ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออนไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status: พุงพลุ้ยคุยบอล กลับมาแล้ว
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Oct 2010
ตอบ: 4354
ที่อยู่: บนโลกนี้แหละ...
โพสเมื่อ: Fri May 24, 2019 21:21
(Day 59)สรุปข่าวประจำวันแค่ 7 นาทียกระดับความรู้รอบตัวของพวกท่าน
{ (Day 59) มาร่วมสละเวลาเล็กน้อยเพิ่มความรู้รอบตัวกันครับ }

---จุดประสงค์เพื่อ---

⦿ ผลักดันตนเองให้อ่านหนังสือ
⦿ เป็นแนวทางให้เพื่อนสมาชิกเห็นว่า อย่างน้อยที่สุด อ่านวันละ 7 นาทีก็เพิ่มพูนความรู้ให้แก่ตนเองได้
⦿ ตราบใดมีลมหายใจ การศึกษาคือการเรียนรู้ตลอดชีวิต





บีเจพีชนะ 302 เก้าอี้ “โมดี” ย้ำพร้อมนำอินเดียก้าวไปข้างหน้า






พรรคภราติยา จานาตา (บีเจพี) ของนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปได้ตามคาดหมาย โดยผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการของคณะกรรมการการเลือกตั้งอินเดียที่ประกาศออกมาในช่วงเช้าวันที่ 24 พฤษภาคม สรุปว่า บีเจพีได้ที่นั่ง 302 จาก 542 ที่นั่ง



ชัยชนะของบีเจพีในการเลือกตั้งครั้งนี้เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเมื่อปี 2557 ที่บีเจพีได้ไป 282 ที่นั่ง และมากกว่าจำนวนเสียงข้างมากที่ต้องการในสภาล่างที่ 272 ที่นั่ง หรือมากกว่าถึง 30 ที่นั่ง ทำให้พรรคบีเจพีกลายเป็นพรรคแรกที่ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอินเดียอย่างเด็ดขาดถล่มทลายเพียงพรรคเดียวอีกครั้ง




ด้านนายโมดีกล่าวกับผู้ที่มารอแสดงความยินดีที่สำนักงานใหญ่ของพรรคบีเจพี ซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ไปทั่วประเทศว่า อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ขณะนี้เราต้องมองไปข้างหน้า และต้องทำให้ทุกคนก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน ซึ่งรวมถึงผู้ที่เห็นต่างจากเรา




ด้านพรรคคองเกรส ที่นำโดยนายราหุล คานธี พรรคฝ่ายค้านและคู่แข่งสำคัญของพรรคบีเจพี ได้ที่นั่งไปเพียง 52 ที่นั่ง และเป็นการนำพรรคพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งที่ 2 ของนายราหุล โดยในระหว่างการแถลงข่าวเขาไม่ได้พูดให้ชัดเจนว่าตนเองจะลาออกจากตำแหน่งผู้นำพรรคหรือไม่






“สุลต่านบรูไน” คืนปริญญา “ม.อ๊อกซฟอร์ด” หลังถูกต่อต้าน “กม.ประหาร LGBT”






“บีบีซี” รายงานว่า สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์แห่งบูรไน ทรงส่งคืนปริญญากิตติมศักดิ์ที่ทรงรับการถวายจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดของอังกฤษ หลังจากที่มหาวิทยาลัยดังกล่าวแสดงความกังวลต่อการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านกลุ่มคนหลากหลายทางเพศที่เข้มงวดในประเทศบรูไน

โดยในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา บรูไนได้ประกาศนำกฎหมายทางศาสนามาบังคับใช้ ลงโทษประหารชีวิตสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ของชายรักชายและการมีชู้ สร้างความไม่พอใจไปทั่วโลกที่ออกมาสร้างแคมเปญประท้วงกฎหมายนี้ จนทำให้บรูไนต้องประกาศยกเลิกกฎหมายดังกล่าวในเวลาต่อมา



อย่างไรก็ตาม มีการร่วมลงชื่อกว่า 118,500 รายชื่อ เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกปริญญากิตติมศักดิ์ทางด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดเคยถวายแด่สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ในปี 1993


