ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ค่ายกล้องหลายๆค่ายเริ่มมีนโยบายกีดกันสินค้านอกประกัน
โดยการคิดค่าบริการเพิ่มเติม 5000 - 15000 บาท
สำหรับการบริการสินค้าที่ไม่ใช่ประกันศูนย์ หรือสินค้าที่นำเข้ามาเอง
วันนี้ ก็ลองมาดูกัน ว่ากล้องประกันศูนย์คืออะไร กล้องประกันร้านคืออะไร
ทำไม ศูนย์บริการ ต้องคิดเงินเพิ่ม 15000 บาท สำหรับกล้องประกันร้าน
กล้องประกันศูนย์ กับ กล้องประกันร้าน มีที่มาต่างกันอย่างไร
กล้องประกันศูนย์
คือกล้องและอุปกรณ์ที่นำเข้ามาโดยตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย
เช่นกล้อง sony ก็นำเข้ามาโดยบริษัท sony thai
กล้อง canon ก็นำเข้าโดยบริษ้ท canon thai
กล้อง olympus ก็นำเข้าโดยบริษัท olympus thailand
กล้อง Fulifilm ก็นำเข้าโดย fujifilm thailand อะไรประมาณนั้น
ซึ่งบริษัทเหล่านี้ เป็นบริษัทแม่ มาเปิดสาขาในไทย
หรือไม่ก็เป็นตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทแม่
ให้มาขายกล้อง ทำการตลาด และเปิดศูนย์บริการในประเทศไทย
กล้องประกันศูนย์ ก็จะมีการรับประกันคุณภาพสินค้าให้ กี่ปีๆก็ว่าไป
และลูกค้าที่ซื้อกล้องประกันศูนย์ ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ
เช่นการจัดกิจกรรม การอบรม training หรือมีทริปของค่ายกล้องเป็นต้น
ส่วนกล้องประกันร้าน
ก็จะเป็นกล้อง และอุปกรณ์ ที่ร้านแต่ละร้านนำเข้ามาขายเอง
บางร้านก็นำเข้าเสียภาษีอย่างถูกต้อง บางร้าน ก็หิ้วข้ามชายแดนมาขาย
การวางขาย ก็มีทั้งหน้าร้าน หรือขายในเวปขายของ online ต่างๆ
บางร้านก็ใจดี เขียนบอกลูกค้าตรงๆว่าสินค้าประกันร้าน
บางร้านก็ใจร้าย บอกว่าสินค้าประกันศูนย์ (แต่ไม่บอกว่า ศูนย์ของตรูเอง หรือ ศูนย์ของประเทศไหน)
ซึ่งกล้องประกันร้านเหล่านี้ ก็มักจะขายถูกกว่ากล้องประกันศูนย์ มากบ้างน้อยบ้าง
ถ้าเข้าไปดู ในตลาด online ก็จะเห็นว่า ราคากล้องแต่ละรุ่นมันเหวี่ยงมาก
มีตั้งแต่ สามหมื่นต้นๆ จนไปถึง สี่หมื่นกว่าๆ
เพราะเป็นตลาดที่มีทั้งกล้องประกันศูนย์ และกล้องประกันร้าน มาวางขายรวมกัน
แล้วทำไม ราคาประกันศูนย์ กับ ประกันร้าน มันต่างกันได้มากขนาดนั้น
ทำไมกล้องประกันร้าน ขายถูกกว่ากล้องประกันศูนย์ได้ ทำไม ตัวแทนไม่ขายถูกๆมั่ง
ราคาขายมันก็สะท้อนจากต้นทุนในการทำธุรกิจหละครับ
การขายกล้องตัวนึง
ถ้าเปิดร้านเอง ขายของประกันร้าน ซื้อกล้องมา 20000 แล้วขายไป 23000 กำไร 3000
ต้นทุนค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ก็มีค่าเช่าหน้าร้าน ค่าจ้างพนักงาน ค่าทำบัญชี ค่าคนนำของเข้า ค่าโฆษณา ค่า% ของเวปขายของ
ถ้ากล้องเสียแล้วมีลูกค้ามาเคลม ก็หาช่างส่งซ่อมให้ หรือไม่ก็ส่งกลับไปเคลมที่ประเทศที่ซื้อมา
