การแต่งตั้งใครสักคนเป็นกัปตันทีม มีเงื่อนไขอยู่ไม่กี่ข้อ

ถ้าไม่อาวุโสสุด ก็ต้องเป็นนักเตะลูกหม้อที่อยู่กับทีมมายาวนาน เป็นที่รักของแฟนๆ

หรือไม่ ก็เป็นคนเก่งที่สุด ชนิดที่คนอื่นในทีมไม่สามารถเทียบได้

หรือ ถ้าไม่ใช่เหตุผลข้างต้นที่กล่าวมา คนคนนั้นก็ต้อง "มีความเป็นผู้นำโดดเด่นออกมา"

ถ้าคุณมี Leadership ในตัวเมื่อไหร่ จะอยู่กับทีมมานานแค่ไหน หรืออายุเท่าไหร่ก็ไม่สำคัญ ตำแหน่งกัปตัน มันจะเป็นของคุณอย่างแน่นอน

------------------------------------

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในยุคแรก ก่อนจะมีมหาเศรษฐีมาเทกโอเวอร์ มีกัปตันทีมคือ ริชาร์ด ดันน์ กองหลังตัวแกร่งชาวไอร์แลนด์ ที่อยู่กับทีมมายาวนาน

พอทักษิณ ชินวัตร มาซื้อสโมสรในปี 2007แม้จะมีสตาร์เข้าสู่ทีมมากมาย แต่ดันน์ ยังเป็นกัปตันอยู่

ซีซั่น 2008-09 กลุ่มทุนอาบูดาบี มาซื้อเทกโอเวอร์ซิตี้อีกรอบ แต่ดันน์ ก็ยังได้รับความไว้ใจให้เป็นกัปตันทีมต่อไปอีกซีซั่น

หลังจากริชาร์ด ดันน์ อำลาสโมสรในปี 2009 กุนซือ มาร์ก ฮิวจ์ส ต้องทำการเลือกกัปตันทีมคนใหม่

มีแคนดิเดตในใจอยู่หลายคน ถ้ายึดตามหลักอาวุโส ก็ต้องเป็นนายทวารเชย์ กีฟเว่น ที่ตอนนั้นอายุ 33 ปี

หรือถ้าจะเอาลูกหม้อ ก็ต้องเลือกพวกไมคาห์ ริชาร์ดส์ หรือ สตีเฟ่น ไอร์แลนด์

ถ้าจะเอาคนเก่งก็มี คาร์ลอส เตเวซ , โรบินโญ่ , เอ็มมานูเอล อาเดบายอร์ ที่เป็นตัวเลือกนั้น

แต่หลังจากพิจารณาอย่างดีแล้ว มาร์ก ฮิวจ์ส เลือกคนที่มีภาวะผู้นำสูงสุด ซึ่งได้แก่โคโล ตูเร่ เซ็นเตอร์แบ็กวัย 28 ปี

จริงๆเขามีอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ คือแวงซ็องต์ ก็องปานี เด็กหนุ่มวัย 23 ปีที่มีความเป็นผู้นำในตัวสูงมากๆเช่นกัน แต่ทว่า เขามองว่า ตูเร่ เป็นตัวหลักของทีมมากกว่า อายุกำลังดี และที่สำคัญ เคยมีประสบการณ์เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้ว นั่นทำให้ ฮิวจ์ส มอบปลอกแขนให้ตูเร่

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ตูเร่ เซอร์ไพรส์ก็คือ เขาได้เป็นกัปตันทีมแค่ 1 ปีเท่านั้น

ยังไม่ทันได้ชูถ้วยแชมป์อะไรเลย เขาโดนปลดตำแหน่งเสียแล้ว

ระหว่างซีซั่น 2009-10 มาร์ก ฮิวจ์ส โดนไล่ออก และเป็นโรแบร์โต้ มันชินี่ มาคุมทัพแทน ตอนแรกเขาก็ยอมให้ตูเร่ เป็นกัปตันอยู่หรอก แต่พอจบซีซั่นปั๊บ เขาตัดสินใจเลือกกัปตันทีมคนใหม่

มันชินี่ ยกปลอกแขน ให้คาร์ลอส เตเวซ

เตเวซ ไม่ใช่คนที่มีความเป็นผู้นำเลย เขาอินดี้ ทำอะไรตามอารมณ์ ภาษาอังกฤษก็พูดไม่แข็ง ไม่ได้มีทักษะที่ดีในการสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีม

แต่สิ่งที่ทำให้มันชินี่ เลือกเตเวซ คือความเก่งกาจ ในทีมซิตี้ ตอนนั้นเตเวซคือผู้เล่นฝีเท้าเบอร์หนึ่ง เขายิง 29 ลูกในปีเดียว เป็นดาวซัลโวของทีม แฟนๆเรือใบชอบเตเวซมากๆ

"บอสมาหาผมก่อนฤดูกาลจะเริ่ม" ตูเร่เล่า "เขาบอกว่าต้องตัดสินใจสิ่งที่ยากลำบากมากๆ แต่เขาเลือกให้คาร์ลอส เตเวซ เป็นกัปตัน เพราะคิดว่าเมื่อได้แต่งตั้งเป็นกัปตันแล้ว ด้วยความรับผิดชอบในตำแหน่ง เตเวซ จะมีส่วนร่วมกับเพื่อนๆมากขึ้น"

"เขายกตัวอย่างดีเอโก้ มาราโดน่า ที่นาโปลี ที่พอได้เป็นกัปตันทีมแล้ว ก็เล่นได้อย่างมหัศจรรย์มากๆ"

"ผมบอกโรแบร์โต้ไปว่า ไม่มีปัญหาอะไรเลย ผมยอมรับการตัดสินใจโดยดี คือตัวผมไม่ได้คิดว่าตัวเองสำคัญที่สุด ถ้าการเปลี่ยนกัปตัน เป็นผลดีกับสโมสรผมก็ยินดี"

นั่นทำให้เตเวซ กลายเป็นกัปตันคนใหม่ของทีมเรือใบสีฟ้า

นี่ถือเป็นเรื่องน่าสนใจดี คนเก่งกาจที่สุด แต่ไม่มีความเป็นผู้นำเลยสักนิด จะสามารถนำพาทีมประสบความสำเร็จได้หรือไม่

------------------------------------

"ขอบคุณผู้จัดการทีมมากสำหรับโอกาสนี้" คาร์ลอส เตเวซ กล่าว "แต่แน่นอน มันตามมาด้วยความรับผิดชอบ"

"ตามปกติ คุณเล่นเป็นกองหน้า ในเกมคุณอาจจะเงียบหายไปได้สัก 10 นาที แล้วค่อยโผล่มามีส่วนร่วมใหม่ แต่ในเมื่อผมเป็นกัปตันแล้ว ผมไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ต้องมีสมาธิกับเกม และมีส่วนร่วมตลอดเวลา"

เตเวซ ดูมีความตั้งใจดี แต่ตำแหน่งกัปตันทีมนั้น มันไม่ได้เป็นกันง่ายๆ การจะเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนรอบข้างได้นั้น คุณต้องเป็นแบบอย่างที่ดีเสมอ

การซ้อมแต่ละวัน ถ้าคนเป็นกัปตันยังมาสาย แล้วใครจะยอมรับ

ถ้าคนเป็นกัปตันเอาแต่ลอยตัวหนีปัญหา ไม่ยอมมาใกล้เกลี่ยขอพิพาทของนักเตะในทีมด้วยกัน และกัปตันจะมีประโยชน์อะไร

เตเวซนั้นเป็นคนเก่งก็จริง แต่เขาขาดทักษะในการอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างรุนแรง เขาไม่ค่อยสนใจความรู้สึกอื่นใดของเพื่อนร่วมทีมนัก

นอกจากนั้น ยังมีปัญหาทะเลาะกับมันชินี่ตลอดเวลา เกือบต่อยกันในสนามซ้อมก็เคยมาแล้ว การได้เป็นกัปตันทีม แทนที่จะเพิ่มความน่าเคารพ แต่เหมือนกลายเป็นเครื่องมือให้เตเวซ สามารถก้าวร้าวได้มากขึ้นกว่าปกติ โดยใช้คำว่ากัปตันทีมบังหน้า

------------------------------------

ผ่านไป 1 ปี มันชินี่ จึงรู้ตัวว่า เขาแต่งตั้งกัปตันทีมผิดคนเสียแล้ว

แทนที่แต่งตั้งเป็นกัปตันแล้วเตเวซจะดีขึ้น แต่กลายเป็นว่า เป็นอาวุธที่คอยมาทิ่มแทงตัวเขาเองเสียอย่างนั้น มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ในที่สุด มันโช่ จึงตัดสินใจบอกเตเวซว่า จะริบตำแหน่งปลอกแขนกัปตันทีม เพราะเตเวซ อาจเหมาะกับการเป็นกองหน้าที่ยิงประตูอย่างเดียวมากกว่า โดยไม่ต้องสนใจถึงความรับผิดชอบใดๆด้านอื่น

