ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออนไลน์
แข้งบุนเดสลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 17 Feb 2015
ตอบ: 7871
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2019 09:18
[ธรรมะ] แก่นของธรรมะโดยย่อ
[๒๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะแสดงปฏิปทา
อันเป็นอุปการะแก่นิพพานแก่เธอทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาอันเป็นอุปการะ
แก่นิพพานนั้นเป็นไฉน ภิกษุในศาสนานี้
ย่อมเห็นว่า จักษุไม่เที่ยง รูปทั้งหลาย
ไม่เที่ยง จักษุวิญญาณไม่เที่ยง
จักษุสัมผัสไม่เที่ยง แม้สุขเวทนา
ทุกข์เวทนาหรืออทุกขมสุขเวทนา
ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัยก็ไม่เที่ยง ฯลฯ
ภิกษุในศาสนานี้ ย่อมเห็นว่า ใจไม่เที่ยง
ธรรมารมณ์ไม่เที่ยง มโนวิญญาณไม่เที่ยง
มโนสัมผัสไม่เที่ยง แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา
หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้น
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยก็ไม่เที่ยง

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นปฏิปทาอันเป็น
อุปการะแก่นิพพาน ฯ

ที่มา สัปปายสูตรที่ ๑
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐
สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
www.84000.org




ทุกท่านครับ วันนี้ผมจะพาท่านมาสู่แก่นของธรรมะโดยย่อดังนี้

รูปทั้งหลายที่เกิดขึ้นจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
(รูป คือ รูป รส กลิ่ง เสียง สัมผัส ระลึก เป็นต้น)
จิตรับรู้รูปดังกล่าวแล้ว
เพราะจิตยังไม่มีปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริงว่า
รูปนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน
เมื่อไม่รู้เห็นตามความเป็นจริงอย่างนั้น
จิตย่อมน้อมไปสู่อารมณ์อันเกิดจากรูปนั้น

เช่น จิตเกิดราคะ เพราะรูปนั้นเป็นที่ตั้งของราคะ
จิตเกิดโทสะ เพราะรูปนั้นเป็นที่ตั้งของโทสะ
จิตเกิดโมหะ เพราะรูปนั้นเป็นที่ตั้งของโมหะ
เมื่อจิตเป็นไปตามรูปภายนอกแบบนี้
กุศลกรรมก็ดี หรือ อกุศลกรรมก็ดี ย่อมเกิดขึ้นได้
ตามอารมณ์ที่จิตนั้นถูกครอบงำ
บุคคลจึงทำกุศลกรรมหรืออกุศลกรรม
ด้วยอาการอย่างนี้ ติดอยู่ในวังวนอย่างนี้
ย่อมเวียนว่ายตาย เกิด ไปตามภพ ชาติ
ตามเหตุปัจจัยของกรรม ดังนี้

แต่เมื่อใดที่บรรลุธรรมแล้ว
จิตเกิดปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริงว่า
รูปนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน
รูปทั้งหลายที่เกิดขึ้นจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ย่อมครอบงำจิตไม่ได้
กุศลกรรมก็ดี หรือ อกุศลกรรมก็ดี ย่อมไม่เกิดขึ้นได้
เพราะจิตไม่ถูกอารมณ์ใดๆครอบงำ
บุคคลจึงไม่ทำกุศลกรรมหรืออกุศลกรรม
ด้วยอาการอย่างนี้ ไม่ติดอยู่ในวังวนอย่างนี้
ย่อมตัดภพชาติ ไม่เวียนว่ายตายเกิด

การดับทุกข์ที่ถูกต้อง จึงเป็นการดับที่ต้นเหตุ
คือ การมองเห็นรูปตามความเป็นจริงว่า
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน

ปฏิปทา หรือ การปฎิบัติอันใด
ที่เป็นไปเพื่อการรับรู้รูปตามความเป็นจริงอย่างนี้
คือ ทางปฎิบัติเพื่อพ้นทุกข์ที่ถูกต้อง

ปล. ผมใช้แค่ รูป ยกตัวอย่างเพื่อให้ง่าย
แต่จริงแล้ว ขันธ์ 5 คือ "รูป เวทนา สัญญา สังขาร
วิญญาณ" ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่ควรเห็นตามความจริง
ในทำนองนี้เช่นกัน


