ทำไมถึงได้ยินคำว่าเหล็กสมัยก่อนดีกว่าเหล็กสมัยนี้ เช่นบ้านสมัยก่อนทนทานกว่าบ้านสร้างใหม่สมัยนี้ เหล็กยุคก่อนแข็งกว่า บลาๆๆๆ
ทั้งๆที่ยุคสมัยเจริญก้าวหน้า ก็น่าจะคิดค้นอะไรใหม่ๆได้ดีกว่า รึเปล่า
และอีกคำถาม รถยุโรป เหล็กดีกว่ารถ japan บลาๆ
บ้านสมัยนี้ ไม่ดีหรืออย่างไรแถมวัสดุก็มีแต่แพงขึ้นๆ

สมัยก่อน การคำนวนยังไม่เป๊ะ มั้งครับ เลยอัดเหล็ก เส้นใหญ่ๆ ไว้ก่อน บ้านเลยแข็งกว่า

ต่างจากบ้านสมัยนี้ คำนวนเป๊ะ ใช้เเค่พอเหมาะพอ ตามความคิดผมนะครับ

รถยนต์ ก็น่าจะ เหล็กมาก่อน พักหลัง มีไฟเบอร์ น้ำหนักเบากว่า ค่าขนส่งดีกว่า คนเลยเลือกใช้ไฟเบอร์

รถเหล็ก ก็เเข็งเเรงกว่าเป็นธรรมดา

สมัยก่อนเอาแน่นไว้ก่อน safety factor นี่ก็ล่อกัน 500% เวอร์ๆไว้เลย
ปัจจุบันการคำนวนมันแม่นยำก็มีคำว่าประหยัดงบเข้ามา
ยิ่งบ้านด้วยแล้ว อนาคตค่าแรงคนงาน(ต่างประเทศ)ก็แพงขึ้นเรื่อยๆ เลยหาวิธีที่ทำให้สร้างเสร็จด้วยความรวดเร็วมาแทน

ความแข็งแรงของเหล็กเหมือนเดิมนั่นแหละครับ แต่น่าจะเป็นการเลือกใช้โลหะให้ถูกสถานการณ์มากกว่า

ผมเข้าใจว่า เหมือนเป็นเทรนด์/เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปตามสมัยอะครับ
สมัยก่อน การออกแบบ/เลือกใช้โลหะ ของการส้รางบ้าน/รถ จะออกแบบโดยใช้วัสดุที่ทำให้มันทนทานที่สุด ในแง่ของการใช้งานก็คือ ใช้งานไปเรื่อยๆ จนมันพัง

แต่พอปัจจุบันผมคิดว่า ทั้งรถและบ้าน ถูกออกแบบให้มีอายุการใช้งานอะครับ เลยทำให้มีการตั้ง scope/และเลือกใช้วัสดุที่เหมาะกับสถานการณ์นั้นๆ
ตัวอย่างก็ พวกวัสดุที่เป็นส่วนประกอบรถสมัยก่อน กับรถสมัยนี้ ต่างกันค่อนข้างเยอะ
การตั้งเป้าพวกนี้น่าจะมีผลกับการลดต้นทุน และลดการใช้โลหะที่เกินจำเป็น , เวลาในการสร้าง ไหนจะพวก วัสดุรักโลก อีก

ถ้าให้เดาคงเป็นเพราะเมื่อก่อนมีผู้เล่นในตลาดน้อย คือมีบริษัทที่ผลิตไม่กี่เจ้าทำให้ผู้ผลิตผลิตมาได้มาตรฐานเพราะเป็นโรงงานใหญ่มีมาร์จินเยอะ

แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาเร็วเลยมีโรงงานผลิตเหล็กรายไม่ใหญ่มากจำนวนมาก และโรงงานผลิตเหล็กรายเล็กๆก็จะเน้นทำเหล็กที่คุณภาพต่ำลงหรือผลิตตามมาตรฐานแต่เป็นเกณฑ์ขอบล่าง เช่น เหล็กแป๊ปมาตฐานนี้จะต้องหนาระหว่าง 2.2 - 2.8 มิล(สมมุตินะครับ)โรงงานเล็กๆก็จะผลิตที่ความหนา 2.2 มิลเพราะจะทำราคาได้ต่ำกว่าบริษัทฯใหญ่ๆ

และที่สำคัญคือเหล็กที่อยู่ตลาดถึงจะเป็นเหล็กขนาดเดียวกันแต่ราคาค่อนข้างต่างกันมากขนาดแป๊ปประปาธรรมดาก็มีช่วงราคาที่ค่อนข้างต่างกันขึ้นกับบริษัทผู้ผลิต ผู้ขายส่วนมากก็มักจะสั่งตัวถูกมาขายเพราะขายง่าย ทำให้คนที่เหล็กไปใช้รู้สึกว่าคุณภาพของเหล็กด้อยลง

ปล.ตัวอย่างที่เจอกับตัวนะครับ โรงพยาบาลแถวบ้านเดินระบบประปาใหม่ ขุดแป๊ปประปาเดิมขึ้นมาขาย แป๊ปประปาอายุ 15ปี ++ ขุดขึ้นมาไม่มีสนิมสักนิดเดียวและหนามากผมเอาแป๊ปประปาใหม่ในร้านไปเทียบแป๊ปแบบเก่าหนากว่าเกือบเท่านึง และกัลวาไนซ์ที่เคลือบก็ยังสภาพดีมากๆ

ไม่ใช่แค่เหล็กหรอกครับ ปูนด้วย
ที่บ้านผมทำร้านเหล็กดัด ถ้าไปติดบ้านเก่าๆ กว่าสว่านจะเจาะปูนเข้า ใช้แรงพอสมควรเลย
แต่บ้านสมัยใหม่เดี๋ยวนี้ ใช้แต่อิฐมวลเบา เจาะสบายๆ แต่ว่าแตกง่ายมาก
ส่วนเรื่องเหล็ก มันก็มีหลายเกรดอ่ะครับสมัยนี้ั แล้วราคาเหล็กนี่เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงรายวันเลย ยังกะหุ้น

เหล็ก = iron
เหล็กกล้า = steel

แน่นอนว่าความแข็ง iron = 100%
แต่เรื่องความเหนียว ความยืดหยุ่น ความคงทนในการใช้งานและปลอดสนิม = เหล็กกล้า ถูกที่พัฒนาผสมสารอื่นๆ เพิ่มเข้าไปเพื่อปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น และเหมาะสมกับการใช้งาน

ที่ชาวบ้านพูด อาจหมายถึงเหล็กกล้า ที่ตัดทอนส่วนผสมเพื่อลดต้นทุน จึงเป็นเหล็กคุณภาพต่ำ

วิทยาการมันก้าวหน้าไปมากก็จริง .. แต่ก็ยังไม่สามารถก้าวข้ามความโลภ ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ไปได้หรอก !

ต่างกันที่ปริมาณองค์ประกอบคาร์บอนและสารประกอบอื่นๆในเนื้อเหล็ก อยากลด cost ก็ลดธาตุนึงๆให้ความแกร่งความเหนียวลดลง

เหล็กจีนดีๆก็มี แต่เหล็กถูกๆไม่ดีแน่นอน ไม่ดีในที่นี้คือไม่แกร่งไม่ทนการขัดสีและกัดกร่อน จากประสบการณ์ตรง บ ผม ซื้อรถบรรทุกจากจีนมาใช้ เทียบกับงานจากค่ายเยอรมัน ผ่านไป 5 ปีเหล็กจีนเปื่อยจะทะลุแล้ว เยอรมันยังนิ่งอยู่เลย

ผมขอตอบให้เห็นภาพตามหลักการทางวิชาการนะครับ (ยาวหน่อยครับ แต่น่าจะเป็นประโยชน์)

เหล็กสมัยก่อนมีคุณภาพสู้เหล็กในปัจจุบันไม่ได้ครับ เนื่องจากเทคโนโลยีการผลิตเหล็ก (ถลุงเหล็ก) ในอดีตยังไม่สูงมากทำให้ไม่สามารถขจัดสารมลทิน (เช่น ฟอสฟอรัสและซัลเฟอร์)ในเหล็กให้ต่ำอย่างในปัจจุบันบันได้ครับ ทำให้เหล็กในปัจจุบันมีคุณภาพและสมบัติที่ดีกว่าเหล็กในอดีตครับ ฟอสฟอรัสและซัลเฟอร์ในเหล็กจะทำให้เหล็กเปราะและแตกหักง่ายครับ เช่นในกรณีของเรือไทเทนิกที่เราๆเคยได้รู้เรื่องราวกันมา

ส่วนที่บอกว่าเหล็กของยุโรป เยอรมัน ดีกว่าเหล็กจากประเทศจีน แต่เหล็กจากประเทศจีนนั้นราคาถูกกว่า เป็นเพราะส่วนผสมทางเคมีที่อยู่ข้างในเหล็กนะครับ โดยปกติแล้วการผลิตเหล็กกล้าจะมีการผสมเศษเหล็กเข้าไปเพื่อเพิ่มปริมาณและลดต้นทุนการผลิต แต่มันก็จะตามมาด้วยสารมลทินต่างๆที่จะลดสมบัติที่ดีของเหล็กในระยะยาวไปด้วยครับ เหล็กที่ผลิตจากประเทศจีนจะเน้นที่ปริมาณโดยการเติมเศษเหล็กเข้าไปมาก ทำให้คุณภาพลดลง ตามราคาครับ

ในปัจจุบันได้มีการออกแบบรถยนต์ และเครื่องจักรต่างๆให้มีอายุการใช้งานที่กำหนดเอาไว้ เพื่อจะได้สามารถทำธุรกิจได้อยางต่อเนื่อง ทำให้เรารู้สึกว่าเหล็กสมัยก่อน หรือเครื่องจักรสมัยก่อนมันดี แข็งกว่า ทนกว่านะครับ แต่ถ้าเทียบสมบัติและคุณภาพเหล็กกันตัวต่อตัวแล้ว ปัจจุบันยังไงก็ดีกว่าในอดีตครับ

ปัจจุบันได้มีการพัฒนาเรื่องของเหล็กไปไกลเพราะต้องการลดน้ำหนักของรถยนต์ เพื่อให้ประหยัดเชื้อเพลิง และสู้กับโลหะชนิดอื่น (อะลูมิเนียม) เช่นเหล็กกล้าความแข็งแรงสูง HSS หรือ เหล็กกล้าความแข็งแรงสูงพิเศษ AHSS เช่นพวกเหล็ก dual phase (DP steel) หรือพวกเหล็กทริป (TRIP steel) นะครับ

ผมขออนุญาติอธิบายให้ฟังนะครับ จะได้เข้าใจได้ถูกต้องและเผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นด้วยครับ

ปกติถ้าเป็นเหล็ก 100% จะนิ่ม ไม่แข็ง และไม่แข็งแรงนะครับ เราจะไม่นำมาใช้งานกันครับ เหล็กที่เรานำมาใช้งานจะมีธาตุผสมอยู่ครับโดยเฉพาะคาร์บอน ส่วนธาตุอื่นๆ มาก น้อย แล้วแต่สมบัติที่ต้องการครับ ถ้าไม่มีธาตุอะไรพิเศษ (มีแต่ C, Mn, P, S) ก็จะเป็นพวกเหล็กกล้าคาร์บอนธรรมดาครับ เช่นพวกเหล็กหัวแดง (S45C) หรือพวกเหล็ก SS400 แต่ถ้ามีธาตุพิเศษผสมเข้าไปหน่อย (พวก Cr, Ni, Mo เป็นต้น) ก็จะเป็นพวกเหล็กอัลลอยด์ครับ เหล็กพวกนี้จะใช้ทำชิ้นส่วนเครื่องจักร ชิ้นส่วนยานยนต์กันเยอะครับ

เหล็กกล้า (Steel) คือเหล็กที่มีส่วนผสมของคาร์บอนน้อยกว่าประมาณ 2% ครับ ถ้าปริมาณคาร์บอนมากกว่านั้นจะเป็นพวกเหล็กหล่อ (Cast iron) ครับ

ส่วนเหล็กกล้าไร้สนิม ก็คือเหล็กกล้าที่เติม Cr เข้าไปมากกว่า 11-12% ครับ