การโดนยึดปลอกแขน ทำให้เตเวซก้าวร้าวยิ่งขึ้น ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีก กับบาเยิร์น มิวนิค มันชินี่ต้องการส่งเตเวซที่เป็นตัวสำรองลงสนามท้ายเกม แต่เตเวซปฏิเสธ ไม่ขอลงเล่น เป็นการฉีกหน้าผู้จัดการทีมอย่างรุนแรง

มันชินี่ สั่งปรับเงินค่าเหนื่อยเตเวซ 2 สัปดาห์ เป็นเงิน 4 แสนปอนด์

แต่แทนที่เขาจะสำนึกผิด เตเวซตัดสินใจบินกลับอาร์เจนติน่ามันซะเลย โดยไม่ซ้อมฟุตบอลอีกต่อไปที่แมนเชสเตอร์

ในภาษาอังกฤษเรียกว่า AWOL หรือ Absent Without Official Leaving แปลว่า หยุดงานโดยไม่แจ้งลา ซึ่งถ้าเป็นคนในอาชีพอื่นๆ นี่สามารถโดนไล่ออกจากงานได้เลย

นอกจากนั้นยังเชื่อว่า เขาก่อหวอดในห้องแต่งตัว ให้นักเตะบางคน โดยเฉพาะกลุ่มพวกอาร์เจนติน่า อย่างกุน อเกวโร่ หรือ ปาโบล ซาบาเลต้า เกิดอาการต่อต้านมันชินี่ขึ้นมา

จะเห็นได้ว่า นอกจากจะไม่สร้างความกลมเกลียวแล้ว ตัวเตเวซนี่สร้างดราม่าให้เกิดขึ้นในทีมอย่างหนักข้อขึ้นอีกต่างหาก

เขาไม่ใช่ชอยส์กัปตันทีมที่ดีเลย

แสดงให้เห็นว่าคนเก่งที่สุด ก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นผู้นำที่ดีที่สุดเสมอไป

------------------------------------

นั่นทำให้การเลือกกัปตันคนต่อไป ของแมนฯซิตี้ ต้องทำด้วยความละเอียดรอบคอบขึ้น

โรแบร์โต้ มันชินี่ ใช้กัปตันทีมเปลืองมาก โคโล่ ตูเร่ 1 ปี , เตเวซ 1 ปี ดังนั้นคนต่อไป ควรจะเป็นผู้นำอย่างแท้จริง ที่จะเป็นหลักยึดเหนี่ยวให้กับทีมไปนานๆ

จริงๆมีตัวเลือก ที่เหมาะสมหลายคนมากเช่น ยาย่า ตูเร่ (28 ปี) หรือ แกเร็ธ แบร์รี่ (30 ปี)

แต่สุดท้ายมันชินี่ ตัดสินใจเลือกแวงซ็องต์ ก็องปานี ด้วยเหตุผลคือ ความเป็นผู้นำของก็องปานีนั้นมีเต็มเปี่ยม แม้จะเพิ่งย้ายมาอยู่กับทีมได้แค่ 3 ปี แต่ก็เข้าใจวัฒนธรรมต่างๆของสโมสรเป็นอย่างดี

นอกจากนั้นยังมีอายุ 25 ปี ซึ่งสามารถยืนหยัดเป็นกัปตันต่อไปได้อีกหลายปี

ก็องปานี ตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตัน เขาเป็นจุดศูนย์กลางของทีมมาโดยตลอด

การให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนทำได้ชาญฉลาดเสมอ ตัวอย่างเช่น ช่วงที่เตเวซไม่ยอมลงสนามในเกมกับบาเยิร์น สื่อเริ่มยุยงว่า แมนฯซิตี้ มีปัญหาภายในเยอะ อาจไม่พร้อมต่อการแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก

แต่ก็องปานี ออกมาให้สัมภาษณ์สยบข่าวลือ ว่าเรื่องของเตเวซ มันสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเตเวซกับผู้จัดการทีม แต่ความกลมเกลียวในทีมของทุกคนยังเหมือนเดิม ยังพร้อมไล่ล่าแย่งแชมป์ ไม่มีปัญหาภายในอะไรตามข่าวทั้งสิ้น