ซึ่งโฆษกของมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดระบุว่า ได้ส่งจดหมายไปยังบรูไนเพื่อความกังวลต่อการบังคับใช้กฎหมายอาญาใหม่นี้เมื่อเดือนที่แล้ว และได้รับการแจ้งกลับมาว่า สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านทรงมีพระราชประสงค์ที่จะคืนปริญญากิตติมศักดิ์ดังกล่าวกลับคืน



“เลย์ลา โมแรน” สมาชิกสภามหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดระบุว่า “ขณะนี้มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดยังมีโอกาสที่จะถอนตัวออกมาจากความเกี่ยวข้องกับการละเมสิดสิทธิมนุษยชนขั้นต้น” ทั้งนี้เลย์ลา โมแรนได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อถอดพระนามของสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านออกจากทะเบียนของมหาวิทยาลัย เนื่องจากการรับคืนปริญญากิตติมศักดิ์ยังไม่เพียงพอ


“มหาวิทยาลัยควรตรวจสอบทบทวนระบบการให้ปริญญากิตติมศักดิ์ให้ละเอียดรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก” เลย์ลา โมแรนกล่าวเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบรูไนจะยกเลิกโทษประหารชีวิตแล้ว แต่ยังคงมีโทษจำคุก 10 ปีสำหรับผู้หลากหลายทางเพศ








ที่ประชุม กก.บห.ปชป. มีมติเสนอชื่อ “ชวน หลีกภัย” ชิงปธ.สภา








รายงานข่าวจากที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่า การประชุมกรรมการบริหาร(กก.บห.)พรรค ได้เริ่มเวลา 19.45 น. วันที่ 24 พฤษภาคม จากเดิมที่นัดหมายกันในเวลา 16.00 น. มีวาระเสนอชื่อ ประธานสภาผู้แทนราษฎร์ โดยเสนอชื่อนายชวน หลีกภัย ส.ส.ตรัง เป็นรายชื่อชิงตำแหน่ง ในวันประชุมสภานัดแรกวันที่ 25 พฤษภาคม ปรากฎว่ากก.บห.ได้รับรองชื่อนายชวน จากนั้น เป็นการประชุมส.ส.ร่วมกับกก.บห.










“เมย์” ประกาศลาออก 7 มิ.ย.นี้ กล่าวทั้งน้ำตา “ขอบคุณที่ได้รับใช้ประเทศนี้”









ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง มีรายงานข่าวจากสื่อหลักๆ หลายแห่งที่ยืนยันว่า ภายในวันนี้ (24 พ.ค.) นายกรัฐมนตรีหญิงแห่งอังกฤษ “เทเรซา เมย์” เตรียมจะประกาศลาออกจากตำแหน่ง และคาดการณ์ด้วยว่ากรอบเวลาสำหรับการเลือกหัวหน้าพรรคคอนเซอร์เวทีฟ และตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะเริ่มกระบวนการขึ้นในวันที่ 10 มิ.ย. นี้



ล่าสุด บีบีซี รายงานแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีเมย์ เมื่อเวลา 10.00 น. ตามเวลาในลอนดอน (16.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) โดยผู้นำหญิงแห่งอังกฤษ ได้กล่าวว่า “นับตั้งแต่ที่ฉันได้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ฉันมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ในสหราชอาณาจักร (UK) อย่างเต็มที่ ก็เพื่อสำหรับทุกคน และเพื่อเป็นเกียรติแก่ผลการลงประชามติจากประชาชน”

นายกฯ เมย์ กล่าวต่อว่า “ฉันพยายามทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อโน้มน้าวให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสามารถบรรลุข้อตกลงได้ แต่มันช่างน่าเศร้า ที่ฉันไม่สามารถทำมันได้สำเร็จ”



นอกจากนี้ นายกฯ หญิง กล่าวต่อว่า “ตอนนี้เป็นที่ชัดเจนสำหรับฉันแล้วว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสหราชอาณาจักรคือ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ อันจะนำไปสู่ความพยายามครั้งต่อไป ดังนั้น ฉันขอประกาศในวันนี้ว่า ฉันจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคคอนเซอร์เวทีฟในวันศุกร์ที่ 7 มิ.ย. ซึ่งฉันเห็นด้วยกับประธานพรรคว่ากระบวนการเลือกตั้งผู้นำคนใหม่จะเริ่มขึ้นในสัปดาห์ถัดไป”