กระทู้เก่า
สติเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1821074
การได้ความเป็นมนุษย์เป็นของยาก
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1819464
ความทุกข์ในนรกนั้นอุปมาได้ยาก
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1815802
ความทุกข์ของมนุษย์เป็นแค่เศษของกรรมชั่ว
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1814014
แก้ไขล่าสุดโดย PattyZ เมื่อ Fri Nov 22, 2019 09:33, ทั้งหมด 2 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status: So Sleepy
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 164
ที่อยู่: Unknown Place
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2019 09:26
[RE: [ธรรมะ] แก่นของธรรมะโดยย่อ]
สาธุครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Object Reference not Set ....
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 6192
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2019 09:28
[RE: [ธรรมะ] แก่นของธรรมะโดยย่อ]
คนหยาบ ๆ ด่าพระได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะบาปอย่างผม
ไม่เคยยกเนื้อหา ที่ต้องแปลแล้วแปลอีก เนื่องจากมันค่อนข้างเป็นภาษาเชิงราชการเกินไป

อารมณ์คล้าย ๆ ยังกะอ่านกฏหมายที่คนทั่วไป อ่านแล้วจะมึน ๆ งง ๆ กับศัพท์แสงและจรติในการใช้คำต่าง ๆ


ขอสรุปสั้น ๆ ง่าย ๆ ได้ใจความที่ ไม่เคยเห็นเนื้อหาในพระไตรปิฎกของใครยกมาเล่าอ้างหรือกล่าวถึงว่า

แก่นของธรรมะ มีอยู่ 3 อย่าง
-------------------------------
"ศีล สมาธิ ปัญญา"
-------------------------------
ลดรูปให้สั้น และกระชับกว่านั้นเหลือคำคือ
===============================
"สติ"
===============================
เมื่อมีสิ่งเหล่านี้แล้ว
ก่อนกาลจะทำอะไร คุณจะสามารถพินิจ พิจารณา ถึงสิ่งต่าง ๆ ได้เอง ทั้งสภาวะรอบข้าง เหตุผล/มุลเหตุที่จะทำสิ่งนั้น

รวมทั้งวิธีการและรูปแบบที่จะทำ


ทำไมไม่ค่อยเห็นชาวพุทธ คุยกันเรื่องนี้เลยน้ออออออออออ
มีอะไรไม่ถูกใจ ก็ด่ากัน สาปแช่ง กรรโชคให้กลัวกันอย่างไร้เหตุผล
และแน่นอน

... ไร้ "สติ" อย่างที่ชาวพุทธควรจะเป็น


ทำไมน้ออออออออออออ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: ในความอดทน คนหนึ่งคนจะมีเท่าไหร่
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Jun 2019
ตอบ: 7150
ที่อยู่: ดินแดนยากหยั่งรู้
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2019 09:39
[RE: [ธรรมะ] แก่นของธรรมะโดยย่อ]
ขอบคุณครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 07 Apr 2007
ตอบ: 126
ที่อยู่: Hellbury
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2019 10:48
[RE: [ธรรมะ] แก่นของธรรมะโดยย่อ]
วัฏสงสารนี้ เป็นภัยใหญ่มีทุกข์มาก ชาตินี้จะเป็นชาติเดียวและชาติสุดท้ายที่เราจะเกิด

การเกิดจะไม่มีแก่เรา ถ้าเราตายทางเดียวที่เราจะไปคือพระนิพพาน
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status: สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Sep 2018
ตอบ: 1882
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2019 11:47
[RE: [ธรรมะ] แก่นของธรรมะโดยย่อ]
SuperTee พิมพ์ว่า:
คนหยาบ ๆ ด่าพระได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะบาปอย่างผม
ไม่เคยยกเนื้อหา ที่ต้องแปลแล้วแปลอีก เนื่องจากมันค่อนข้างเป็นภาษาเชิงราชการเกินไป

อารมณ์คล้าย ๆ ยังกะอ่านกฏหมายที่คนทั่วไป อ่านแล้วจะมึน ๆ งง ๆ กับศัพท์แสงและจรติในการใช้คำต่าง ๆ


ขอสรุปสั้น ๆ ง่าย ๆ ได้ใจความที่ ไม่เคยเห็นเนื้อหาในพระไตรปิฎกของใครยกมาเล่าอ้างหรือกล่าวถึงว่า

แก่นของธรรมะ มีอยู่ 3 อย่าง
-------------------------------
"ศีล สมาธิ ปัญญา"
-------------------------------
ลดรูปให้สั้น และกระชับกว่านั้นเหลือคำคือ
===============================
"สติ"
===============================
เมื่อมีสิ่งเหล่านี้แล้ว
ก่อนกาลจะทำอะไร คุณจะสามารถพินิจ พิจารณา ถึงสิ่งต่าง ๆ ได้เอง ทั้งสภาวะรอบข้าง เหตุผล/มุลเหตุที่จะทำสิ่งนั้น

รวมทั้งวิธีการและรูปแบบที่จะทำ


ทำไมไม่ค่อยเห็นชาวพุทธ คุยกันเรื่องนี้เลยน้ออออออออออ
มีอะไรไม่ถูกใจ ก็ด่ากัน สาปแช่ง กรรโชคให้กลัวกันอย่างไร้เหตุผล
และแน่นอน

... ไร้ "สติ" อย่างที่ชาวพุทธควรจะเป็น


ทำไมน้ออออออออออออ  

คุยครับแต่ไม่ใช่ทุกคนจะรับฟังหรือทำตาม แม้เเต่ตัวผมเองบางครั้งสติก้อไม่มั่งคง ทุกอย่างมาจากการอบรมสั่งสอน ปลูกฝังและฝึกปฏิบัติ เราไปห้ามเขาไม่ได้คนดีคนไม่ดีมันปะปนกันไปในสังคมนี้ถ้าทุกคนดีหมดสังคมคงอยุ่กันสบาย ก่อนจะไปเรื่องแก่นแท้ของศาสนาเอาเรื่องประเพณี ความประพฤติ ถาษา กิริยา ครอบครัว การเมือง ก่อนดีไหมครับเรื่องรอบๆตัวเรามันส่งผลต่อพฤติกรรมของเรายิ่งกว่าศาสนาอีกนะผมว่าเราเกิดมาเจอแม่ก่อครูอาจารย์เจอเพื่อนก่อนจะเจอพระนะครับผม
แก้ไขล่าสุดโดย wiliiver เมื่อ Fri Nov 22, 2019 11:56, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
คอมเมนเตเตอร์
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 24772
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2019 12:09
[RE: [ธรรมะ] แก่นของธรรมะโดยย่อ]
PattyZ พิมพ์ว่า:
[๒๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะแสดงปฏิปทา
อันเป็นอุปการะแก่นิพพานแก่เธอทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาอันเป็นอุปการะ
แก่นิพพานนั้นเป็นไฉน ภิกษุในศาสนานี้
ย่อมเห็นว่า จักษุไม่เที่ยง รูปทั้งหลาย
ไม่เที่ยง จักษุวิญญาณไม่เที่ยง
จักษุสัมผัสไม่เที่ยง แม้สุขเวทนา
ทุกข์เวทนาหรืออทุกขมสุขเวทนา
ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัยก็ไม่เที่ยง ฯลฯ
ภิกษุในศาสนานี้ ย่อมเห็นว่า ใจไม่เที่ยง
ธรรมารมณ์ไม่เที่ยง มโนวิญญาณไม่เที่ยง
มโนสัมผัสไม่เที่ยง แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา
หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้น
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยก็ไม่เที่ยง

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นปฏิปทาอันเป็น
อุปการะแก่นิพพาน ฯ

ที่มา สัปปายสูตรที่ ๑
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐
สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
www.84000.org




ทุกท่านครับ วันนี้ผมจะพาท่านมาสู่แก่นของธรรมะโดยย่อดังนี้

รูปทั้งหลายที่เกิดขึ้นจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
(รูป คือ รูป รส กลิ่ง เสียง สัมผัส ระลึก เป็นต้น)
จิตรับรู้รูปดังกล่าวแล้ว
เพราะจิตยังไม่มีปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริงว่า
รูปนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน
เมื่อไม่รู้เห็นตามความเป็นจริงอย่างนั้น
จิตย่อมน้อมไปสู่อารมณ์อันเกิดจากรูปนั้น

เช่น จิตเกิดราคะ เพราะรูปนั้นเป็นที่ตั้งของราคะ
จิตเกิดโทสะ เพราะรูปนั้นเป็นที่ตั้งของโทสะ
จิตเกิดโมหะ เพราะรูปนั้นเป็นที่ตั้งของโมหะ
เมื่อจิตเป็นไปตามรูปภายนอกแบบนี้
กุศลกรรมก็ดี หรือ อกุศลกรรมก็ดี ย่อมเกิดขึ้นได้
ตามอารมณ์ที่จิตนั้นถูกครอบงำ
บุคคลจึงทำกุศลกรรมหรืออกุศลกรรม
ด้วยอาการอย่างนี้ ติดอยู่ในวังวนอย่างนี้
ย่อมเวียนว่ายตาย เกิด ไปตามภพ ชาติ
ตามเหตุปัจจัยของกรรม ดังนี้

แต่เมื่อใดที่บรรลุธรรมแล้ว
จิตเกิดปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริงว่า
รูปนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน
รูปทั้งหลายที่เกิดขึ้นจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ย่อมครอบงำจิตไม่ได้
กุศลกรรมก็ดี หรือ อกุศลกรรมก็ดี ย่อมไม่เกิดขึ้นได้
เพราะจิตไม่ถูกอารมณ์ใดๆครอบงำ
บุคคลจึงไม่ทำกุศลกรรมหรืออกุศลกรรม
ด้วยอาการอย่างนี้ ไม่ติดอยู่ในวังวนอย่างนี้
ย่อมตัดภพชาติ ไม่เวียนว่ายตายเกิด

การดับทุกข์ที่ถูกต้อง จึงเป็นการดับที่ต้นเหตุ
คือ การมองเห็นรูปตามความเป็นจริงว่า
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน

ปฏิปทา หรือ การปฎิบัติอันใด
ที่เป็นไปเพื่อการรับรู้รูปตามความเป็นจริงอย่างนี้
คือ ทางปฎิบัติเพื่อพ้นทุกข์ที่ถูกต้อง

ปล. ผมใช้แค่ รูป ยกตัวอย่างเพื่อให้ง่าย
แต่จริงแล้ว ขันธ์ 5 คือ "รูป เวทนา สัญญา สังขาร
วิญญาณ" ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่ควรเห็นตามความจริง
ในทำนองนี้เช่นกัน


กระทู้เก่า
สติเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1821074
การได้ความเป็นมนุษย์เป็นของยาก
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1819464
ความทุกข์ในนรกนั้นอุปมาได้ยาก
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1815802
ความทุกข์ของมนุษย์เป็นแค่เศษของกรรมชั่ว
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1814014  

ขอถามหน่อยครับ สิ่งที่ผมอยากรู้คือวิธีทางปฏิบัติเพื่อเป็นพระโสดาบัน หรือวิธีเพื่อให้เห็นความจริงเห็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ต้องทำยังไงบ้าง เช่น ฝึกสมาธิ ถือศีล
และท่านศึกษาจากครูอาจารย์ท่านไหน
คือตัวผมไม่รู้ว่าคำสอนไหนคือของแท้ ผมคิดว่าจะศึกษาหลายๆสำนัก อันไหนที่พูดตรงกันก็คิดว่าคือคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆ
หลักๆก็ศึกษาพุทธวจนะ อ.คึกฤทธิ์ และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
แข้งบุนเดสลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 17 Feb 2015
ตอบ: 7871
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2019 13:03
[RE: [ธรรมะ] แก่นของธรรมะโดยย่อ]
อาร์ท ฟรีคิก พิมพ์ว่า:
PattyZ พิมพ์ว่า:
[๒๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะแสดงปฏิปทา
อันเป็นอุปการะแก่นิพพานแก่เธอทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาอันเป็นอุปการะ
แก่นิพพานนั้นเป็นไฉน ภิกษุในศาสนานี้
ย่อมเห็นว่า จักษุไม่เที่ยง รูปทั้งหลาย
ไม่เที่ยง จักษุวิญญาณไม่เที่ยง
จักษุสัมผัสไม่เที่ยง แม้สุขเวทนา
ทุกข์เวทนาหรืออทุกขมสุขเวทนา
ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัยก็ไม่เที่ยง ฯลฯ
ภิกษุในศาสนานี้ ย่อมเห็นว่า ใจไม่เที่ยง
ธรรมารมณ์ไม่เที่ยง มโนวิญญาณไม่เที่ยง
มโนสัมผัสไม่เที่ยง แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา
หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้น
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยก็ไม่เที่ยง

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นปฏิปทาอันเป็น
อุปการะแก่นิพพาน ฯ

ที่มา สัปปายสูตรที่ ๑
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐
สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
www.84000.org




ทุกท่านครับ วันนี้ผมจะพาท่านมาสู่แก่นของธรรมะโดยย่อดังนี้

รูปทั้งหลายที่เกิดขึ้นจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
(รูป คือ รูป รส กลิ่ง เสียง สัมผัส ระลึก เป็นต้น)
จิตรับรู้รูปดังกล่าวแล้ว
เพราะจิตยังไม่มีปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริงว่า
รูปนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน
เมื่อไม่รู้เห็นตามความเป็นจริงอย่างนั้น
จิตย่อมน้อมไปสู่อารมณ์อันเกิดจากรูปนั้น