ความเป็นผู้นำของก็องปานี นั้นเด่นชัดมาก เขาพูดอะไรแล้วทุกคนต้องหยุดฟัง

ในซีซั่นที่แล้ว ตอนแมนฯซิตี้ ทำแต้มนำคู่แข่งขาดลอย และเตรียมคว้าแชมป์แน่ๆ ก็องปานี เรียกนักเตะในทีมมารวมกัน แล้วถามว่า จำในซีซั่น 2011-12 ได้หรือไม่ อีก 6 เกมสุดท้าย แมนฯยูไนเต็ดนำซิตี้อยู่ 8 คะแนน เหมือนจะได้แชมป์แน่ๆ แต่สุดท้าย กลับโดนซิตี้แซงได้สำเร็จ

ดังนั้น จนกว่าจะได้แชมป์ทุกคนจะเลินเล่อ และประมาทไม่ได้เด็ดขาด ต้องเล่นจริงจังเต็มร้อยจนกว่าจะจบฤดูกาล นั่นทำให้สุดท้ายซิตี้ เก็บได้ 100 คะแนน สูงสุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

------------------------------------

ก็องปานี เคยให้สัมภาษณ์ว่า การเป็นผู้นำ จำเป็นต้องมี "ศาสตร์" เหมือนกัน มีทริกหลายๆข้อที่เขาต้องทำ เพื่อเป็นกัปตันทีมที่ดี

1) ยอมเป็นคนกลาง

"ทุกวันจะมีเพื่อนร่วมทีมมาถามผมตลอด เช่น วินนี่นายไปถามผู้จัดการทีมให้หน่อยสิ ว่าวีกหน้าขอหยุดเพิ่มอีกวันได้ไหม อะไรทำนองนั้น"

"จริงๆผมรู้อยู่แล้วว่า ผู้จัดการทีมต้องตอบว่า ไม่ได้ แต่ผมก็ยังต้องไปถามเขาให้เพื่อนๆ จากนั้นก็ต้องคอยอธิบายเหตุผลว่า ทำไมผู้จัดการทีมถึงตัดสินใจแบบนั้น"

"นอกจากนั้น การเป็นกัปตันคุณต้องคอยเชื่อมระหว่างทีม กับสโมสรด้วย อย่างเช่นถ้ามีงานสังคม งานอีเวนต์ คุณต้องทำให้แน่ใจว่าทุกคน สนใจกับกิจกรรม ไม่ใช่ปล่อยผ่านไปแบบขอไปที"

2) ถ่ายทอดความรู้ให้เยาวชน

กัปตันทีม จำเป็นต้องคิดถึงอนาคตของทีม ซึ่งอนาคตก็คือเยาวชน และนักเตะดาวรุ่งทั้งหลาย หน้าที่ของกัปตันคือ กระตุ้นให้ นักเตะซีเนียร์ แนะนำ และถ่ายทอดความรู้ให้ดาวรุ่ง

"เราจำเป็นต้องสร้างบรรยากาศที่ดีในทีม บรรยากาศของความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน อย่าให้มีความรู้สึกว่าต่างคนต่างมา" \

3) ทำตัวอย่างให้เห็น

การเป็นกัปตันทีมแล้ว ไม่ใช่ว่าคุณจะได้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่น แต่คุณจำเป็นต้องซ้อมหนักทุกวัน เพื่อให้ลูกทีมเคารพในตัวคุณ

"ทุกวันนี้ กับผมตอนอายุ 17-18 ก็ไม่มีอะไรต่างกันเลย ผมซ้อมหนักทุกวัน และทุกเกมที่ผมเล่น ไม่ว่าจะรายการไหน ต้องจริงจังเสมอ อย่างผมในการซ้อมถ้าหากแข่งแล้วแพ้ ผมจะอารมณ์เสียนะ"

"ซึ่งนักฟุตบอลอาชีพต้องแบบนี้ คุณต้องจริงจังกับการแข่งเสมอ"

4) ช่วงสำคัญต้องเป็นหลักให้ทีมได้

"ก่อนเกม ผมจะกระตุ้นทีมเสมอ อีกคนที่ทำบ่อยๆตอนอยู่แมนฯซิตี้ คือ โจ ฮาร์ท"