“ฉันเชื่อมั่นในพรรคว่าจะสามารถต่อยอดการบรรลุข้อตกลงเบร็กซิทได้ เราต้องหาวิธีแบบฉันทามติสำหรับทั้ง 2 ฝ่ายด้วยความ ประนีประนอม และฉันภูมิใจมากสำหรับสิ่งที่พวกเราได้ทำเมื่อหลายปีก่อน อย่างน้อยเราก็ช่วยให้ผู้คนมีงานทำ”

นายกฯ เมย์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า “การเมืองของเราอาจตกอยู่ในสภาวะตึงเครียด แต่อย่างน้อยก็มีเรื่องดีๆ เกี่ยวกับประเทศนี้มากมายที่น่าภาคภูมิใจ และฉันจะลาออกจากงานอันทรงเกียรติที่สุดในชีวิตของฉันเร็วๆ นี้ ขอบคุณที่ให้ฉันได้รับใช้ประเทศที่ฉันรัก”










ทรัมป์พูดแล้ว! “หัวเว่ย” อาจเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจา “สงครามการค้า”








นับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้อำนาจพิเศษ ด้วยการขึ้นบัญชีดำบริษัทเทคโนโลยีของต่างชาติที่มีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา โดยลิสต์รายชื่อบริษัทที่ติดได้แก่ “หัวเว่ย” ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีน และอีก 68 บริษัทจาก 20 ประเทศทั่วโลก


บีบีซี รายงานในวันนี้ (24 พ.ค.) ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวต่อหน้าสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาว โดยกล่าวว่า “หัวเว่ย” ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของจีน อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของ “ข้อตกลงการค้า” ระหว่างสหรัฐกับจีน ทั้งนี้ รายงานชี้ว่า เป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีสหรัฐพูดถึงความเกี่ยวโยงระหว่างเรื่อง “หัวเว่ย” ซึ่งนายทรัมป์ มองว่าเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของสหรัฐมาโดยตลอด

ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวย้ำว่า “หัวเว่ยเป็นอะไรที่อันตรายมากสำหรับความมั่นคงแห่งชาติ รวมถึงเรื่องการทหารของเรา” ขณะเดียวกัน รัฐบาลปักกิ่งเคยวิจารณ์ผู้นำสหรัฐว่า สหรัฐพยายาม “ปรักปรำ” และ “กลั่นแกล้ง” บริษัทของจีน

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงหลายรายของสหรัฐ รวมถึง “ไมค์ ปอมเปโอ” รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่ออกมาพูดไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น ยืนยันว่า ประเด็นของหัวเว่ยกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ “ไม่มีความเชื่อมโยงกัน”







พ.ร.บ.จราจรทางบกฉบับใหม่คลอดแล้ว! อนุญาตยื่นตรวจใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์-สำเนาภาพถ่าย แทนตัวจริงได้








ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2562 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 มีเนื้อหาสำคัญ อาทิ มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่12 ) พ.ศ.2562 ”

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป



มาตรา6 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 4/1 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 “มาตรา4/1 เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลและบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือตามกฎหมายอื่นอันเกี่ยวกับการจราจร ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบกจัดให้มีข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับประวัติและการกระทำความผิดตามกฎหมายของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ข้อมูลทะเบียนรถ และข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้มีการประสานข้อมูลดังกล่าวทั้งนี้ ตามระเบียบที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกร่วมกันกำหนด”


มาตรา7 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 87/2557 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช 2557 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน“ มาตรา 5 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้”


มาตรา 8 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 31/1 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 “ มาตรา 31/1 ในขณะขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวและต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจในกรณีที่ผู้ขับขี่แสดงใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับขี่ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ถือว่าผู้ขับขี่มีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวตามวรรคหนึ่งแล้ว เป็นต้น








บินเป็นกลุ่มคุ้มกว่า! “บินไทย” อัดโปร IT’S JAPAN TIME บินเป็นกลุ่ม 4 เส้นทางสู่ญี่ปุ่น







นายกรกฎ ชาตะสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย-ประเทศไทย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นบัตรโดยสารราคาพิเศษสำหรับบินเป็นกลุ่ม IT’S JAPAN TIME สำหรับเดินทางไปยัง 4 จุดหมายปลายทางยอดนิยมในญี่ปุ่น ในเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ สู่ โตเกียว (นาริตะ) โอซากา นาโกยา และฟุกุโอกะ




ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสมนาคุณลูกค้าที่วางแผนการเดินทางพร้อมกันตั้งแต่ 8 คนขึ้นไป ราคาต่อท่านเริ่มต้นที่ 12,660 บาท ซึ่งผู้โดยสารสามารถสำรองที่นั่ง ออกบัตรโดยสาร และเริ่มเดินทางได้ตั้งแต่บัดนี้ – 31 กรกฎาคม 2562 โดยมีรายละเอียดเที่ยวบินและเส้นทาง ไป-กลับ ประกอบด้วย


1.เส้นทางกรุงเทพฯ (TG676) – โตเกียว (นาริตะ) (TG641/TG643/TG677) – กรุงเทพฯ 2. เส้นทางกรุงเทพฯ (TG672) – โอซากา (TG623/TG673) – กรุงเทพฯ 3. เส้นทางกรุงเทพฯ (TG646) – นาโกยา (TG645/TG647) – กรุงเทพฯ และ 4. เส้นทางกรุงเทพฯ (TG648) – ฟุกุโอกะ (TG649) – กรุงเทพฯ


โดยราคาดังกล่าวเป็นอัตราที่รวมภาษีสนามบินและค่าธรรมเนียมทุกประเภทแล้ว (ค่าภาษี และค่าธรรมเนียม เปลี่ยนแปลงตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ออกบัตรโดยสาร) ทั้งนี้ บัตรโดยสารราคาพิเศษนี้มีจำนวนจำกัดในแต่ละเที่ยวบิน และเป็นบัตรโดยสารแบบมีเงื่อนไข อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารจะได้รับไมล์สะสมตามเงื่อนไขของรอยัล ออร์คิด พลัส ด้วย









“หัวเว่ย” จุดเดือดใหม่ ในสงครามการค้าจีน-สหรัฐ






สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนทวีความเข้มข้นขึ้นมาก หลังจากทั้งสองฝ่ายหันมาตอบโต้กันด้วยมาตรการขึ้นภาษีใส่กันอีกครั้ง แต่ที่ชวนสังเกตคือ แม้ในขณะนั้นต่างฝ่ายต่างเปิดช่องให้มีการเจรจากันอยู่ พร้อมกันนั้น ผู้นำของทั้งสองประเทศก็ยังมีโอกาสพบปะ หารือกันซึ่ง ๆ หน้า ในช่วงระหว่างการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศจี 20 ในเดือนมิถุนายนนี้อีกด้วย ทำให้ทั่วโลกยังคงมีความหวังอยู่ว่า สงครามการค้าอาจไม่ยืดเยื้อและสามารถยุติได้ในเร็ววันความคาดหวังที่ว่านั้นหมดไปในทันทีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเล่นงาน “หัวเว่ย เทคโนโลยี” บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อการสื่อสารโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา คำสั่งของทรัมป์ซึ่งอาศัยอำนาจตามรัฐบัญญัติว่าด้วยภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจและความมั่นคง กฎหมายเก่าแก่ที่ไม่ค่อยมีใครหยิบมาใช้กันดังกล่าวนั้น ไม่ได้ระบุชื่อประเทศและชื่อบริษัทไว้ก็จริง แต่ในความเป็นจริงแล้ว สหรัฐอเมริกากล่าวหามายาวนานแล้วว่า อุปกรณ์ของหัวเว่ยนั้นเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ และอาจเป็นช่องทางให้จีนใช้ในการทำจารกรรมได้ เคยล็อบบี้ให้ชาติพันธมิตรปิดทางไม่ให้หัวเว่ยเข้าร่วมในโครงการพัฒนาเครือข่ายสื่อสารไร้สายรุ่นที่ 5 หรือ 5 จี และเมื่อเดือนมกราคมนี้ก็เพิ่งยื่นฟ้องในคดีอาญาต่อหัวเว่ย กล่าวหาว่า “ขโมยความลับทางการค้า” ของที-โมบาย





นอกเหนือจากกรณีสำคัญที่กล่าวหาว่า หัวเว่ยละเมิดการแซงก์ชั่นอิหร่าน ซึ่งยังผลให้ เมิ่ง ว่านโจว ซีเอฟโอของหัวเว่ย ยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่แคนาดาอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นแม้ไม่ได้ระบุชื่อก็เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า สหรัฐอเมริกาเจาะจงเล่นงานหัวเว่ยและจีน



สาระสำคัญของคำสั่งนี้ก็คือ การห้ามไม่ให้เอกชนอเมริกันทั้งหลายจัดซื้อ หรือใช้งานอุปกรณ์ หรือชิ้นส่วนอุปกรณ์ของหัวเว่ย ที่ถูกระบุว่า “เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง และบ่อนทำลายผลประโยชน์” ของสหรัฐอเมริกา พร้อมมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ขึ้นบัญชีดำ หัวเว่ย เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทซึ่ง “ทำลายผลประโยชน์” นี้ สามารถจัดซื้อชิ้นส่วนอุปกรณ์จากบริษัทอเมริกัน ไปใช้ในการทำลายความมั่นคงและผลประโยชน์ของอเมริกันเองได้บริษัทไหนจะขายอะไรให้หัวเว่ย ต้องได้รับอนุมัติจากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งในทางปฏิบัติ ก็คือการ “ห้ามขาย” ใด ๆ ให้นั่นเอง



ผู้เชี่ยวชาญหลายคน รวมทั้ง สก็อตต์ เคนเนดี ผู้อำนวยการโครงการเศรษฐศาสตร์การเมืองและธุรกิจจีน ประจำศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษา (ซีเอสไอเอส) ในวอชิงตันชี้ว่า กรณีหัวเว่ยยกระดับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ขึ้นสู่ระดับใหม่ที่ “สุ่มเสี่ยง” จะเกิดอันตรายขึ้นตามมา



กรณี “หัวเว่ย” อาจส่งผลถึงขนาดทำให้การเจรจาการค้าที่ดำเนินมาแบบลุ่ม ๆ ดอน ๆ ถึงกับพังพาบไปทั้งหมด หนักยิ่งไปกว่านั้นอาจทำให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนอยู่ในสภาพเสี่ยงอีกต่างหากการขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย อาจส่งผลให้หัวเว่ยไม่สามารถใช้ชิ้นส่วนสำคัญที่จัดซื้อจากบริษัทอเมริกันอย่าง ควอลคอมม์, ไมครอน หรืออินเทล มาผลิตอุปกรณ์ของตนต่อไปได้ ผลที่เกิดขึ้นตามมา คือ ระบบการสื่อสารไร้สาย ทั้ง 4 จี และ 5 จี ที่หัวเว่ยทำสัญญาพัฒนาไว้ใน 170 ประเทศทั่วโลก ก็อาจมีปัญหาตามมาได้




ที่รุนแรงยิ่งกว่าก็คือ หากรายงานของรอยเตอร์สล่าสุดที่ระบุว่า “อัลฟาเบท อิงก์” หรือ กูเกิล ถูกกระทรวงพาณิชย์อเมริกันบีบให้ตัดขาดในการทำธุรกิจบางส่วนกับหัวเว่ย รวมถึงการใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เป็นจริงขึ้นมา ก็จะกระทบกับธุรกิจสมาร์ทโฟนมูลค่าหลายพันล้านของหัวเว่ยทั้งหมดโดยตรง และสร้างความปั่นป่วนให้กับผู้ใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ของหัวเว่ยทั่วโลกแน่นอน




พอล ตริโอโล ผู้เชี่ยวชาญด้านจีโอเทคโนโลยีของยูเรเซียกรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจระบุเอาไว้ว่า จีนจะมองความเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าเป็นการแสดง “พฤติกรรมปฏิปักษ์อย่างเปิดเผย” และ “ยั่วยุ” ไม่ต่างอะไรกันกับการ “จับตัวประกัน” เอาไว้ เพื่อสร้างอำนาจต่อรองในการเจรจา ผลก็คือโอกาสที่จีนจะเจรจาการค้าอย่างจริง ๆ จัง ๆ ต่อไป แทบเป็นไปไม่ได้ หรือหากยังคงมีการเจรจาการค้าต่อไป ก็ยากที่จีนจะยินยอมเสียเปรียบ หรือโอนอ่อนผ่อนตามสหรัฐอเมริกาได้อีก





ที่สำคัญก็คือ บริษัทอเมริกันที่ต้องพึ่งพาตลาดจีนอย่างหนัก ทั้งโบอิ้ง, จีเอ็ม, เทสลา เรื่อยไปจนถึงไนกี้ ตอนนี้ก็หนาว ๆ ร้อน ๆ ไปตาม ๆ กัน รอวันที่จะถูกมาตรการตอบโต้ของจีนเล่นงานนั่นเอง







“Facebook” เตรียมเปิดตัว “GlobalCoin” เริ่มทดสอบ 12 ประเทศภายในปี 2020







บีบีซี รายงานว่า “เฟซบุ๊ก” (Facebook) ยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียของสหรัฐอเมริกา ประกาศเตรียมจะเปิดตัว “คริปโตเคอร์เรนซี” (Cryptocurrency) หรือ สกุลเงินดิจิทัลของตัวเองในปี 2020 หลังจากที่ให้ทีมผู้เชี่ยวชาญศึกษาอย่างละเอียดตั้งแต่ปี 2018 โดย “เดวิด มาร์คัส” หนึ่งในทีมบุคลากรของเฟซบุ๊กจำนวน 12 คน ที่ศึกษาและวิจัยงานในแผนกบล็อคเชน (Blockchain) ได้ทำการสำรวจความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีรูปแบบนี้ ตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้น


ทั้งนี้ ตอนนี้กำลังอยู่ในกระบวนการวางแผนและตั้งค่าระบบการชำระเงินแบบดิจิทัล ในราวๆ 12 ประเทศทั่วโลกนำร่อง ภายในไตรมาสแรกของปี 2020

อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กวางแผนที่จะเริ่มทดสอบสกุลเงินดิจิทัลดังกล่าว ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “GlobalCoin” ภายในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่ทางบริษัทคาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดของแผนการดังกล่าวในช่วงฤดูร้อนนี้ อันมาจากก่อนหน้านี้ในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา นายมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ได้พูดคุยพร้อมหารือกับ “มาร์ก คาร์นีย์” ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ ถึงโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลนี้

นอกจากนี้ เฟซบุ๊ก ได้ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินการและประเด็นด้านกฎหมายจากเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐ ขณะเดียวกัน ยักษ์ใหญ่ด้านสื่อโซเชียลมีเดียนี้ ยังได้เจรจากับ Western Union บริษัทที่ทำธุรกรรมด้านการโอนเงิน เพื่อมองหาวิธีที่รวดเร็วและราคาประหยัดสำหรับการทำธุรกิจ โดยที่ไม่ต้องใช้บัญชีเงินฝากเพื่อโอนหรือรับเงิน






 
[/code]
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ


ออฟไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Mar 2018
ตอบ: 3910
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 24, 2019 22:34
(Day 59)สรุปข่าวประจำวันแค่ 7 นาทียกระดับความรู้รอบตัวของพวกท่าน
ประธานสภาชื่อ คุณ ชวน หลีกภัย vs นายกชื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา...

สองในสามประมุขของฝ่ายบริหารประเทศ ตอนนั่งงานพระบรมราชาภิเษก ยังต้องมีคนคั่น

มวยถุกคู่จริงๆ สองปีเลือกตั้งใหม่แหงมๆ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status: พุงพลุ้ยคุยบอล กลับมาแล้ว
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Oct 2010
ตอบ: 4354
ที่อยู่: บนโลกนี้แหละ...
โพสเมื่อ: Fri May 24, 2019 22:38
[RE: (Day 59)สรุปข่าวประจำวันแค่ 7 นาทียกระดับความรู้รอบตัวของพวกท่าน]
Sicario_artist พิมพ์ว่า:
ประธานสภาชื่อ คุณ ชวน หลีกภัย vs นายกชื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา...

สองในสามประมุขของฝ่ายบริหารประเทศ ตอนนั่งงานพระบรมราชาภิเษก ยังต้องมีคนคั่น

มวยถุกคู่จริงๆ สองปีเลือกตั้งใหม่แหงมๆ  


เห็นว่าทางเพื่อไทยจะส่ง อ.วันนอ ลงแข่ง แต่คิดว่าไงก็แพ้

แต่ตอนนี้คิดว่าการแข่งที่แท้จริง คือการแข่งระหว่างคุณสุชาติ กับ คุณชวน

ส่วนลงลึกรายละเอียดมากกว่านี้ผมว่าไปบอร์ดการเมืองดีกว่า
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel