จริงๆเรื่องนี้เคยเขียนไว้แล้ว ตอนเรื่องของ Leadership ระหว่าง มูรินโญ่ Vs Klopp

มันมีประเดนนึงที่ผมเขียนถึงเรื่องของ Encouragement หรือการให้กำลังใจ,การกระตุ้นนักเตะ

Klopp ใช้แนวทางการกระตุ้นนักเตะ ด้วยการ "ซัพพอร์ท + ฝืน" ให้ลงสนาม เพื่อให้นักเตะรีดฟอร์มที่ดีกว่าเดิมออกมาให้ได้ ออกตัวปกป้องนักเตะ ที่ตอนนั้น"คนยี้"ทั้งสนาม

ไม่ว่าจะเป็น แฮรเดอร์สัน ไวนัลดุม มาติป ฯลฯ ซึ่งต่อมานักเตะเหล่าพ้นแรงกดดัน และพัฒนาตนเองขึ้นมาจนตอบแทนคล็อปป์ด้วยโทรฟี่แล้ว

ส่วนมูรินโญ่ ใช้การดรอปนักเตะ เพื่อเรียกแรงกระตุ้น ว่าถ้าคุณดีไม่พอ คุณจะไม่มีชื่อในทีม ไม่มีชื่อเป็นตัวจริงในการแข่งขัน เป็นการกระตุ้นในนักเตะต้องพัฒนาตัวเองตลอด

ซึ่งทั้งสองแบบเป็นวิธีการรีดศักยภาพนักเตะที่มันใช้งานได้ทั้งคู่ ไม่มีผิดมีถูก

ทีนี้มาดูในมุมโซลชา

ผมเข้าใจว่าด้วยความที่เป็นนักเตะใช้ Class 92 ของแมนยู

Point แรกของการเข้ามาทำงาน คือการกลับมาสร้างสปิริตในทีม ที่กำลังย่ำแย่ในช่วงปลายยุคมูรินโญ่

ซึ่งในเรื่องนั้นโซลชาทำได้ดี หลังจากที่แกเข้ามาคุม ทีมแมนยูมีพัฒนาการ และเรียกสปิริตของนักเตะกลับมาได้ดีอย่างเห็นได้ชัด กดอัลติชนะ 10 นัดรวด ต่อให้ใครบอกว่าฟลุ๊ค ผมก็ต้องบอกว่าส่วนนึงมันเป็นผลงานของโซลชา

แต่อย่างไรก็ดี มันมีเส้นที่ขั้นระหว่าง "จิตวิทยา" กับ "ความเป็นจริง"

ซึ่งตอนนี้ ภาพมันปรากฏแล้วว่านักเตะบางคนเช่น ลินกาด แบกทีม และเป็นตัวความหวังของทีมไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแนวรุก

ในเคสของคล็อปป์ แม้ว่าจะพยายามเข็นนักเตะเล่นเรื่อยๆ แต่นั่นคือตำแหน่งกองกลาง ที่ยังมีเพื่อนอีก 2 คน คอยประคองให้ หรือกองหลัง อย่างมาติป ที่ยังมี แบคขวาซ้ายอีกอย่างละคนคอยประคอง

แต่คล็อปป์เอง ไม่ได้ลังเลใจเลย ในการที่จะเลือกซื้อตัวหลักเข้ามา เพื่อปิดจุดอ่อนของตัวเอง เพราะรู้ว่าต่อให้ encourage ขนาดไหน กระตุ้นขนาดไหน ความเป็นจริงที่ว่า ศักยภาพนักเตะมีเท่านั้น ก็ไม่เปลี่ยนไปอยู่ดี

ในกรณีโซลชา กับแนวรุกที่เป็นปัญหา การใช้จิตวิทยา การซัพพอร์ทลูกทีมในวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ เป็นเรื่องที่ดี แต่มันไม่ทำให้สถานการณ์อื่นๆดีขึ้น

โซลชาต้องยอมรับว่า สำหรับนักเตะบางคนรีดฟอร์มที่สุดแล้วได้เท่านี้ หากโซลชาต้องการเปลี่ยนแปลง การนำเข้านักเตะที่มีศักยภาพดีกว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องยอมรับให้ได้

ผมนึกภาพคล็อปป์ ทนฝืนใช้มิโญเลต์ หรือคราวานไม่ออกเลย
หรือผมนึกภาพ คล็อปป์ จะเดินเข้าไปกอดซาโก้ ก็ไม่ได้เช่นกัน

