ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออนไลน์
ผู้จัดการทีมชุดเยาวชน
Status: Red Devil & Nerazzurri & The Yellow Wall
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 17615
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 18, 2019 17:50
(Man utd) Team news vs Liverpool


อัพเดทสภาพทีมล่าสุด

- เดเกอาน่าจะพลาดแดงเดือดค่อนข้างแน่ แต่ข่าวดีคือ ไม่น่าจะหนักมากจากที่เห็นทีแรก น่าจะใช้เวลาฟื้นตัวไม่นาน

- ปอกบาเป็นอีกคนที่หายไม่ทัน กำลังทำงานหนักเพื่อจะกลับมาช่วยทีมเร็วๆนี้

- Awb,ชอว์ น่าจะหายทัน

- ไม่ได้พูดถึง มาซิอัล (คิดว่าน่ากลับมามีส่วนร่วมได้แต่ไม่น่าจะได้ออกสตาร์ท)

สู้ให้เต็มที่ถ้าชนะนัดนี้ได้ยังไม่ห่างจาก พื้นที่ ucl มากมีโอกาสพลิกโมเมนตัมไล่กวดอยู่ ตัวสำคัญทยอยหายเจ็บกลับมาได้แล้ว

โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
แก้ไขล่าสุดโดย AlfaZero เมื่อ Fri Oct 18, 2019 17:51, ทั้งหมด 1 ครั้ง
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออนไลน์
ผู้จัดการทีมชุดเยาวชน
Status: Red Devil & Nerazzurri & The Yellow Wall
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 17615
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 18, 2019 17:54
[RE](Man utd) Team news vs Liverpool
เอาบทความโหมโรงจาก red army fan club มากฝากครับ

https://www.facebook.com/120649913112/posts/10157146708053113?sfns=mo


Spoil
#เพราะกีฬาคือชีวิต “แดงเดือด” เกมที่อาจเป็นได้ทั้งจุดเริ่มต้นและจุดจบของโซลชาร์

หลายคนยังเชื่อว่า โอเล กุนนา โซลชาร์ ควรจะได้รับโอกาสและเวลามากกว่านี้ เพราะสิ่งที่ทำลงไปโดยเฉพาะการพยายามปรับโครงสร้างทีมในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมานั้นได้ผล

อย่างน้อย 3 นักเตะที่ซื้อมาในช่วงซัมเมอร์อย่าง ดาเนียล เจมส์, อารอน วาน-บิสซากา และแฮร์รี แม็กไกวร์ ต่างก็ทำผลงานกันได้ดี

โดยเฉพาะเกมรับถือว่าไม่ขี้เหร่ ใน 8 นัดแรกพวกเขาเสียไป 8 ประตู ดีที่สุดเป็นลำดับที่ 4 ในลีก และถ้าประเมินตามค่าสถิติ xG (Expected Goals - หรือสถิติที่ประเมินโอกาสที่จะเกิดประตู ซึ่งเป็นตัวเลขสถิติที่ถูกนำมาอ้างอิงมากในปัจจุบัน) ในสถิติค่าเกมรับ xGA พวกเขาต่ำที่สุดในลีก อยู่ที่ 6.2 ซึ่งดีกว่าลิเวอร์พูลที่ 7.4 และค่าเฉลี่ยของทีมอื่นในพรีเมียร์ลีกอยู่ที่ 9.5

ปัญหาของทีมอยู่ที่แนวรุกที่ไม่สามารถจะสร้างสรรค์โอกาสได้มากพอ โดยแม้ว่าค่า xG ของพวกเขาอยู่ที่ 12.1 ซึ่งเป็นอันดับที่ 5 ในลีก รองจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี และทีมที่น่าเซอร์ไพรส์อย่างเซาแธมป์ตัน แต่สิ่งที่น่าวิตกคือพวกเขายิงประตูได้เฉลี่ยจริงๆต่ำกว่าคือ xG โดยทำได้แค่ 9.3% เท่านั้น

ทีนี้หากมองข้ามสถิติ สิ่งที่เห็นได้ชัดเวลาที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงสนามนั้นพวกเขาไม่มีความสามารถในการสร้างสรรค์เกมเลยแม้แต่น้อย ผู้เล่นอย่าง ฮวน มาตา เลยจุดสูงสุดของชีวิตไปนานแล้ว, เจสซี ลินการ์ด มีสีสันแต่ไม่มีประสิทธิภาพ, อันเดรียส เปร์เรรา ไม่ใช่ผู้เล่นระดับท็อป ขณะที่มาร์คัส แรชฟอร์ด นี่เป็นฤดูกาลที่แย่ที่สุดของเขา

