เปิดดูคลิปจากเว็บเฟสบุค 


มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ใช้โดรนขนส่งไตเพื่อใช้ผ่าตัดปลูกถ่ายให้คนไข้ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก นับเป็นความสำเร็จอีกขั้นที่จะช่วยเปิดทางไปสู่การใช้อากาศยานไร้คนขับขนส่งทางการแพทย์ในระยะทางที่ไกลขึ้น ซึ่งช่วยประหยัดทั้งเวลาและแก้ปัญหาด้านความปลอดภัยของวิธีการขนส่งอวัยวะที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

โดรนลำนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างทีมศัลยแพทย์ วิศวกร สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (Federal Aviation Administration - FAA) ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหาอวัยวะ นักบิน พยาบาล และคนไข้

นายแมต สคาสเซโร หนึ่งในทีมวิศวกรผู้พัฒนาโดรนจากมหาวิทยาลัยแมริแลนด์ ระบุว่า ความพิเศษของโดรนลำนี้คือ ถูกออกให้สามารถบรรทุกน้ำหนักของอวัยวะ รวมทั้งอุปกรณ์เก็บรักษาและเฝ้าสังเกตไม่ให้อวัยวะได้รับความเสียหายระหว่างการขนส่ง ซึ่งประกอบไปด้วยกล้องและอุปกรณ์ติดตาม รวมทั้งอุปกรณ์สื่อสาร

นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยพิเศษสำหรับการบินในเขตเมือง ได้แก่ เครื่องยนต์สำรอง 8 เครื่อง สำหรับใช้ในกรณีที่หนึ่งในเครื่องยนต์หยุดทำงาน และมีร่มชูชีพไว้ใช้หากเครื่องยนต์ทั้งหมดหยุดทำงานพร้อมกัน ซึ่งจะช่วยให้โดรนสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัย

แม้ที่ผ่านมาจะมีการนำโดรนมาใช้ในการขนส่งทางการแพทย์ เช่น การใช้โดรนขนส่งโลหิตไปยังพื้นที่ห่างไกลของประเทศรวันดา แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกในการใช้โดรนขนส่งอวัยวะซึ่งถือเป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อน เพราะอวัยวะที่ใช้ปลูกถ่ายเสื่อมสภาพลงทุกนาที ดังนั้นความล่าช้าในการขนส่งจึงเป็นอันตรายต่ออวัยวะที่จะนำไปใช้ผ่าตัดปลูกถ่ายให้แก่คนไข้

ข้อมูลจาก United Network for Organ Sharing (UNOS) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งศึกษาและบริหารจัดการระบบปลูกถ่ายอวัยวะในสหรัฐฯ ระบุว่า เมื่อปี 2018 มีผู้รอรับการปลูกถ่ายอวัยวะในสหรัฐฯ ราว 114,000 ราย และมีอวัยวะที่ขนส่งไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง 1.5% และอีกเกือบ 4% ประสบปัญหาการขนส่งล่าช้ากว่า 2 ชั่วโมงขึ้นไป ดังนั้น การใช้โดรนมาช่วยในการขนส่งจึงเป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้

ข่าวจาก BBC THAI
https://www.bbc.com/thai/features-48238215?ocid=socialflow_facebook&fbclid=IwAR3VbiFkZlxCWAJ_t60XbhECvj-Bgs0JJUCCOOp9VhdoBGMLH0Q6-gOIxHw

------------------------------------------------------------------------

วิธีนี้ดีสุดละเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินต้องการเลือดด่วน หรือยาบางประเภท

โดรนแบบมีคนนั่งมาด้วย แล้วเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินคงดี หนีรถติดในเมือง

แต่คงต้องทำให้สเถียรภาพมากกว่านี้ ปลอดภัยกว่านี้

ใช้เฉพาะทางการแพทย์

สอยมันลงมา ของในนั้นมันมีมูลค่า

ประเทศอื่นเขากำลังแข่งขันเทคโนโลยีกัน ประเทศตรูยังแบ่งที่นั่งในสภาไม่ได้เลย

5 km ใน 10 นาที = 30 km/hr

ถ้ารถไม่ติด ใช้รถน่าจะเร็วกว่านะ

กลางเมืองใหญ่ๆ 5km 10นาทีถือว่าเจ๋งมากแล้วนะครับ ไม่งั้นต้องผ่านอีกไม่รู้กี่สิบแยก

บางเวลาผู้ป่วย 5-10 นาทีก็มีความหมาย ขอให้เอาใช้งานทางธุรกิจได้จริงในอนาคต

นึกแล้วเศร้า ประเทศอื่นไป hyperloop ประเทศตูยังนั่งรถเมล์รมควันดำ ราคาแพงขึ้น ไปทำงาน