ซึ่งถ้าเป็นการส่งซ่อมแบบนี้ก็จะใช้เวลามากหน่อย บางทีก็หลักหลายๆเดือน
แต่ถ้าเป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
มันไม่ได้จบที่ค่าใช้จ่ายแค่นั้น
ค่าใช้จ่ายต่างๆในการขายกล้องตัวหนึ่ง มันมากกว่านั้นหลายอย่าง
เริ่มตั้งแต่ ตั้งบริษัท ทำบัญชี นำเข้าสินค้า เสียภาษีอย่างถูกต้อง
ภาษีนำเข้า + VAT ก็โดนเต็มๆทุกเม็ด หลบเลี่ยงไม่ได้ ต้องตรงตามเอกสารต้นทาง มีผู้สอบบัญชี
พอนำเข้ามา ก็มีค่าใช้จ่ายในการ ตั้งศูนย์บริการหลังการขาย ฝึกอบรมช่าง สั่งอะหลั่ยมาสต๊อคไว้ในโกดัง
อบรมพนักงานขาย ทั้งพนักงานขายในบริษัท และพนักงานขายหน้าร้านทั่วประเทศ
รวมทั้งทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ เอาโฆษณากล้องไปแปะไว้บนขบวนรถ BTS
ออกทีวี ลงสื่อ นิตยสาร ต่างๆสารพัด
และการทำ marketing
จัดงานเปิดตัว เชิญดารา นักร้อง หรือช่างภาพดังๆมาเป็น ambassador
ส่งกล้องให้สำนักรีวิว และ media ต่างๆรีวิว
การจัดคอร์ส basic training , advance training
test drive Trip ถ่ายรูป อะไรต่างๆ
ก็ล้วนต้องลงทุนกับ ทีมเทรนนิ่ง และ อุปกรณ์หลายๆชุด
มันล้วนแต่เป็น cost ทั้งนั้น
ดังนั้น ต้นทุนของกล้องประกันศูนย์ตัวหนึ่ง
มันก็จะรวมค่าต่างๆที่ว่าด้านบน เข้าไปด้วยหละครับ
เป็นต้นทุนการขาย ที่ประกันร้านไม่ได้จ่าย แต่ได้รับประโยชน์
ภาพอุปกรณ์ จากงาน test drive ของหลายๆค่าย
แล้วทำไมต้องมีมาตรการกีดกันแบบนี้ขึ้นมาด้วย
ก็เอาแบบไม่โลกสวย
คนเราลงทุนทำธุรกิจ
ลองนึกภาพว่าเราทำร้านกาแฟ มีสวนสวยๆ มีบ่อปลาคาร์พ มีที่จอดรถกว้างขวาง ลงทุนไปหลายสิบล้าน
แล้วก็ มีแขกมาจอดรถตรงที่จอดของเรา แล้วไปซื้อกาแฟจากแผงข้างๆ มานั่งจิบกาแฟ ชมสวนของเรา
มันก็ต้องมีมาตรการ แปะป้ายว่าห้ามนำอาหาร และเครื่องดื่มจากร้านข้างนอก
มานั่งกินในร้านนี้มั่งหละครับ
แล้วต่อไปนี้ กล้องประกันร้าน กล้องหิ้วเข้ามาเอง จะเจอกับอะไรบ้าง
ถ้าร้านซ่อมไม่ได้ ไม่มีอะหลั่ย หรือดันเผลอเอาไปเข้าศูนย์
เจ้าของกล้องก็จะเจอกับค่าบริการต่างๆ มากบ้าง น้อยบ้าง
และค่าอะหลั่ยแบบ เต็มๆเม็ด
ตั้งแต่พัน สองพัน ห้าพัน แปดพัน ไปจนถึงหมื่นหก
แต่ของ olympus ดูจะหนักที่สุด
เหมือนเค้าอยากจะพูดอ้อมๆ ว่าถ้าพังแล้วก็ไม่ต้องเอามาซ่อมหรอก ตรูอยากไม่รับ
และมีแนวโน้ม ว่าอีกสองค่ายที่โดนประกันร้านโจมตีหนักๆ เช่น Canon และ Nikon
ก็คงมีมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาหละครับ
แล้วเอาไงดีหละทีนี้ ควรซื้อประกันร้าน หรือประกันศูนย์ดี
ในความคิดเห็นของผมนะ
ถ้าส่วนต่าง ไม่ได้ต่างกันมาก ประกันร้านถูกกว่าประกันศูนย์แค่ไม่กี่พัน
ซื้อประกันศูนย์ไปเหอะครับ ยังไงก็ปลอดภัยกว่า เกิดใช้ๆอยู่แล้วถูกหวยขึ้นมา
สายแพขาด หรือจอดับไปดื้อๆ
หรือว่ากล้องเกิดมีปัญหาด้านการออกแบบ แล้วทางบริษัทแม่ เรียก Recall เข้าไปเปลี่ยนอะหลั่ย
ซึ่งกรณีแบบนี้ ก็เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ
เราก็ยังสามารถเอากล้องไปเข้าศูนย์เคลมได้แบบสบายใจ
ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงเรื่องสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่นการทำความสะอาดฟรี การฝึกอบรม และทริปถ่ายภาพต่างๆ
รวมทั้งการจับฉลาก เล่นเกมส์ต่างๆ
แต่ถ้าเป็นกล้องประกันร้าน ที่ไม่ได้มีอะหลั่ย stock ไว้ แบบศูนย์บริการ
ร้านก็ส่งกลับไปเคลมที่ประเทศต้นทาง มันก็จะรอนานๆหน่อย
ส่วนต่างไม่กี่พัน มันก็คงไม่คุ้มค่ากับการรอซ่อมทีละหลายๆเดือนหรอกครับ
แต่ถ้าในกรณีที่กล้องประกันร้าน ถูกกว่าประกันศูนย์ไปเป็นหมื่น
กรณีนี้ค่อยน่าคิดหน่อยครับ
ก็ลองบวกลบคูณหารดู ว่าส่วนต่างจะคุ้มค่าความเสี่ยงไหม
ถ้ามั่นใจว่าตัวเองเป็นคนดวงแข็ง และคนเรามันก็ไม่ได้ถูกหวยกันทุกงวด
ไม่ซวยง่ายๆหรอก
ถ้าเกิดถูกหวย จอดับ สายแพขาด เซ็นเซอร์พังเป็นปื้นๆ ขึ้นมา
แล้วถ้าค่าส่วนต่างมันมากพอซื้อตั๋วเครื่องบิน บินเอากล้องกลับไปซ่อมที่ญี่ปุ่นได้
ผมว่าแบบนี้ก็วัดดวงซื้อประกันร้านไปเหอะครับ
เอ้า สรุปมาเลย จะให้ซื้อแบบไหน เอายังไงดี
มันฟันธงไม่ได้หรอกครับ ว่าให้ซื้อประกันร้าน ประกันศูนย์
ก็ต้องดูเป็นกรณีๆไป ดูว่ากล้องยี่ห้อนี้ สถิติมันเสียบ่อยไหม
แล้วก็อยู่ที่ส่วนต่างราคา ว่ามันต่างกันสองพัน หรือว่าต่างกันหมื่นห้า
และอยู่ที่ดวงเราด้วย ว่าเป็นคนดวงแข็งแค่ไหน ยอมรับความเสี่ยงได้ขนาดไหน
ถ้ามั่นใจว่าเป็นคนดวงแข็ง ดวงดี ไม่เจออะไรง่ายๆหรอก แถมงบไม่เยอะด้วย อยากจะประหยัด
ชีวิตนี้ คงไม่ได้เอากล้องไปซ่อมแน่นอน ก็วัดดวงกับประกันร้านไปก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ผิดครับ
แต่ถ้าจะเอาชัวร์ๆกว่า ว่ากล้องเสียแล้วมีอะหลั่ยให้ซ่อมได้แน่ๆ ไม่ต้องรอนานหลายๆเดือน
มีการ support จากศูนย์บริการ รวมทั้งการอบรมต่างๆ
และก็จ่ายแพงกว่ากันหน่อยเดียว ก็เอาประกันศูนย์เห๊อะครับ ยังไงก็อุ่นใจกว่า
บางที รอซื้อกล้องประกันศูนย์ ตอนมีโปรลดราคาตามเวปขายกล้อง online ต่างๆ ใส่ code นั่นนี่เข้าไป ก็สูสีกันนั่นหละ
หรือถ้าพอมีประสบการณ์การดูกล้องมาบ้าง จะเลือกกล้องประกันศูนย์ มือสอง ที่มีประกันเหลือๆ
ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ประหยัดครับ
ก็สรุปเรื่องการประกันศูนย์ ประกันร้านไว้เพียงเท่านี้
ขอบคุณทุกท่าน ที่แวะเข้ามาอ่านครับ
สวัสดีครับ
เครดิต คุณน้า tamrong
https://pantip.com/topic/39074385