"ในช่วงเวลาที่ทุกอย่างนั้นเป็นไปอย่างย่ำแย่ คุณต้องบอกลูกทีมว่ามันยังไม่จบ ถ้าเราตามหลัง นักเตะบางคนจะเริ่มหมดกำลังใจ เราต้องบอกว่า อย่าเพิ่งยอมแพ้ ให้วิ่งไปก่อนจนกว่าจะหมดพลัง"

"สิ่งสำคัญกว่าสกอร์คือทัศนคติ ในยามที่ทุกคนต้องการมองหาใครสักคน กัปตันทีมต้องเป็นคนนั้น"

5) อย่าให้ท้ายลูกทีมมากเกินไป

"แน่นอน การเป็นกัปตันทีมคุณต้องทำเพื่อทีม แต่บางครั้ง คุณต้องเป็นคนที่ระงับสติอารมณ์ของนักเตะในทีมด้วย อย่างเช่น อย่าเป็นคนผสมโรงเข้าไปด่ากรรมการ เพราะ ถ้าหากกัปตันทีมน็อตหลุด ทีมก็จะสติหลุดไปกันหมด"

"คู่แข่งเมื่อเห็นเรา โมโหใส่กรรมการ ก็อาจจะชี้นำกรรมการ ให้ตัดสินแย่ๆกับเราในเพลย์ต่อไปได้ ดังนั้น เมื่อเป็นกัปตัน คุณเป็นกระบอกเสียงให้ทีม คอยพูดแทนพวกเขา แต่อย่าให้ท้ายมากเกินไป คอยระวังว่ามันไม่ไปกระทบคนอื่นด้วย"

------------------------------------

หลังเปลี่ยนกัปตันทีมจากเตเวซ เป็นก็องปานี

แมนฯซิตี้ ก็ไม่เคยต้องกังวลใจอีกเรื่องในเรื่องผู้นำของทีม เพราะก็องปานี คือคนที่เหมาะที่สุดแล้ว

พวกเขาเคยมีตัวอย่างแย่ๆมาก่อน พอมาเจอคนที่มีบุคลิกของ Leader จริงๆ ก็รู้ว่า กัปตันที่ดี มันต้องเป็นแบบนี้ต่างหากเล่า

หลังจาก ที่ก็องปานี ตัดสินใจยุติ 11 ปีกับแมนฯซิตี้ เพื่อเส้นทางอาชีพต่อไปในอนาคต ไม่แปลกใจที่ทุกคน ออกมาแสดงความเศร้าใจขนาดนี้

นักเตะซิตี้ทุกคน สตาฟฟ์โค้ช และแฟนบอล รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ครั้งหนึ่ง เคยมีนักเตะที่ชื่อแวงซ็องต์ ก็องปานี เป็นกัปตันทีมให้พวกเขา

ผู้นำทั่วไป กับ ผู้นำที่ดี ต่างกันอย่างไร?

ผู้นำทั่วไป ก็เป็นเพียงแค่หัวหน้าตามตำแหน่ง จบงานแล้วก็จบ ไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ ต่อจิตใจ

แต่ผู้นำที่ดี ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ จะอยู่ในใจของคนที่ร่วมงานด้วยเสมอ

อยู่ก็รัก พอจากไปก็คิดถึง

#Kompany #Tevez

------------------------------------


คุณจะเป็นกัปตันในใจผมตลอดไป



ที่มา https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2242891149259456&id=1763193370562572

ผมแทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำหลังจาก ดันน์แล้วใครได้ปลอกแขนกัปตันทีมบ้าง

เพราะ คนที่คู่ควรกับคำว่า "กัปตัน" ก็คือ กัปตันยังไงล่ะ..

จากนี้ไปไม่ว่าจะกี่ปี ๆ ตำนานกองหลังกัปตันทีมผู้ก็จะคงอยู่ในใจทุกคนเสมอ

จากชุดปัจจุบัน ก็ดูมีแววเป็นกัปตันต่อได้หลายคนนิ
ส่วนตัวอยากให้เป็นแบร์นาโด้นะ แต่เห็นเขาว่าเกรียนไปหน่อย

ชอบมากเลย อ่านแล้วซึ้ง ว่ากัปตันเราดีไม่แพ้ทีมไหน

เวลามีกอมปานีอยู่ มันดูอุ่นใจแบบบอกไม่ถูก
คือเวลาแกไปคุยกับกรรมการ แกดูมีวุฒิภาวะมากพอ เรียนรู้ ทำความเข้าใจ และคุมเพื่อนได้ ต่างจากหลายคนที่เอาแต่โวยๆ แล้วก็โดนใบเหลือง