ส่วนหนึ่งของปัญหาคือการที่ ปอล ป็อกบา คีย์แมนในแดนกลางบาดเจ็บทำให้ไม่มีใครที่คอยเปิดบอลขึ้นหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ (แต่ในหลายนัดที่ป็อกบาอยู่ ก็เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานเช่นกัน)

แล้วพวกเขาจะต้องทำอย่างไรในการเผชิญกับลิเวอร์พูล ที่ชนะรวดมา 8 นัด และอยู่ในสภาวะใกล้เคียงกับคำว่าไร้เทียมทาน? และเวลานี้นำหน้าไปแล้วถึง 15 แต้ม

มีหลายสิ่งที่ต้องทำ ไม่ว่าจะในเรื่องของเกมรับที่จำเป็นต้องหาทางหยุด 3 ประสานแดนหน้าอย่างซาดิโอ มาเน, โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน, โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ รวมถึงแบ็ก 2 ข้างอย่างแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

แดนกลางไม่ว่า สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ จะได้ลงเล่นร่วมกับใคร ก็ต้องพยายามต้าน ฟาบินโญ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และจินี ไวจ์นาลดุมให้ได้

และแดนหน้า แรชฟอร์ด ถ้าฟิตลงสนามได้ก็ต้องเผชิญกับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้อย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ และโยเอล มาทิป ในวงเล็บว่าจะไม่มีป็อกบา และดาวิด เด เคอา อยู่ในทีมด้วย

ความหวังเหมือนจะไม่มาก แต่!! ก็ไม่ใช่ไม่มี

อย่างน้อยนี่คือการเล่นในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งลิเวอร์พูลไม่เคยบุกมาชนะได้ตั้งแต่ปี 2014 และเยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ไม่เคยพาทีมมาชนะที่นี่เลย

หรือจะนับย้อนสถิติ 27 ปีในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลบุกมาเอาชนะที่นี่ได้เพียงแค่ 5 ครั้งเท่านั้น

นอกจากนี้เกม “แดงเดือด” ยังเป็นเกมที่มีความพิเศษ เพราะเป็นเกมที่ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องของฟอร์มการแข่งขัน ขุมกำลังที่มี ต่อให้ทีมเป็นรองอย่างสุดกู่ก็สามารถเอาชนะได้ด้วยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ หรือองค์ประกอบนิดๆ หน่อยๆ

หรือพูดอีกนัยว่ามันเป็นเกมที่เต็มไปด้วย Passion และมันสามารถกำหนดผลการแข่งขันได้เลย

ดังนั้นสิ่งที่ โซลชาร์ จะต้องพยายามทำให้ได้อย่างแรกคือการปลุกเร้าลูกทีมให้ “ตื่น” เสียที (ข่าวดีคือพวกเขามีโอกาสได้กำลังหลักกลับมาพอสมควร) และสู้เพื่อแฟนบอลได้แล้ว

ชั้นเชิง ทีมเวิร์ค สู้ไม่ไหวก็ต้องอาศัยความใจสู้ เล่นให้ได้เหมือนกับในวันแรกๆ ที่เขาเข้ามาคุมทีมที่ทุกคนวิ่งแบบไม่คิดชีวิต

ถ้าทำได้แบบนั้นก็มีโอกาส ค่อยมาคิดถึงกลหมากที่จะเล่นงานต่อไป เช่น การใช้เกมสวนกลับ การใช้ความเร็วของเจมส์ หรือแรชฟอร์ด ให้เป็นประโยชน์ในการจู่โจมพื้นที่ว่างหลังแนวรับ เล่นวัดใจกับสูตร high line ของลิเวอร์พูลที่กองหลังขยับดันขึ้นสูง

โซลชาร์ เองกล่าวหลังจบเกมล่าสุดที่พ่ายต่อทีมท้ายตารางอย่างนิวคาสเซิลว่า “นี่คือโอกาสที่สมบูรณ์แบบ” สำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด ที่จะกลับมาในร่องในรอยอีกครั้ง

ได้ทั้งโอกาสที่จะกลับมายึดพื้นที่ด้านบนของตารางกลับมา ได้ทั้งหยุดคู่ปรับตลอดกาลไม่ให้ทำสถิติชนะรวดตลอดกาล (18 นัด) และทำให้โอกาสลุ้นแชมป์ของลิเวอร์พูลกระเทือน สิ่งสำคัญที่สุดคือการปลุกความหวังในทีมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

แต่ถ้า โซลชาร์ พลาด พาทีมแพ้ต่อ หงส์แดง ในถิ่นโอลด์แทฟฟอร์ดล่ะ?

ย้อนกลับไปฤดูกาลก่อนหน้า ก่อนที่สองคู่ปรับตลอดกาลแห่งวงการฟุตบอลอังกฤษจะลงสนาม บรรยากาศ และสถานการณ์รอบรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด เต็มไปด้วยความตึงเครียด เมื่อผลงานของทีมภายใต้การนำของโจเซ มูรินโญ ตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย และดูเหมือนกุนซือ The Special One จะหมดหนทางที่จะกอบกู้ทีมได้ จนถูกปลดในท้ายที่สุดอหลังพ่ายต่อ ลิเวอร์พูล

โซลชาร์ อดีตกองหน้าซูเปอร์ซับในตำนานที่แฟนบอลรัก แต่ไม่ได้คุมทีมในลีกระดับท็อปของยุโรปอีกเลย นับตั้งแต่พาคาร์ดิฟฟ์ตกชั้น ถูกเลือกมาทำหน้าที่แทน ท่ามกลางความประหลาดใจของแฟนบอล ที่คาดหวังว่าทีมจะคว้าตัวผู้จัดการทีมระดับท็อปมามากกว่า

ในเวลานั้นหลายฝ่ายก็ประสานเสียงว่า “โอเล” นี่แหละที่จะนำ ‘Manchester United Way’ กลับมาสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้ง ไหนจะมี ไมค์ ฟีแลน อดีตมือขวาคนสุดท้ายของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ถูกดึงกลับมาช่วยงาน และยังมีเสียงเล่าว่า เฟอร์กี้ คือคนที่ช่วย “เคาะ” ให้ โซลชาร์ ได้กลับมาบ้านเก่าอีกครั้ง

หากจุดเริ่มต้นของ กุนซือชาวนอร์เวย์ในการคุมทีม “ปีศาจแดง” มาจากเกม “แดงเดือด” เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แล้วเกมแดงเดือดในฤดูกาลนี้ล่ะ

ลูกทีมจะพร้อมใจกันสู้เพื่อ #SaveOle หรือเปล่า?

 
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
แก้ไขล่าสุดโดย AlfaZero เมื่อ Fri Oct 18, 2019 18:03, ทั้งหมด 1 ครั้ง
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Oct 2010
ตอบ: 68853
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 18, 2019 17:58
[RE: (Man utd) Team news vs Liverpool]
AlfaZero พิมพ์ว่า:
Spoil
เอาบทความโหมโรงจาก red army fan club มากฝากครับ

https://www.facebook.com/120649913112/posts/10157146708053113?sfns=mo


#เพราะกีฬาคือชีวิต "แดงเดือด" เกมที่อาจเป็นได้ทั้งจุดเริ่มต้นและจุดจบของโซลชาร์

หลายคนยังเชื่อว่า โอเล กุนนา โซลชาร์ ควรจะได้รับโอกาสและเวลามากกว่านี้ เพราะสิ่งที่ทำลงไปโดยเฉพาะการพยายามปรับโครงสร้างทีมในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมานั้นได้ผล

อย่างน้อย 3 นักเตะที่ซื้อมาในช่วงซัมเมอร์อย่าง ดาเนียล เจมส์, อารอน วาน-บิสซากา และแฮร์รี แม็กไกวร์ ต่างก็ทำผลงานกันได้ดี

โดยเฉพาะเกมรับถือว่าไม่ขี้เหร่ ใน 8 นัดแรกพวกเขาเสียไป 8 ประตู ดีที่สุดเป็นลำดับที่ 4 ในลีก และถ้าประเมินตามค่าสถิติ xG (Expected Goals - หรือสถิติที่ประเมินโอกาสที่จะเกิดประตู ซึ่งเป็นตัวเลขสถิติที่ถูกนำมาอ้างอิงมากในปัจจุบัน) ในสถิติค่าเกมรับ xGA พวกเขาต่ำที่สุดในลีก อยู่ที่ 6.2 ซึ่งดีกว่าลิเวอร์พูลที่ 7.4 และค่าเฉลี่ยของทีมอื่นในพรีเมียร์ลีกอยู่ที่ 9.5

ปัญหาของทีมอยู่ที่แนวรุกที่ไม่สามารถจะสร้างสรรค์โอกาสได้มากพอ โดยแม้ว่าค่า xG ของพวกเขาอยู่ที่ 12.1 ซึ่งเป็นอันดับที่ 5 ในลีก รองจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี และทีมที่น่าเซอร์ไพรส์อย่างเซาแธมป์ตัน แต่สิ่งที่น่าวิตกคือพวกเขายิงประตูได้เฉลี่ยจริงๆต่ำกว่าคือ xG โดยทำได้แค่ 9.3% เท่านั้น

ทีนี้หากมองข้ามสถิติ สิ่งที่เห็นได้ชัดเวลาที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงสนามนั้นพวกเขาไม่มีความสามารถในการสร้างสรรค์เกมเลยแม้แต่น้อย ผู้เล่นอย่าง ฮวน มาตา เลยจุดสูงสุดของชีวิตไปนานแล้ว, เจสซี ลินการ์ด มีสีสันแต่ไม่มีประสิทธิภาพ, อันเดรียส เปร์เรรา ไม่ใช่ผู้เล่นระดับท็อป ขณะที่มาร์คัส แรชฟอร์ด นี่เป็นฤดูกาลที่แย่ที่สุดของเขา

ส่วนหนึ่งของปัญหาคือการที่ ปอล ป็อกบา คีย์แมนในแดนกลางบาดเจ็บทำให้ไม่มีใครที่คอยเปิดบอลขึ้นหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ (แต่ในหลายนัดที่ป็อกบาอยู่ ก็เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานเช่นกัน)

แล้วพวกเขาจะต้องทำอย่างไรในการเผชิญกับลิเวอร์พูล ที่ชนะรวดมา 8 นัด และอยู่ในสภาวะใกล้เคียงกับคำว่าไร้เทียมทาน? และเวลานี้นำหน้าไปแล้วถึง 15 แต้ม

มีหลายสิ่งที่ต้องทำ ไม่ว่าจะในเรื่องของเกมรับที่จำเป็นต้องหาทางหยุด 3 ประสานแดนหน้าอย่างซาดิโอ มาเน, โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน, โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ รวมถึงแบ็ก 2 ข้างอย่างแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

แดนกลางไม่ว่า สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ จะได้ลงเล่นร่วมกับใคร ก็ต้องพยายามต้าน ฟาบินโญ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และจินี ไวจ์นาลดุมให้ได้

และแดนหน้า แรชฟอร์ด ถ้าฟิตลงสนามได้ก็ต้องเผชิญกับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้อย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ และโยเอล มาทิป ในวงเล็บว่าจะไม่มีป็อกบา และดาวิด เด เคอา อยู่ในทีมด้วย

ความหวังเหมือนจะไม่มาก แต่!! ก็ไม่ใช่ไม่มี

อย่างน้อยนี่คือการเล่นในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งลิเวอร์พูลไม่เคยบุกมาชนะได้ตั้งแต่ปี 2014 และเยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ไม่เคยพาทีมมาชนะที่นี่เลย

หรือจะนับย้อนสถิติ 27 ปีในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลบุกมาเอาชนะที่นี่ได้เพียงแค่ 5 ครั้งเท่านั้น

นอกจากนี้เกม "แดงเดือด" ยังเป็นเกมที่มีความพิเศษ เพราะเป็นเกมที่ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องของฟอร์มการแข่งขัน ขุมกำลังที่มี ต่อให้ทีมเป็นรองอย่างสุดกู่ก็สามารถเอาชนะได้ด้วยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ หรือองค์ประกอบนิดๆ หน่อยๆ

หรือพูดอีกนัยว่ามันเป็นเกมที่เต็มไปด้วย Passion และมันสามารถกำหนดผลการแข่งขันได้เลย

ดังนั้นสิ่งที่ โซลชาร์ จะต้องพยายามทำให้ได้อย่างแรกคือการปลุกเร้าลูกทีมให้ "ตื่น" เสียที (ข่าวดีคือพวกเขามีโอกาสได้กำลังหลักกลับมาพอสมควร) และสู้เพื่อแฟนบอลได้แล้ว

ชั้นเชิง ทีมเวิร์ค สู้ไม่ไหวก็ต้องอาศัยความใจสู้ เล่นให้ได้เหมือนกับในวันแรกๆ ที่เขาเข้ามาคุมทีมที่ทุกคนวิ่งแบบไม่คิดชีวิต

ถ้าทำได้แบบนั้นก็มีโอกาส ค่อยมาคิดถึงกลหมากที่จะเล่นงานต่อไป เช่น การใช้เกมสวนกลับ การใช้ความเร็วของเจมส์ หรือแรชฟอร์ด ให้เป็นประโยชน์ในการจู่โจมพื้นที่ว่างหลังแนวรับ เล่นวัดใจกับสูตร high line ของลิเวอร์พูลที่กองหลังขยับดันขึ้นสูง