การลงดาบ หรือการยอมหั่นนักเตะที่ไม่ช่วยทีมทิ้งไป ก็เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่จำเป็นของผู้จัดการทีมที่ดีเช่นกัน

ขอเป็นกำลังใจให้โซลชา และแฟนบอลแมนยู ในวันที่ฟ้าไม่สดใสครับ

ตอนนี้เป้าหมายแมนยูต้องไปชปล. จะชนะทุกนัดคงไม่ได้เอาแพอมีแต้มไปชปล.ก่อน
ถ้าโอเล่ทำได้ก็ถือว่าผ่าน แต่กลัวจะโดนเด้งสะก่อน

นี่ฟุตบอลโมเดิร์น แต่ธงที่ใช้ Philosophy ที่ใช้กลับเชย กลับไปใช้ของตกยุค

ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่มึงต้องมีความเป็นยูไนเต็ด เอิ่มมม ใช่หรอ

เมื่อวานผมดูเกมนี้ ตอนเห็นไลน์อัพผมขำนะ ลิงการ์ดมีส่วนร่วมกับเกมครั้งล่าสุดเกือบปีมาแล้ว ยังเป็นตัวจริง ยังเป็นมงกุฏของทีมได้อีกหรอ

เชลซี ซิตี้ ลิเวอร์พูล กระทั่งอาร์เซนอล พยายามออกจากร่มเงาของความยิ่งใหญ่ของตัวเอง แต่แมนยู ยังหลงทางอยู่ในเงาอยู่เลย

โซลชารับผิดชอบไปเต็ม ส่งลินการ์ดตัวจริงเอง โทษใครไม่ได้แหละครับ
ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยด้วยซ้ำ เพลเมคเกอร์โลกไหน ทำได้แค่นี้

ไปอยู่ทีมอืนไม่มีทางได้ลงตัวจริงหรอก

การทำทีมคาร์ดิฟตกชั้น ไม่ใช่เรื่องผิดพลาดเลย ฝีมือไม่ถึงจริงๆ คนที่ต้องรับผิดชอบตามมาคือ Ed ล้มเหลวในตลาดซื้อขายโดยสมบูรณ์

งานมันใหญ่ไปสำหรับโชลชา

ภาระกอบกู้แควิน เยี้ย จำเป็นต้องอาศัย คนที่เก่งรอบด้านจริงๆ

จุดนึงที่นัดเตะแำลังคิดคือ สตาร์กำลังคิดว่าตัวเองใหญ่กว่าสโมสร เหมือนที่มีข่าวชอบยื้อต่อสัญญานั่นแหล่ะ

มี point อื่นอีกมั้ยครับ

อ่านเจอ point เดียว 5555

คล้อปก็ไม่ได้ซื้อตู้มๆตั้งแต่ตลาดแรกนะ
มาเน่ ซาล่า ฟานไดค์ อลิสัน ค่อยๆตามกันมา

มองแบบแฟนทีมอื่น

ปัญหาคือแทคติกที่ชัดเจนมากกว่า

คล๊อปป์ปีแรก วิ่งเป็นบ้าเป็นบอ (และเสียประตูเยอะ)
ปีต่อๆมาดีขึ้น แต่ย้อนไปดูได้ ต้องยอมรับว่า ไม่ได้เปลี่ยนทรงบอลเลย
ประสิทธิภาพของแผน เพิ่มขึ้นจากคุณภาพของผู้เล่นใหม่ + ตัวเดิมๆพัฒนา

คล๊อปป์ชัดเจนอยู่แล้วว่าทีมมีอะไรอยู่+ต้องการอะไรเพิ่ม
สิ่งที่ขาดไปอย่าง CB สูงใหญ่รอดักลูกโหม่ง ความเร็วในแดนหน้า
ค่อยๆถูกซื้อมาเติมเต็ม (เพราะตังไม่เยอะ ซื้อทีเดียวไม่ไหว 555)

ทีมของ OGS ยังมองไม่ออกว่าจะบุกยังไง
การเข้าทำด้วยความเร็ว มันเหมาะกับทีมรับแล้วสวน

