ภาพฝันเมื่อวันวาน

คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ขึ้นกล่าวบนเวทีหลังเบิ้ลรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี และ นักเตะยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาล ลีก เอิง โดยตอนนึงเขาพูดว่า

“ผมคิดว่าผมได้มาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ซึ่งอาจเป็นช่วงแรกหรือช่วงที่สองในอาชีพของผม ผมได้ค้นพบสิ่งต่างๆมากมายที่นี่ และบางทีมันอาจถึงเวลาแล้วที่ผมควรจะต้องมีความรับผิดชอบที่มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นที่ปารีส ที่ซึ่งผมคงจะตอบรับด้วยความเต็มใจ หรืออาจเป็นที่อื่นสำหรับโปรเจกต์ใหม่”


หลังบทสัมภาษณ์นี้จบลง เกิดกระแสวิจารณ์ตามมามากมาย เกือบทั้งหมดตีความในทิศทางเดียวกันว่านี่คือสัญญาณบ่งบอกว่า อนาคตของ เอ็มบั๊บเป้ ใน ปาร์ก เดส์ แปรงซ์ กำลังสั่นคลอน

และอย่างที่ทุกคนคาด กระแสวิจารณ์นี้พุ่งข้ามฟากจากกรุงปารีส มายัง นครมาดริด อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยมองกันว่าไม่มีสโมสรใดแล้วที่อยู่ในข่ายความเป็นไปได้มากเท่ากับ เรอัล มาดริด

มาดริดิสต้าเริ่มคิด "หรือปาฏิหารย์จะเกิดขึ้นในซัมเมอร์นี้ ?"

เพราะการที่ เอ็มบั๊บเป้ พูดเช่นนี้ นั่นแสดงว่าเขาต้องการก้าวไปอีกก้าว ซึ่งหากเขามองว่า เปแอสเช ย่ำอยู่กับที่ หรือถอยหลัง ก็มีแนวโน้มสูงที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่าง

...บางอย่างที่สำคัญมากๆ ทั้งกับตัวเขาเองและต้นสังกัด...

การคว้าแชมป์ลีกเอิงอีกครั้งในปีนี้ ผมเชื่อว่าไม่ได้ทำให้ เอ็มบั๊บเป้ รู้สึกพอใจนัก เพราะด้วยคำพูดจากปากเขาเองที่ยอมรับว่ามีความผิดหวังมากมายในฤดูกาลนี้ ซึ่งที่เด่นชัดสุดก็ไม่พ้นการพลาดท่าตกรอบ 16 ทีม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยน้ำมือของ แมนฯยูไนเต็ด

เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่หากเป็นอีกครั้งแล้วที่พลาด จึงทำให้ เอ็มบั๊บเป้ เกิดความรู้สึกลังเล ประกอบกับอายุที่ปีนี้แตะเลข 2 แล้ว ก็น่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้เริ่มคิดถึงการเปลี่ยนแปลง

ผมได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ อูไน เอเมรี่ ที่พูดถึงเจ้าหนูเอ็มในรายการวิทยุลูกหนัง ‘"El Larguero" จากคลื่น กาเดน่า เซร์

กุนซืออาร์เซน่อลเล่าเหตุการณ์สมัยที่เขายังนั่งแท่นเป็นนายใหญ่ของ เปแอสเช ว่าต้องสาละวนกับการพยายามโน้มน้าว เอ็มบั๊บเป้ ไม่ให้ย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด

“ในตอนนั้นพวกเราทุกคนต้องพยายามกันอย่างหนัก ผมคุยกับเขา และกับพ่อของเขาเพื่อให้เขาอยู่ที่ ปารีส ต่อไป”

“ตอนนั้นเขาได้รับข้อเสนอจาก บาร์เซโลน่า ด้วย แต่เขาก็เลือก เรอัล มาดริด อยู่ดี เขาอยากไปที่นั่นใจแทบขาด”

(ในบทสัมภาษณ์นี้ กับประโยคที่ผมแปลว่า อยากไปที่นั่นใจแทบขาด เพราะ เอเมรี่ ใช้คำว่า con los ojos cerrados, quería irse al Real Madrid ถ้าแปลตรงตัวก็จะได้ว่า หลับหูหลับตา ไม่สนอะไรทั้งสิ้น ซึ่งผมว่าใจแทบขาด แปลออกมาได้สวยกว่า )

เพื่อการนี้ เอเมรี่ เล่าว่าสโมสรต้องใช้ทุกวิถีทางในการเหนี่ยวรั้งหัวหอกฝรั่งเศสเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการบอกว่าเขาคือโปรเจคต์แห่งฝรั่งเศส แถมยังต้องเพิ่มค่าเหนื่อยและอ๊อปชั่นต่างๆเป็นเงินมหาศาลให้กับเขา

หากกุนซือชาวบาสก์ไม่โป้ปด ก็ชัดเจนเหลือเกินแล้วว่าในใจของ เอ็มบั๊บเป้ ใครกันที่ซุกซ่อนอยู่ใต้สีเสื้อน้ำเงินเข้มของ เปแอสเช

'ภาพฝันวัยเยาว์' มันยากที่จะลบเลือนนะครับ มันคือความทรงจำที่มีคุณค่าและฝังใจ ซึ่งผมเชื่อว่าเราทุกคนต่างก็มีเรื่องราวของตัวเอง เรื่องที่แม้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ก็ไม่จางหาย

ยิ่งเมื่อนึกย้อนกลับไปสมัยตัวเองนอนบนเตียง เอามือเท้าคางเหลือบตามองไปยังโปสเตอร์ที่ผนังห้องนอน ก่อนเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นการย้ำหมุดความฝันให้ตรึงแน่น

โปสเตอร์ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในแอ็คชั่นต่างๆ คือตัวแทนทุกถ้อยคำว่า เอ็มบั๊บเป้ มีใครเป็นไอดอล ยิ่งมองที่เครื่องแบบที่หัวหอกโปรตุกีสสวมใส่ อาภรณ์ชุดกีฬาสีขาวล้วน มองปราดเดียวก็รู้ว่าสโมสรใดที่เจ้าตัวใฝ่ฝันถึง

ลองคิดดูนะครับ เด็กน้อยคนนึงที่ใช้ชีวิตเติบโตมาในห้องนอนเล็กๆที่เต็มไปด้วยโปสเตอร์ของ โรนัลโด้ ในยุครุ่งเรืองกับ เรอัล มาดริด จากนั้นก็มีโอกาสได้บินไปพบกับขวัญใจตัวเป็นๆ ได้ถ่ายรูปคู่ชูสองนิ้ว ได้เยี่ยมชมสนามฝึกซ้อมที่สุดอลังการย่าน บัลเดเบบาส มันจะมีอิมแพคกับเขาแค่ไหน

บางท่านอาจมองต่าง แต่สำหรับผม เรอัล มาดริด ได้เซ็นสัญญาล่วงหน้ากับ เอ็มบั๊บเป้ ไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว เพียงแค่รอเวลาอันเหมาะสมที่จะได้เจอกันเท่านั้น

ส่วน เปแอสเช ก็เห็นกันอยู่ว่ารักและหวงแหน เอ็มบั๊บเป้ เสียยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ เห็นได้จากปฏิกิริยาอันรวดเร็วปานกามนิตหนุ่มที่ออกมาแถลงการณ์ยืนยันว่าหัวหอกวัย 20 คนนี้จะไม่ไปไหนทั้งสิ้นว่า

“สโมสรและ เอ็มบั๊บเป้ นั้นผูกพันกันไว้ด้วยสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และเรื่องราวนี้ก็จะดำเนินต่อไปในซีซั่นหน้า”
.....................
ย้อนกลับไปในช่วงกลางๆคอลัมน์ที่ผมเขียนถึงว่ากระแสข่าวจากบทสัมภาษณ์ของกองหน้าวัย 20 นี้ ได้พุ่งตรงไปยังกรุงมาดริด ซึ่งสื่อดังประจำเมืองหลวงอย่าง มาร์ก้า ก็ไม่รอช้า รับลูกทันทีด้วยการเปิดโหวตให้ มาดริดิสต้า ได้แสดงความคิดเห็นในหัวข้อว่า

“เรอัล มาดริด ควรยื่นข้อเสนอคว้าตัว เอ็มบั๊บเป้ หรือเปล่า ?”

ปรากฏว่าผลโหวตออกมาท้วมท้นครับ จากแฟนๆกว่า 2 แสนคน บอกว่า (มึง)รออะไรอีกล่ะ ยื่นไปเลย !! ถึง 88%

คงมีเพียง 12 %เท่านั้นที่มองว่ายังไม่ถึงเวลา

ครับ ไม่รู้ว่า ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ไปร่วมคลิกโหวตกับแฟนๆด้วยหรือเปล่า แต่ถ้าหากว่าใช่ เขาก็คือ 1 เสียงส่วนน้อยจาก 12% ที่ว่า

เปเรซ อยากได้ เอ็มบั๊บเป้ แน่นอน ยิ่ง ซีเนดีน ซีดาน ก็ไม่ต้องพูดถึง หากแต่ว่าท่านประธานมองว่านี่ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม

ด้วยสายสัมพันธ์อันดีกับ เปแอสเช รวมไปถึงการคงอยู่ของท่านชีคแห่งกาตาร์เจ้าของทีม เปแอสเช ตัวจริง คือสิ่งที่ เปเรซ ไม่อยากทุบทำลาย และเผชิญหน้าด้วย

ด้วยประสบการณ์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาในวงการนี้อย่างโชกโชน ทำให้ เปเรซ ตระหนักได้แทบจะทันทีว่าคงต้องปล่อยดีลนี้ให้ผ่านไปก่อน ลืมสุภาษิตโบราณที่ว่า “น้ำขึ้นให้รีบตัก”ซะ เพราะในแม่น้ำมีจระเข้ตัวเขื่องรอขย้ำอยู่

แท็คติกเดียวที่สามารถงัดขึ้นมาใช้ในการนี้ก็คือ “รอ”

อดทนรอช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะจะอย่างไรเสีย มาดริด ก็กุมความได้เปรียบอยู่ลึกๆ เพราะได้ใจ เอ็มบั๊บเป้ มาครองแล้ว

ที่เหลือก็แค่ปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ของมันไป กระทั่งถึงวันที่ทุกอย่างสุกงอม

วันที่ เอ็มบั๊บเป้ อดรนทนรอให้ภาพฝันวัยเยาว์เป็นจริงอีกต่อไปไม่ไหว วันที่ เปแอสเช เริ่มยอมแพ้กับการพยายามเหนี่ยวรั้ง

เมื่อนั้น เรอัล มาดริด จึงเริ่มลงมือ สวมบทพ่อพระ รุดมาเจราจาอย่างนิ่มนวล และพาตัวเขาไป

#เจมส์ลาลีกา
…………………………

อ่านเพลินๆครับแฟนมาดริด บทความจากพี่เจมส์ ลาลีก้า ผมคิดไว้แบบแกว่า มาดริดได้เซ็นสัญญากับแกตั้งแต่ภาพเอมบ้าปเป้ นอนอยุ่ในห้องที่เต็มไปด้วยโปสเตอร์โรนัลโด้และครับ รอแค่เวลา

ถ้าซื้อเป้ปีนี้ งบเปเรซ 300 ล้าน ก็เกือบหมดแล้วนะ

มีโรนัลโด้ เป็นไอดอล

งั้นต้องมาใส่เสื้อแดงก่อน 6 ปี นะหนูเป้

มืดยังไม่เลย.....ฝันอีกแล้วตรู

เหลือแค่เวลาจริงๆสำหรับคนนี้กับมาดริด

ส่วนตัวคิดว่าน่าจะอยู่ต่ออีกแค่ปีเดียว ปีถัดไปรอดูการย้ายทีมค่าตัวสถิติโลกได้เลย

ปีนี้ไปเลย 555 อาซาร์ด้วย คืออยากเห็น ดูฝั่งบาซ่าเค้าซื้อสิ ฤดูกาลหน้าจะได้ดูเอลกลาซิโก้แบบสนุกๆ ขายออกบ้างซื้อบ้างน่าจะพอบาลานซ์ได้

น่าจะปี 2021 อะครับถึงจะได้ย้าย สัญญาเหลือปีเดียวถ้าไม่ต่อใหม่ไปสะก่อน ปีนี้อย่างที่มาร์ก้าบอกมีลุ้นแค่เนย์มาร์ เพราะอาจจะมีอีเว้นท์อยากย้ายแบบบับเป้ขึ้นมา

ผมว่า สองปีเป็นอย่างน้อยถ้าคิดจะซื้อบาปเป้ จังหวะนี้เอาโยวิชให้ได้ก่อนเถ้อะ ได้ข่าวว่าโดนโก่งเป็นร้อยล้าน ตรูจะบ้า

คงต้องรอใกล้หมดสัญญา

เปลี่ยนมาใส่เบอร์7 ซะขนาดนั้น สถานีต่อไปก็น่าจะ madrid แหละ