เช่น จิตเกิดราคะ เพราะรูปนั้นเป็นที่ตั้งของราคะ
จิตเกิดโทสะ เพราะรูปนั้นเป็นที่ตั้งของโทสะ
จิตเกิดโมหะ เพราะรูปนั้นเป็นที่ตั้งของโมหะ
เมื่อจิตเป็นไปตามรูปภายนอกแบบนี้
กุศลกรรมก็ดี หรือ อกุศลกรรมก็ดี ย่อมเกิดขึ้นได้
ตามอารมณ์ที่จิตนั้นถูกครอบงำ
บุคคลจึงทำกุศลกรรมหรืออกุศลกรรม
ด้วยอาการอย่างนี้ ติดอยู่ในวังวนอย่างนี้
ย่อมเวียนว่ายตาย เกิด ไปตามภพ ชาติ
ตามเหตุปัจจัยของกรรม ดังนี้

แต่เมื่อใดที่บรรลุธรรมแล้ว
จิตเกิดปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริงว่า
รูปนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน
รูปทั้งหลายที่เกิดขึ้นจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ย่อมครอบงำจิตไม่ได้
กุศลกรรมก็ดี หรือ อกุศลกรรมก็ดี ย่อมไม่เกิดขึ้นได้
เพราะจิตไม่ถูกอารมณ์ใดๆครอบงำ
บุคคลจึงไม่ทำกุศลกรรมหรืออกุศลกรรม
ด้วยอาการอย่างนี้ ไม่ติดอยู่ในวังวนอย่างนี้
ย่อมตัดภพชาติ ไม่เวียนว่ายตายเกิด

การดับทุกข์ที่ถูกต้อง จึงเป็นการดับที่ต้นเหตุ
คือ การมองเห็นรูปตามความเป็นจริงว่า
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน

ปฏิปทา หรือ การปฎิบัติอันใด
ที่เป็นไปเพื่อการรับรู้รูปตามความเป็นจริงอย่างนี้
คือ ทางปฎิบัติเพื่อพ้นทุกข์ที่ถูกต้อง

ปล. ผมใช้แค่ รูป ยกตัวอย่างเพื่อให้ง่าย
แต่จริงแล้ว ขันธ์ 5 คือ "รูป เวทนา สัญญา สังขาร
วิญญาณ" ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่ควรเห็นตามความจริง
ในทำนองนี้เช่นกัน


กระทู้เก่า
สติเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1821074
การได้ความเป็นมนุษย์เป็นของยาก
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1819464
ความทุกข์ในนรกนั้นอุปมาได้ยาก
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1815802
ความทุกข์ของมนุษย์เป็นแค่เศษของกรรมชั่ว
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1814014  

ขอถามหน่อยครับ สิ่งที่ผมอยากรู้คือวิธีทางปฏิบัติเพื่อเป็นพระโสดาบัน หรือวิธีเพื่อให้เห็นความจริงเห็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ต้องทำยังไงบ้าง เช่น ฝึกสมาธิ ถือศีล
และท่านศึกษาจากครูอาจารย์ท่านไหน
คือตัวผมไม่รู้ว่าคำสอนไหนคือของแท้ ผมคิดว่าจะศึกษาหลายๆสำนัก อันไหนที่พูดตรงกันก็คิดว่าคือคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆ
หลักๆก็ศึกษาพุทธวจนะ อ.คึกฤทธิ์ และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ  


ผมปฎิบัติธรรมตามแนวทาง มหาสติปัตฐาน 4 ครับ
ทำเฉพาะ กายคตาสติ คือ มีสติตามดูกายในกาย
และเมื่อนั่งกับที่ ก็จะเจริญอาณาปานสติ
ไม่จำเป็นต้องทำได้ทั้งหมดนะครับ
เอาที่เราทำได้สะดวก ไม่ยาก ไม่ลำบากก็พอ
แต่ขอให้ทำไปเรื่อยๆจนชิน จนเป็นนิสัย

เมื่อสติบริบูรณ์แล้ว อินทรีย์ด้านอื่น
มี ปัญญา ศรัธทา สมาธิ วิริยะ ก็จะตามมาได้
ศีลย่อมบริบูรณ์ได้

เท่านี้ก็ได้ชื่อว่าปฎิบัติมาถูกทางแล้วครับ
หมั่นให้ทานตามกาลสมควร
ก็ได้ชื่อว่าทำ ทาน ศีล ภาวนา แล้วครับ

กายคตาสติสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=14&A=4182&Z=4496
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel