วยเปิดต่อไปได้ถึงเที่ยงคืน ตลอด 4 ชั่วโมงที่ไม่มีห้าง โชห่วยก็ขายได้ แต่บ้านเราร้านมินิมาร์ทเปิด 24 ชั่วโมง อาโกขายซาลาเปา ยายขายกล้วยแขก ตายหมด ถ้าตอบแบบเศรษฐศาสตร์การเมืองว่าปล่อยไปได้ยังไง ก็เพราะมันคิดแบบนายทุนเหมือนกัน
https://waymagazine.org/narong-petprasert/
มันก็น่าจะจริงนะ เงินมันหมุนอยู่แต่ชนชั้นบนๆ
บทความยาวมากเอามาไม่หมด อ่านต่อเพิ่มเติมตามลิ้งค์ได้ครับ