รัฐเปิดให้จีนค้าออนไลน์เสรี ทำลายเศรษฐกิจ SMEs เจ๊งระนาว
คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ
โดย กฤษณา ไพฑูรย์
ตอนนี้เดินไปไหน มักได้ยินเสียงบ่นทำนองเดียวกันว่า กำลังซื้อเงียบมากการค้าขายฝืดเคือง มนุษย์เงินเดือนที่เคยเป็นลูกค้ากลายมาเป็นแม่ค้าเพราะตกงาน
ด้านผู้ส่งออกก็บ่นว่า เศรษฐกิจโลกชะลอตัว คำสั่งซื้อลดลง อีกทั้งค่าเงินบาทไทยแข็งโป๊ก ทำให้ไม่สามารถส่งออกไปแข่งขันกับประเทศอื่นได้ ต้องลดกำลังการผลิต ลดจำนวนคนงาน บางแห่งก้าวสู่การปิดโรงงานชั่วคราว โดยใช้มาตรา 75 หรือบางแห่งถึงขั้นเลิกกิจการ
ทางออกของปัญหาหลายคนเรียกร้องให้ภาครัฐ
“กระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ”
ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา ภาครัฐออกมาตรการหลากหลายมากระตุ้น เช่น โครงการชิม ช้อป ใช้ เรียกว่า “ควักกระเป๋าแจกเงินกันเป็นว่าเล่น” แต่ผลที่หวังจะให้เงินสะพัดหมุนเข้าไปในระบบหลาย ๆ รอบ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กระเตื้อง ดูเหมือนมันออกอาการ… ฝืด ๆ !
เพราะเงินกระจุกตัวไม่กระจาย คนไม่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดจริง ๆ เพราะส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัดที่มาทำงานต่างถิ่นอยู่แล้ว
ล่าสุดได้มีโอกาสคุยกับ
คุณปรัชญา สมะลาภา ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก หอการค้าไทย ได้บอกเล่าถึงสาเหตุที่กำลังซื้อภายในประเทศส่วนหนึ่งที่หายไป เพราะคนไทยไปช็อปปิ้งซื้อสินค้าออนไลน์ของเว็บในต่างประเทศกัน
“ยิ่งเราซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศมากขึ้น เงินไม่เกิดการหมุนเวียนภายใน ประเทศไทยไม่ได้ประโยชน์ เว็บค้าออนไลน์ระหว่างประเทศ ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศไม่หมุน”
ที่สำคัญ สินค้าที่สั่งซื้อมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าผู้ผลิตไทย โดยเฉพาะสินค้าจากเมืองจีน ทำให้ขายสินค้าได้ราคาถูกและส่งผลกระทบต่อยอดขายของโรงงานระดับ SMEs ของไทยอย่างมาก
ถือเป็นการทำลายเศรษฐกิจภายในประเทศ ทำลายอุตสาหกรรม SMEs ภายในประเทศทั้งหมด เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยที่ภาครัฐไม่สามารถควบคุมได้
และผู้นำเข้าเลี่ยงการเสียภาษีนำเข้า หากสินค้าที่สั่งมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท ไม่ต้องเคลมภาษี ไม่ต้องดีแคร์ว่าเป็นอะไร นำเข้ามาได้เลย
ทำให้ใน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ของสินค้านำเข้าจากจีน ถูกแบ่งเป็นแพ็กเล็ก ๆ ลักษณะเดียวกันนี้บรรจุมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์
เท่ากับเราเปิดให้ต่างชาติเข้ามาขายสินค้าได้ แต่ไม่เกิดประโยชน์กับประเทศไทย
โรงงานทุกวันนี้ ไม่ใช่ว่าเศรษฐกิจไม่ดี ขายไม่ออก แต่โรงงานไทยถูกจีนนำสินค้าราคาถูกมาขายถล่ม
“หากเทียบราคาต่อการผลิตระหว่างในเมืองไทยกับจีน ยกตัวอย่าง แก้วเซรามิก หากผลิตในไทย ราคา 60-70 บาท แต่สินค้าแก้วเซรามิกจากจีน ราคา 10 กว่าบาท ผมเคยถามผู้ผลิตในประเทศไทยบอกผลิตขายไม่ได้ราคานี้”
“รัฐบาลบอกเศรษฐกิจดี ตัวเลขดี ทำไมชาวบ้านบ่น เพราะร้านค้าขายสินค้าไม่ได้ เพราะเท่าที่สอบถามตอนนี้ทุกบ้านซื้อสินค้าออนไลน์กันเกือบหมด”
ขณะที่ผู้ประกอบการไทยไม่สามารถทะลุเข้าไปขายสินค้าให้คนจีนถึงบ้านได้ อย่างที่ไทยเปิดให้ค้าขายออนไลน์กันอย่างเสรี
ดังนั้น หากรัฐบาลไทยยังปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ คงได้เห็นโรงงาน SMEs ไทย ปิดตัวกันอีกมากมายในไม่ช้า นั่นหมายถึง “พนักงานในโรงงาน” จะตกงานกันตามมา และสภาพเศรษฐกิจของไทยอาจจะวิกฤตยิ่งกว่าครั้งต้มยำกุ้ง เพราะบาดแผลครั้งนี้ลงบาดลึกในระดับรากหญ้าอย่างแท้จริง
https://www.prachachat.net/columns/news-398564