นึกถึงช่วงนึงที่สโตน ยืนคู่ลาปอร์ต เด็กกันทั้งคู่ ขาดตัวที่เป็นผู้นำ ช่วงท้ายเกมที่โดนนำ ทั้งคู่ช่วยดึงกันไม่ได้ กลายเป็นเร่งเกม จ่ายเสีย พอหลังไม่นิ่ง ก็กลายเป็นผิดกระบวนไปทั้งทีม (เป็นอีกเหตุผลที่เป๊ปเลือกใช้งานกอมปานีในช่วงท้ายซีซัน)

การได้แชมป์แต่ละครั้งของแมนซิ 3จาก4 เป็นการบดกับคู่แข่ง แบบสูสี ซึ่งทำให้ทีมเผชิญความกดดันอย่างมาก ก็ได้ประสบการณ์ของกอมปานีที่คอยปลุกเร้าและคุมเพื่อน ให้เล่นได้ตามเกมของตัวเองอย่างสุขุม ไม่รน และเร่งจนผิดจังหวะเกินไป (เห็นได้จาก3ครั้งนั้น ท้ายซีซัน ทีมเก็บชัยชนะรัวๆ)

ก่อนหน้านี้กอมปานียังบอกลูกทีมคนอื่นว่า "เกมกดดันและความสูสีในการลุ้นแชมป์เนี่ยแหละ จะดึงศักยภาพของผู้เล่นได้มากที่สุด" ซึ่งนี่น่าจะเป็นคำพูดที่ทำให้เพื่อนร่วมทีม มีกำลังใจในการไล่ล่าแชมป์และสามารถชนะเกมลีค 14นัดรวดได้


นึกถึงเมื่อก่อน มีตัวปลุกเร้าทีมหลายคนเลย ทั้งฮาร์ท เซโก้ ยาย่า

แบร์นาโด้ มันเป็นตัวโจ๊กซึ่งโดนเพื่อนในทีม อย่าง เมนดี้ เอเดอซอน วอคเกอร์ แกล้งอยู่แทบเป็นประจำอ่ะครับ

นึกภาพเวลามีเพื่อนตัวเล็ก ๆ ออกมั้ยล่ะครับ ก็อยากจะแกล้งมันอะไรงี้

คือในสนามมันสู้ฟัด มันโวย มันโคตรเอา แต่นอกสนามยังขาดความน่าเกรงขามอยู่มากครับ

จำช่วงที่เลือกกัปตันในสมัยนั้นได้ลางๆ
ตอนนั้นผมยังเล่นพันทิปอยู่แฟนบอลส่วนใหญ่เห็นด้วยที่สุดท้ายกอมฯได้เป็นกัปตัน
แล้วก็ลากยาวมาจนถึงปัจจุบันดีใจที่ดูคนไม่ผิด

ไม่น่าจะได้ครับ พี่แกโดนคนอื่นแกล้งประจำ ลองไปดูคลิปได้
น่าจะเป็นซิลบาแทนอีกสัก1ปี ถ้าไม่นับKDB หลักจากนั้นรุ่นใหม่ๆตอบยากมากว่าใครจะได้

กอมปานีลงมาเล่นดีกว่าลาปอร์ตอีก การเข้า การอ่านเกม ช่วยเรือหลังๆได้บ่อยมาก ลาปอร์ตนี่จังหวะเข้าบอลไม่ค่อยดี ชอบวิ่งประคองซะมากกว่า เเต่กอมปานีเข้าบอลแม่นมาก จังหวะเข้าก็เข้า ทุ่มสุดตัว พี่แกลงมาเเล้วเหมือนหงส์มีVVDอะ ความรู้สึกเดียวกัน

พูดแล้วก็คิดถึงโจ ฮาร์ท เขาคือตำนานของทีมอย่างไม่ต้องสงสัย และเขาเป็นรองกัปตันที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่ซิตี้เคยมีสำหรับผม

อารมร่วมกับเกมคือ100เต็ม100 เก็นแกตะโกนกระตุ้นเพื่อน ตะโกนสั่งแล้วเจ็บคอ แทนเลย

สุดยอดกัปตันเลยจริงๆ