#opinionบอลไทย by ยอดี้
จากผลงานแข่ง 5 นัด ชนะ 2 แพ้ 3 เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ส่งผลให้ โค้ชเบ๊ ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก ตัดสินใจรับผิดชอบผลงานตามคำสัญญาประกาศลาออก จากการเป็นเฮดโค้ชในรัง เอสซีจี สเตเดี้ยม ทันที
แต่ด้วยช่วงเวลาที่ไม่น่าจะสรรหาเฮดโค้ชคนใหม่ได้ทัน ทำให้ เมืองทอง ไม่มีทางเลือกก่อนใช้แผนสองด้วยการแต่งตั้งดัน โค้ชทัย อุทัย บุญเหมาะ ผู้ช่วยโค้ชนั่งแท่นกุนซือขัดตาทัพ
แต่ก็ดูเหมือนว่าผลงานจะไม่กระเตื้อง โค้ชทัย มิอาจแก้ไขสถานการณ์พาเมืองทอง สะกดคำว่าชนะได้และพ่ายไปสองนัดรวดจากการคุมทีมเพียง 2 นัด
จนทำให้อันดับตารางคะแนน เมืองทอง เข้าขั้นวิกฤติหนักเข้าไปอีกเมื่อผ่าน 7 นัด เมืองทอง มี 6 คะแนน จากการชนะ 2 และแพ้ 5 อยู่ในกลุ่มโซนแดงอันดับ 15 จากทั้งหมด 16 ทีม ในตารางคะแนนฟุตบอล โตโยต้า ไทยลีก 2019 (T1)
แบบชนิดที่ว่าไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าเรื่องแบบนี้สถานการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับเมืองทอง ทีมยักษ์ใหญ่ที่แต่ละปี ต้องมีเอี่ยวลุ้นแชมป์ตลอดในทุกรายการ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่บอร์ดบริหารคงรับไม่ได้และคงไม่เตรียมใจที่จะรับกับความผิดหวังของผลงานที่ดิ่งลงน่าใจหาย
ก่อนที่ท้ายที่สุดจะใช้เวลาช่วงก่อนพักเบรกสงกรานต์ 2562 จัดการเจรจาดึง ยุน จอง ฮวาน กุนซือเกาหลีใต้ ที่พกดีกรีนักเตะทีมชาติเกาหลีใต้และ เฮดโค้ช เซเรโซ โอซาก้า ในเจลีกมาคุมทัพ เพื่อกูวิกฤติทีมเมืองทอง ในช่วงพักเบรก
ซึ่งเรื่องเร่งด่วน สำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขของ เมืองทอง ก็คงหนีไม่พ้น เรื่องเกมรับ ที่แลดูเป็นบ่อนำมันเหลือเกิน เรียกว่าโดนขุดเจาะเล่นโจมตีได้ง่ายมาก ซึ่งการเข้ามาของ ยุน จอง ฮวาน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโค้ชมีวินัยสูงมาก ก็คงน่าจะเข้ามาเร่งปรับจูน เรื่องนี้ก่อนเป็นอันดับต้นๆ
เช่นเดียวกับแนวรุกแม้ชื่อชั้นนักเตะหลายๆรายจะเข้าขั้นซูเปอร์สตาร์ทั้งไทยและต่างชาติ แต่ที่ขาดไปก็คือความไม่แน่นอนและความเด็ดขาด ในการจบสกอร์พื้นที่สุดท้าย การชนะ 2 และแพ้ไปถึง 5 น่าจะเป็นเครื่องสะท้อนได้ดีว่า เกมรับ และเกมรุก ของเมืองทอง นั้นมีปัญหามากแค่ไหน
เรียกว่าสวนทางกับงบทำทีมที่ทุ่มไปหลายร้อยบาทอย่างสิ้นเชิง แต่อีกแง่นึงก็มองว่าการทำทีมฟุตบอลก็มีหลายปัจจัยเข้ามา เงินไม่อาจจตอบสนองความสำเร็จและการันตีถ้วยแชมป์ได้เสมอไป การขาดนักเตะระดับแม่เหล็กทั้ง ชนาธิป, ธีราทร หรือกวินทร์ ออกไป
ในมุมผมปฎิเสธไม่ได้ครับว่าเป็นช่องโหว่ ที่ทำให้เมืองทอง ดูเหมือนจะหาจิ๊กซอว์มาทดแทนได้แบบเต็มร้อยเปอร์เซนต์ แต่ถึงอย่างไรผลงานก็ไม่น่าจะออกทะเลขนาดนี้ ดังนั้นการเปลี่ยนเฮดโค้ชก็น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับทางออกของวิกฤติเมืองทอง ณเวลานี้
ซึ่งจากนี้ก็เป็นเรื่องของเวลา และฝีมือของกุนซือใหม่พลังโสมขาวแล้วหล่ะว่า จะเนรมิตและรีบูทศักยภาพนักเตะเมืองทอง กลับมาได้ดีดั่งเดิมได้เร็ว มากน้อยแค่ไหน เพราะจะว่าไปชื่อชั้นนักเตะแต่ละคนที่มีอยู่ อาทิ สารัช , ธีรศิลป์ หรือ เฮแบร์ตี้ นี่ก็ระดับดาวเตะแถวหน้าของไทยลีก มาทั้งนั้น
นั่นหมายความว่าหากนักเตะเหล่านี้กลับมาท็อปฟอร์มก็ย่อมทำให้ทีมดังย่านแจ้งวัฒนะ กลับมาน่ากลัวได้ได้ไม่ยาก แต่ทั้งหมดผลงานจะออกมาดีหรือไม่ เวลาเท่านั้นจะเป็นคำตอบ ของเมืองทอง ภายใต้แม่ทัพคนใหม่ ยุน จอง ฮวาน กุนซือพลังโสม
ซึ่งมองแง่ดีหากผลงานเมืองทอง ออกมาดี ก็คงไม่เพียงแต่สโมสรเมืองทอง เท่านั้น ที่จะแฮปปี้กับฟอร์มของทีม เพราะผมมองว่าในภาพรวม เมื่อฟอร์มของนักเตะไทยดีกับสโมสรต้นสังกัด
ฟอร์มการเล่นของนักเตะก็น่าจะต่อยอดไปสร้างผลงานที่ดีกับทีมชาติไทย ในเกมระดับชาติเป็นเงาตามตัวเช่นกัน เพราะรายการ คิงส์คัพ 2019 และฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ก็กำลังใกล้จะมาถึงแล้ว.
"ยอดี้"
https://www.facebook.com/YodyPrasertManeelerdchai/
ขอบคุณภาพ Muangthong United FC.