โซลชาร์ เองกล่าวหลังจบเกมล่าสุดที่พ่ายต่อทีมท้ายตารางอย่างนิวคาสเซิลว่า "นี่คือโอกาสที่สมบูรณ์แบบ" สำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด ที่จะกลับมาในร่องในรอยอีกครั้ง

ได้ทั้งโอกาสที่จะกลับมายึดพื้นที่ด้านบนของตารางกลับมา ได้ทั้งหยุดคู่ปรับตลอดกาลไม่ให้ทำสถิติชนะรวดตลอดกาล (18 นัด) และทำให้โอกาสลุ้นแชมป์ของลิเวอร์พูลกระเทือน สิ่งสำคัญที่สุดคือการปลุกความหวังในทีมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

แต่ถ้า โซลชาร์ พลาด พาทีมแพ้ต่อ หงส์แดง ในถิ่นโอลด์แทฟฟอร์ดล่ะ?

ย้อนกลับไปฤดูกาลก่อนหน้า ก่อนที่สองคู่ปรับตลอดกาลแห่งวงการฟุตบอลอังกฤษจะลงสนาม บรรยากาศ และสถานการณ์รอบรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด เต็มไปด้วยความตึงเครียด เมื่อผลงานของทีมภายใต้การนำของโจเซ มูรินโญ ตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย และดูเหมือนกุนซือ The Special One จะหมดหนทางที่จะกอบกู้ทีมได้ จนถูกปลดในท้ายที่สุดอหลังพ่ายต่อ ลิเวอร์พูล

โซลชาร์ อดีตกองหน้าซูเปอร์ซับในตำนานที่แฟนบอลรัก แต่ไม่ได้คุมทีมในลีกระดับท็อปของยุโรปอีกเลย นับตั้งแต่พาคาร์ดิฟฟ์ตกชั้น ถูกเลือกมาทำหน้าที่แทน ท่ามกลางความประหลาดใจของแฟนบอล ที่คาดหวังว่าทีมจะคว้าตัวผู้จัดการทีมระดับท็อปมามากกว่า

ในเวลานั้นหลายฝ่ายก็ประสานเสียงว่า "โอเล" นี่แหละที่จะนำ 'Manchester United Way' กลับมาสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้ง ไหนจะมี ไมค์ ฟีแลน อดีตมือขวาคนสุดท้ายของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ถูกดึงกลับมาช่วยงาน และยังมีเสียงเล่าว่า เฟอร์กี้ คือคนที่ช่วย "เคาะ" ให้ โซลชาร์ ได้กลับมาบ้านเก่าอีกครั้ง

หากจุดเริ่มต้นของ กุนซือชาวนอร์เวย์ในการคุมทีม "ปีศาจแดง" มาจากเกม "แดงเดือด" เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แล้วเกมแดงเดือดในฤดูกาลนี้ล่ะ

ลูกทีมจะพร้อมใจกันสู้เพื่อ #SaveOle หรือเปล่า?

 
 


อันนี้ไม่ตัดมาแค่บางส่วนแล้วแปะลิ้งค์ให้ไปอ่านที่เพจเขาล่ะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Allez Les Bleus เมื่อ Fri Oct 18, 2019 18:00, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ผู้จัดการทีมชุดเยาวชน
Status: Red Devil & Nerazzurri & The Yellow Wall
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 17615
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 18, 2019 18:02
[RE](Man utd) Team news vs Liverpool
Allez Les Bleus พิมพ์ว่า:
AlfaZero พิมพ์ว่า:
Spoil
เอาบทความโหมโรงจาก red army fan club มากฝากครับ

https://www.facebook.com/120649913112/posts/10157146708053113?sfns=mo


#เพราะกีฬาคือชีวิต "แดงเดือด" เกมที่อาจเป็นได้ทั้งจุดเริ่มต้นและจุดจบของโซลชาร์

หลายคนยังเชื่อว่า โอเล กุนนา โซลชาร์ ควรจะได้รับโอกาสและเวลามากกว่านี้ เพราะสิ่งที่ทำลงไปโดยเฉพาะการพยายามปรับโครงสร้างทีมในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมานั้นได้ผล

อย่างน้อย 3 นักเตะที่ซื้อมาในช่วงซัมเมอร์อย่าง ดาเนียล เจมส์, อารอน วาน-บิสซากา และแฮร์รี แม็กไกวร์ ต่างก็ทำผลงานกันได้ดี

โดยเฉพาะเกมรับถือว่าไม่ขี้เหร่ ใน 8 นัดแรกพวกเขาเสียไป 8 ประตู ดีที่สุดเป็นลำดับที่ 4 ในลีก และถ้าประเมินตามค่าสถิติ xG (Expected Goals - หรือสถิติที่ประเมินโอกาสที่จะเกิดประตู ซึ่งเป็นตัวเลขสถิติที่ถูกนำมาอ้างอิงมากในปัจจุบัน) ในสถิติค่าเกมรับ xGA พวกเขาต่ำที่สุดในลีก อยู่ที่ 6.2 ซึ่งดีกว่าลิเวอร์พูลที่ 7.4 และค่าเฉลี่ยของทีมอื่นในพรีเมียร์ลีกอยู่ที่ 9.5

ปัญหาของทีมอยู่ที่แนวรุกที่ไม่สามารถจะสร้างสรรค์โอกาสได้มากพอ โดยแม้ว่าค่า xG ของพวกเขาอยู่ที่ 12.1 ซึ่งเป็นอันดับที่ 5 ในลีก รองจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี และทีมที่น่าเซอร์ไพรส์อย่างเซาแธมป์ตัน แต่สิ่งที่น่าวิตกคือพวกเขายิงประตูได้เฉลี่ยจริงๆต่ำกว่าคือ xG โดยทำได้แค่ 9.3% เท่านั้น

ทีนี้หากมองข้ามสถิติ สิ่งที่เห็นได้ชัดเวลาที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงสนามนั้นพวกเขาไม่มีความสามารถในการสร้างสรรค์เกมเลยแม้แต่น้อย ผู้เล่นอย่าง ฮวน มาตา เลยจุดสูงสุดของชีวิตไปนานแล้ว, เจสซี ลินการ์ด มีสีสันแต่ไม่มีประสิทธิภาพ, อันเดรียส เปร์เรรา ไม่ใช่ผู้เล่นระดับท็อป ขณะที่มาร์คัส แรชฟอร์ด นี่เป็นฤดูกาลที่แย่ที่สุดของเขา

ส่วนหนึ่งของปัญหาคือการที่ ปอล ป็อกบา คีย์แมนในแดนกลางบาดเจ็บทำให้ไม่มีใครที่คอยเปิดบอลขึ้นหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ (แต่ในหลายนัดที่ป็อกบาอยู่ ก็เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานเช่นกัน)

แล้วพวกเขาจะต้องทำอย่างไรในการเผชิญกับลิเวอร์พูล ที่ชนะรวดมา 8 นัด และอยู่ในสภาวะใกล้เคียงกับคำว่าไร้เทียมทาน? และเวลานี้นำหน้าไปแล้วถึง 15 แต้ม

มีหลายสิ่งที่ต้องทำ ไม่ว่าจะในเรื่องของเกมรับที่จำเป็นต้องหาทางหยุด 3 ประสานแดนหน้าอย่างซาดิโอ มาเน, โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน, โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ รวมถึงแบ็ก 2 ข้างอย่างแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

แดนกลางไม่ว่า สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ จะได้ลงเล่นร่วมกับใคร ก็ต้องพยายามต้าน ฟาบินโญ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และจินี ไวจ์นาลดุมให้ได้

และแดนหน้า แรชฟอร์ด ถ้าฟิตลงสนามได้ก็ต้องเผชิญกับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้อย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ และโยเอล มาทิป ในวงเล็บว่าจะไม่มีป็อกบา และดาวิด เด เคอา อยู่ในทีมด้วย

ความหวังเหมือนจะไม่มาก แต่!! ก็ไม่ใช่ไม่มี

อย่างน้อยนี่คือการเล่นในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งลิเวอร์พูลไม่เคยบุกมาชนะได้ตั้งแต่ปี 2014 และเยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ไม่เคยพาทีมมาชนะที่นี่เลย

หรือจะนับย้อนสถิติ 27 ปีในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลบุกมาเอาชนะที่นี่ได้เพียงแค่ 5 ครั้งเท่านั้น

นอกจากนี้เกม "แดงเดือด" ยังเป็นเกมที่มีความพิเศษ เพราะเป็นเกมที่ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องของฟอร์มการแข่งขัน ขุมกำลังที่มี ต่อให้ทีมเป็นรองอย่างสุดกู่ก็สามารถเอาชนะได้ด้วยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ หรือองค์ประกอบนิดๆ หน่อยๆ

หรือพูดอีกนัยว่ามันเป็นเกมที่เต็มไปด้วย Passion และมันสามารถกำหนดผลการแข่งขันได้เลย

ดังนั้นสิ่งที่ โซลชาร์ จะต้องพยายามทำให้ได้อย่างแรกคือการปลุกเร้าลูกทีมให้ "ตื่น" เสียที (ข่าวดีคือพวกเขามีโอกาสได้กำลังหลักกลับมาพอสมควร) และสู้เพื่อแฟนบอลได้แล้ว

ชั้นเชิง ทีมเวิร์ค สู้ไม่ไหวก็ต้องอาศัยความใจสู้ เล่นให้ได้เหมือนกับในวันแรกๆ ที่เขาเข้ามาคุมทีมที่ทุกคนวิ่งแบบไม่คิดชีวิต

ถ้าทำได้แบบนั้นก็มีโอกาส ค่อยมาคิดถึงกลหมากที่จะเล่นงานต่อไป เช่น การใช้เกมสวนกลับ การใช้ความเร็วของเจมส์ หรือแรชฟอร์ด ให้เป็นประโยชน์ในการจู่โจมพื้นที่ว่างหลังแนวรับ เล่นวัดใจกับสูตร high line ของลิเวอร์พูลที่กองหลังขยับดันขึ้นสูง

โซลชาร์ เองกล่าวหลังจบเกมล่าสุดที่พ่ายต่อทีมท้ายตารางอย่างนิวคาสเซิลว่า "นี่คือโอกาสที่สมบูรณ์แบบ" สำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด ที่จะกลับมาในร่องในรอยอีกครั้ง

ได้ทั้งโอกาสที่จะกลับมายึดพื้นที่ด้านบนของตารางกลับมา ได้ทั้งหยุดคู่ปรับตลอดกาลไม่ให้ทำสถิติชนะรวดตลอดกาล (18 นัด) และทำให้โอกาสลุ้นแชมป์ของลิเวอร์พูลกระเทือน สิ่งสำคัญที่สุดคือการปลุกความหวังในทีมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

แต่ถ้า โซลชาร์ พลาด พาทีมแพ้ต่อ หงส์แดง ในถิ่นโอลด์แทฟฟอร์ดล่ะ?

ย้อนกลับไปฤดูกาลก่อนหน้า ก่อนที่สองคู่ปรับตลอดกาลแห่งวงการฟุตบอลอังกฤษจะลงสนาม บรรยากาศ และสถานการณ์รอบรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด เต็มไปด้วยความตึงเครียด เมื่อผลงานของทีมภายใต้การนำของโจเซ มูรินโญ ตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย และดูเหมือนกุนซือ The Special One จะหมดหนทางที่จะกอบกู้ทีมได้ จนถูกปลดในท้ายที่สุดอหลังพ่ายต่อ ลิเวอร์พูล

โซลชาร์ อดีตกองหน้าซูเปอร์ซับในตำนานที่แฟนบอลรัก แต่ไม่ได้คุมทีมในลีกระดับท็อปของยุโรปอีกเลย นับตั้งแต่พาคาร์ดิฟฟ์ตกชั้น ถูกเลือกมาทำหน้าที่แทน ท่ามกลางความประหลาดใจของแฟนบอล ที่คาดหวังว่าทีมจะคว้าตัวผู้จัดการทีมระดับท็อปมามากกว่า

ในเวลานั้นหลายฝ่ายก็ประสานเสียงว่า "โอเล" นี่แหละที่จะนำ 'Manchester United Way' กลับมาสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้ง ไหนจะมี ไมค์ ฟีแลน อดีตมือขวาคนสุดท้ายของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ถูกดึงกลับมาช่วยงาน และยังมีเสียงเล่าว่า เฟอร์กี้ คือคนที่ช่วย "เคาะ" ให้ โซลชาร์ ได้กลับมาบ้านเก่าอีกครั้ง

หากจุดเริ่มต้นของ กุนซือชาวนอร์เวย์ในการคุมทีม "ปีศาจแดง" มาจากเกม "แดงเดือด" เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แล้วเกมแดงเดือดในฤดูกาลนี้ล่ะ

ลูกทีมจะพร้อมใจกันสู้เพื่อ #SaveOle หรือเปล่า?

 
 


อันนี้ไม่ตัดมาแค่บางส่วนแล้วแปะลิ้งค์ให้ไปอ่านที่เพจเขาล่ะครับ  

แปะลิงค์ไว้ช่วงต้นบทความให้เรียบร้อยแล้วครับผม
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
แข้งบุนเดสลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Apr 2012
ตอบ: 5884
ที่อยู่: ข้างสนาม Anfield
โพสเมื่อ: Fri Oct 18, 2019 18:09
[RE: (Man utd) Team news vs Liverpool]
AWB กับ Shaw ยังไม่ชัวร์หรอครับ?
ผมบอกเลยแบ็ค 2 ข้างนี่แหละตัวแปรสำคัญที่แท้ทรู
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
กัน สเก๊าซ์
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 May 2009
ตอบ: 17991
ที่อยู่: ติ่งพี่เบิร์บ
โพสเมื่อ: Fri Oct 18, 2019 18:25
[RE: (Man utd) Team news vs Liverpool]
ถ้าจะได้ลุ้น AWB ต้องหายและฟิตเต็มร้อย ถึงจะพอต้านไหว ไม่งั้นโดนผ่านตลอดแน่ๆ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Support : Manchester United/AS Monaco/Inter Milan
ออฟไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 30618
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 18, 2019 18:30
[RE: (Man utd) Team news vs Liverpool]
รอดูสามประสาน แรช-ลิน-ร่า
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ผู้จัดการทีมชุดเยาวชน
Status: Red Devil & Nerazzurri & The Yellow Wall
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 17615
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 18, 2019 19:18
[RE](Man utd) Team news vs Liverpool
KanScouse66 พิมพ์ว่า:
AWB กับ Shaw ยังไม่ชัวร์หรอครับ?
ผมบอกเลยแบ็ค 2 ข้างนี่แหละตัวแปรสำคัญที่แท้ทรู
 
ใช่ครับถ้าได้ลงคู่ ก็จะไม่มี อ. ยัง ลงสนาม ลูกตั้งเตะจะได้ให้คนอื่นเปิด จะได้ลุ้นบ้าง
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 14675
ที่อยู่: บ้าน
โพสเมื่อ: Fri Oct 18, 2019 19:39
[RE: (Man utd) Team news vs Liverpool]
ขอเกมสนุกๆสักเกมก็พอใจละ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แขวนสตั๊ด
Status: รักพ่อครับ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2013
ตอบ: 44153
ที่อยู่: ปีนต้นงิ้วอยู่กับคนแก่ที่กำลังแหงนหน้าเฝ้ามองคนที่เค้ารัก
โพสเมื่อ: Fri Oct 18, 2019 19:55
[RE: (Man utd) Team news vs Liverpool]
อาจารยังน่ากลัวที่สุดเวลาเจอหงส์ แม่งเหมือนตีบวก 8

ส่วนเดเคอา เหมือนมีโกลสองคน ต้องยิงแฉลบเท่านั้นถึงจะเอาพี่แกได้
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน




ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 23 Jan 2011
ตอบ: 18064
ที่อยู่: ดาวลูกไก่
โพสเมื่อ: Fri Oct 18, 2019 20:18
[RE: (Man utd) Team news vs Liverpool]
สมมติ ชอว์ กับวานบิส ลงไม่ได้

ใครจะลงแทนครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
"Erised stra ehru oyt ube cafru oyt on wohsi"

ออฟไลน์
แขวนสตั๊ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 23172
ที่อยู่: ไม่เอาดิ อย่ามายุ่ง
โพสเมื่อ: Fri Oct 18, 2019 20:19
[RE: (Man utd) Team news vs Liverpool]
Cafitiliar พิมพ์ว่า:
อาจารยังน่ากลัวที่สุดเวลาเจอหงส์ แม่งเหมือนตีบวก 8

ส่วนเดเคอา เหมือนมีโกลสองคน ต้องยิงแฉลบเท่านั้นถึงจะเอาพี่แกได้  


เออ จารย์ยัง

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
อสอหปรส.

ออฟไลน์
แขวนสตั๊ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 23172
ที่อยู่: ไม่เอาดิ อย่ามายุ่ง
โพสเมื่อ: Fri Oct 18, 2019 20:20
[RE: (Man utd) Team news vs Liverpool]
โสกราตีส พิมพ์ว่า:
สมมติ ชอว์ กับวานบิส ลงไม่ได้

ใครจะลงแทนครับ  


อ.ยัง, ตวนเซเบ้

3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
อสอหปรส.

ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Nov 2008
ตอบ: 3838
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Oct 18, 2019 21:01
[RE: (Man utd) Team news vs Liverpool]
2ปีก่อน จารย์ยังนี่เก็บซาล่าเข้ากระเป๋าอยู่เลยนะครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Oct 2009
ตอบ: 7613
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Oct 19, 2019 01:01
[RE: (Man utd) Team news vs Liverpool]
ฟานไดจ์ลงเราน่าจะกินไข่ ปกติโอเพนเพลย์ก็ไม่มีอะไรอยู่แล้ว

เจอหลังเถื่อนๆอีก
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel