ผมคิดว่าในทีมต้องมีปัญหานักเตะภายในที่ใหญ่พอควรแหละ มันถึงแก้ไม่ได้ง่ายๆ อย่างเชลซียอมปล่อยคอสต้า ปล่อยคูตัว รักษาภาพรวมของทีม ถึงแม้ผลงานจะตกลงด้วยก็ตาม ส่วนผีบางคนดูเป็นลูกรักมากจนเกินไป ไม่มีใครกล้าจัดการจริงจัง

ตอนนี้"พี่น้อย"สามารถพูดความจริงออกมาได้แล้ว เพราะจะย้ายทีมแล้วไม่ต้องเกรงใจบางคนในทีมที่ทำให้ผลงานแย่

นักเตะก็ใช่
มูเองก็ไม่ย่อย ด่านักเตะออกสื่อตลอด

อยากทราบว่า จากรายชื่อข้างต้นนั้น มีคนไหนที่มูต้องการ"จริงๆ" ไม่ใช่ว่าเป็นตัวเลือกรองหรือแก้ขัด หลังจากที่ไม่ได้ตัวที่ต้องการจริงๆ อันนี้ผมไม่รู้จริงๆนะ

ผมคิดอีกแบบนะดูอย่างเป๊บสิ พอเข้ามาทำทีมปีที่ 2 โละกองหลังซื้อใหม่ยกแผงแถมแต่ละตัวโคตรแพงราคาระดับ 40M-60M ทั้งนั้น หรือซื้อโกลล์มาพลาด(บราโว่) ปีต่อมาก็ทุ่มซื้อโกลล์ใหม่มาแทนเป็นราคาสถิติโกลล์ลีกอังกฤษ(ณ ตอนนั้น)ทันที ทุกวันนี้เป็นไงคนเลิกพูดกันไปหมดแล้วว่าพวกนี้ค่าตัวเท่าไร

หันมาดูมูใครๆก็รู้ว่าแผนมูจะเทพก็ต่อเมื่อกองหลังแข็งเท่านั้น ทีนี้พอซื้อตัวกองหลังพลาด(ลินเดเลิฟ)+กองหลังที่มีอยู่เดิมไม่ห่วยแตกก็เจ็บบ่อย มูเลยอยากโละสร้างกองหลังขึ้นมาใหม่ (ที่เป็นข่าวใกล้ได้มากที่สุดก็แม็คไกว์กับโทบี้) แต่บอร์ดแมนยูดันไม่สนับสนุนหาว่านักเตะที่มีเพียงพอ แล้วดันไปทุ่มซื้อนักเตะตำแหน่งที่ถือว่าแข็งสุดในทีมอย่างเฟร็ดมาแทน...แถมไปขวางไม่ปล่อยนักเตะที่มูคิดว่าทัศนคติไม่ดีอย่างมาชิยัล (ไปคิดแทนโค้ชอีก)

แต่มูก็มีส่วนผิดด้วยตรงที่พอบอร์ดไม่ซื้อตัวให้ได้ดั่งใจก็ออกอาการเกรียนแตกด่ากราดทั้งนักเตะทั้งทีมไปทั่วจนสปิริตทีมพังหมด (แย่สุดตรงด่าป๊อกออกสื่อว่าเป็นไวรัสของทีม คือถึงมันจะเป็นแบบนั้นจริงๆก็ไม่ควรพูดออกสื่อ) รูนี่ย์ที่ยังคุยกับคนในสโมสรอยู่ถึงกับออกมาบอกเลยว่าบรรยากาศทีมในตอนนั้นโคตรแย่ พอโซลชามานักเตะเลยมีพลังแฝงอยากเล่นดีประชดมูกัน แต่พอพลังแฝงหมดก็เข้าลูปเดิม สรุปบ่นมายาวแม่งพังทั้งทีมตั้งแต่บอร์ด โค้ช ยันนักเตะ

น้ามูอาจไปคุมปารีสก็ได้

นักเตะกากเองด้วย แต่ก็ต้องโทษมูและทีมงานแมวมองด้วยว่าตัวที่จะซื้อมาเป็นแกนหลัก ผลงานไม่ได้เรื่อง ซื้อเลิฟกับไบญี่มารวมกัน 70 ล้านแต่ผลงานไม่ดี ผมเป็นผู้บริหารก็หนักใจอะว่าจะทุ่มเงินให้อีกมั้ย สำหรับผมให้นักเตะ 30% บอร์ดกับมูรับไป 70% ถ้านักเตะซื้อมามันเข้าเป้า เราคงไม่ต้องมาโละเยอะแบบจบฤดูกาลนี้

โคตรเสียใจที่นายไป

ทั้งๆที่ในยุคมู พอมาติชมา นายแทบไม่ได้ลง แต่ก็ยังไม่เคยพูดเสียหายกับลูกพี่

ยังคิดถึงมูนะครับ จากใจ...

ผีกับเรือช่วงนั้นมันต่างกันนะ ผียังไม่ได้โควต้า ucl ซื้อใครยากขึ้น ขณะที่เรือลุ้นแชมป์ชัวร์ๆ แถมเติมจากตำแหน่งที่เป๊บเห็นปัญหาแล้ว ปีแรกที่เป๊บคุม ไม่ได้แชมป์ แต่แกสร้างระบบ ทำทีมขึ้นมา มีรูปร่าง แล้วมูล่ะ หลังจากได้แชมป์ปีแรก อีกสองปีวนกับนักเตะที่ซื้อมาไม่เข้าแผน หาเรื่องซื้อใหม่ กดดันบอร์ดว่าไม่ทุ่มให้ แล้วทำไมไม่เลือกก่อนแบบเป๊บ ดูจากงบที่ซื้อ ถ้าไม่เอาแบบคูลิบาลี่ vvd (ที่อาจโดนโก่งเพิ่ม) ตัวอื่นๆคงได้แหละ
ข่าวแมคไกว โทบี้ เกิดหลังจากที่ซื้อทั้งไบยี่ เลิพ ดาโร มาแล้วหรือเปล่า บอร์ดยังจะซื้อให้อีกเหรอ เดิมๆยังปล่อยไม่ออกเลย
เช้าใจว่าแฟนบอลอยากเปลี่ยนตัวผู้เล่นไปๆซะ แต่ในโลกความจริงมันไม่ง่ายแบบในเกมไง ใช่ว่าจิ้มขายแล้วมันจะมีคนมาซื้อเลย หรือจิ้มซื้อคนจะขายเลย

ที่มูไม่ได้ต้องการที่เป็นข่าวชัดเจนคิดว่าน่าจะลูกากูครับ ตอนนั้นมูรีเควสโมราต้า แต่แมนยูมีปัญหาโดนมาดริดโก่งค่าตัวเลยไปจบที่ลูกากู แต่ลองนึกสภาพโมราต้าถ้ามาจริงผมว่ามูอาจจะไปตั้งแต่ปีที่แล้วไปแล้ว ปีที่แล้วลูกากูว่าสากยังยิงเยอะจนเป็นดาวซัลโวของทีมอยู่

ทำบุญมาด้วยอะไรเนี่ย
ขนาดช่วงไม่มีงานยังมีคนมากู้เครดิตให้

แล้วนิยามของคำว่าผู้จัดการทีมมันคืออะไรล่ะ
เงินก็ถมให้ตั้งไม่รู้เท่าไหร่ ซือมาแต่ตัวพร้อมใช้ ใกล้หมดอายุ
ถ้าเก่งอย่างที่เค้ายกย่องจริง ต้องจัดการปัญหาพื้นฐานแบบนี้ได้ดิ

จำได้ว่าช่วงนั้นแฟนผีมีวอร์แฟนสิงห์เป็นพักๆ เรื่องไปปาดหน้ากัน สุดท้ายโดนจับเทียบผลงานแล้วแฟนสิงห์ขอไม่พูดดีกว่า
ถ้ามาจริง โคตรไม่เข้าระบบมู พักบอล บังบอล ต่อบอล แบบที่มูต้องการไม่ได้เลย เทียบกับก่อนนี้กองหน้ามู ดรอกบา สลาตัน มิลิโต้ โด้ คนละชั้นมาก

แต่ต้องยอมรับครับว่านักเตะผีกากจริงแถมเยอะด้วย ซึ่งตอนนั้นผมเองก็ยอมรับเหมือนกันว่าโทษแต่มูอย่างเดียวซึ่งคิดผิด ยกตัวอย่างมาซิยาล หรืออเล็กซิสนี่ชัดเจนเลยคิดว่าภายใต้การทำทีมของคนอื่นมันจะยกระดับขึ้นสุดท้ายหมดสภาพเกินจะทน

นี่แหละลักษณะของผู้นำทีมที่แท้จริง เวลาเกิดความผิดพลาดอะไรในทีมเขาไม่คิดแต่จะโบ้ยให้คนอื่นแต่กลับมองดูตัวเองก่อนและโทษตัวเองที่ลงไปทำหน้าที่ในสนามมากกว่าโทษคนอื่น ทั้งๆที่จริงแล้วการที่ทีมมาอยู่ ณ จุดนี้จริง ๆก็ต้องรับผิดชอบด้วยกันทั้งหมด ทั้งผู้จัดการทีม สตาฟโค้ช นักเตะ แต่เขาไม่หลบอยู่ด้านหลัง กลับเลือกที่จะออกมาพูดหลายครั้งตำหนิการทำหน้าที่ของนักเตะในสนามแทนที่จะโทษโน่นนี่ ก่อนหน้านี้เอร์เรร่าก็สัมภาษณ์แนวนี้ตลอด

เสียดายเอร์เรร่าจริง ๆ ครับ ฝีเท้าได้ หัวจิตหัวใจได้ เป็นผู้ใหญ่ทั้งการสัมภาษณ์และการแสดงออกเป็นแบบอย่างนักเตะที่เป็นมืออาชีพจริงๆ