อย่างหงส์เจอแพ็คแน่น เกมจะขึ้นที่ฟูลแบ็ค
ถ้าฝั่งนึงขึ้นไม่ได้ จะสวิตช์ 3-4 จังหวะ ข้ามไปที่อีกฝั่งเลย
(เมื่อวานเทรนท์ครอสให้โรเบิร์ตสันบ่อยกว่าทุกคนเลยมั้ง)
แมนซิเจออุด ใช้กองกลางกึ่งปีกเล่นวันทัช โยกแนวรับให้หลุดตำแหน่ง (ซิลบา KDB แบร์นาโด้)
ครอสบอลกระดอนระดับเอวเป็นหลัก

ขอให้มั่นใจในทีมนี้ มันใจในลินการ์ดไปตลอดครับ
แล้วโดนเด้งไปพร้อมๆ กันเลย

ผมว่าโอเล่ ก็เหมือนคล็อปนะ
คล็อปโอ๋ คาริอุส แต่ตลาดเปิดปั๊บ ซื้ออลิซอนทันที
.
ตอนต่อสัญญากับโจนส์ โอเล่ก็โอ๋โจนส์
ที่ผ่านมาก็ใช้สมอลลิ่งเป็นตัวหลัก
แต่ก็ซื้อแมกไกวและให้ สมอลลิ่ง กับ โจนส์ นั่งยาว
.
เพียงแต่เหมือนตลาดรอบนี้ ซ่อมได้แค่กองหลัง
แล้วฝืนใช้กลางรอบนี้ จนกว่าปีหน้า ปล่อยป็อกบ้า
แล้วมันซ่อมกลางใหม่ แต่ปัญหาคือ
แฟนบอลจะรอถึงวันนั้นได้รึเปล่า

เป็นความคิดเห็นที่ผมเห็นด้วยนะ สำหรับผมพระคุณของโซลชาร์เขาใช้มันมากแล้วและตอนนี้ดูยังไงผลตอบแทนจากนักเตะที่ได้พระคุณก็ไม่งอกเงยซักที แต่โซลชาร์ก็ยังไม่เลือกตัวแทนหรือคนที่มาช่วยสนับสนุนในตำแหน่งนี้ซักที ซึ่งตรงนี้ผมว่าต่างกับคล็อปนะ คล็อปดุดัน เฮฮา พระเดชพระคุณมาเต็ม ที่สำคัญคือมีบุคลิกค่อนข้างเปิดเผย เถรตรง แต่โซลชาร์ให้ความรู้สึกโอบอุ้ม ปลอบประโลมอยู่ตลอดเวลา ส่วนเรื่องพระเดชของโซลชาร์ผมยังไม่เห็นนะ

การที่โซลชาร์เลือกใช้แมคไกวร์กับลินเดอเลิฟแทนโจนส์ สมอลิ่ง ผมมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วเพราะมีตัวดีกว่าก็ต้องใช้ แต่ตำแหน่งลินการ์ดผมไม่เชื่อว่าในทีมมีคนเล่นตำแหน่งนี้แทนไม่ได้ เพราะมันปรับระบบได้ รวมถึงเลือกคนเล่นให้เหมาะได้ ทั้งป็อกบา มาต้า อเล็กซิส เฟรด ชื่อที่พูดมามีวิชั่น ความสามารถเฉพาะตัวที่ดีกว่าลินการ์ดทั้งนั้น แต่ก็อย่างที่เห็น

จริง ๆเป้าหมายของผมที่เป็นแฟนยูไนเต็ดอยากให้เวลาโซลชาร์ไป 4-5 ปีเลยนะครับ ผมไม่ชอบเปลี่ยนผู้จัดการทีมบ่อย อยากให้เขาได้ลองทำอย่างที่อยากทำแต่ก็ต้องสมเหตุสมผลด้วย เป้าหมายของผมสำหรับทีมรักในปีนี้กับปีหน้าติด 1-7 มีลุ้นในบอลถ้วยผมถือว่าโอเคละกับตัวผู้เล่นแบบนี้ หากติดท็อป 4 นี่ถือว่าเป็นโบนัสเลย

ผมไม่ได้ติดอดีตที่แสนหวานจนไม่มองความจริงว่าตอนนี้ทีมรักอยู่ตรงจุดไหนและต้องใช้เวลาในการสร้างทีมอีกมากในขณะที่ทีมอื่นเริ่มวิ่งห่างไปไกลแล้ว แต่บางเรื่องบางเกมการเลือกผู้เล่นของผู้จัดการทีมก็มีจุดต้องวิพากษ์วิจารณ์กันจริงๆ ครับ