พอหรือเปล่าไม่รู้ แต่รู้ว่าก็ไปซื้ออย่างอื่นอยู่ดี

มีครับเดี๋ยวเค้าก็ไปเก็บที่อย่างอื่นแทน

ภาษีจากตรงนี้น้อยมาก ไม่ได้เยอะ ถ้าเทียบจากอัตราส่วนทั้งหมด


แต่ถามว่าห้ามคนเสพได้ไหม มันห้ามไม่ได้
เวลาป่วยไข้รัฐก็ต้องดูแล

จึงเรียกว่าภาษีบาป เพราะสุดท้ายมันส่งผลเสียมาให้สังคมดูแล จึงต้องเก็บภาษีมาชดเชยการดูแลในท้ายที่สุด

ผมว่าเงินส่วนนี้มันไปไม่ถึงการบริหารประเทศหรอกครับ

อย่างที่คนโบราณว่าไว้ ถ้าไม่โกงกิน ถนนไทยจะปูด้วยทองคำ

ถ้าไม่ดื่มไม่สูบโรงบาลรัฐจะประหยัดค่าใช้จ่ายไปเยอะมาก อย่างน้อยคนก็เป็นโรคมะเร็ง ถุงลมโป่งพอง ตับอักเสบลดลง ยังไม่นับอุบัติเหตุและโรคอื่นๆอีกเยอะ

ภาษีนี้มันได้เยอะอยู่นะครับ

ถ้ายกเลิกไปก็เสียรายได้ไปเยอะเลย

รายได้หลักของไทยมาจากการส่งออกครับ
1 รายได้จากการส่งออก
2 รายได้จากการท่องเที่ยว
3 รายได้จากการลงทุนจากต่างประเทศ

แล้วส่งออกสินค้าเกษตรมาก แต่กำไรน้อย ส่วนส่งออกสินค้าเชิงอุตสาหกรรมส่งน้อยกว่าเกษตร แต่รายได้จากตรงนี้เยอะ

2 อันดับแรกที่มูลค่าส่งออกสูงคือ รถยนต์ อุปกรณ์ ส่วนประกอบ อีกอันคืออัญมณี เครื่องประดับ ครับ

ถ้าคนไทยเลิกสูบ ดื่ม รายได้จากอากร และ vat อาจจะหายไปแต่สุขภาพโดยรวมจะดีขึ้น ไม่ต้องเอางบไปลง ก.สาธารณสุข รักษาโรคจากสุรา บุหรี่

เทียบกับปัญหาที่เกิดจากเหล้าบุหรี่ เอาจริงๆก็ถือว่าราคาถูกมากนะ

ถ้านับแต่เฉพาะรายได้จากการเก็บภาษีอากรต่างๆ ก็อาจจะกระทบ เพราะรายได้จากภาษียาสูบ สุราฯ ที่สรรพสามิตเก็บเป็นภาษีอันดับ 2 รองจากที่สรรพากรเก็บได้
แต่ถ้านับรวมรายได้ทุกทาง ผมว่าไม่กระทบอะไรกับการบริหารประเทศแน่ๆ

ดีนะเก็ยแต่เหล้าไม่เก็บเบีย

ภาษีนี้ก็เยอะอยู่นะ เพราะได้จากบริษัทที่ทำธุรกิจด้านนี้อีกทอด

ปัญหาจากอุบัติเหตุ เจ็บป่วย หายไปแค่นี้คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

แค่เพิ่ม VAT จาก 7% เป็น 8% ก็รีดภาษีได้มหาศาลแล้ว (ส่วนตัวเห็นด้วยกับการเพิ่ม VAT นะ ค่อยๆ เพิ่ม ไม่ใช่เพิ่มทีเดียวจาก 7% เป็น 10%)

ผมว่าประเทศจะเจริญยิ่งกว่านี้มากครับ ถ้าคนเลิกเหล้า บุหรี่ เนี่ย ภาษีจากตรงนี้ลดลงแต่รายจ่าย
เรื่องค่ารักษาพยาบาล อุบัติเหตุจะลดลงมาก ไหนจะปัญหาสังคม พวกขยะสังคมก็มาจากในครอบ
ครัวติดเหล้า ติดยานี่แหละครับ