ผลงานต่างๆที่เค้าทำแล้วดี กับ ไม่ดีอ่ะครับ อยากทราบหน่อย

มันเริ่มต้นมาจาก เอานิรโทษกรรมเข้าสภา ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย สว.ไม่เห็นด้วย แล้วจะแก้กฎหมาย ให้สว.เป็นพวก

รัฐบาลก็ยังคงให้สส.ยกมือ ผ่านกฎหมายแบบเร่งรีบ ฝ่ายค้านทำอะไรไม่ได้เลยชวนก่อม๊อบ แล้วหาทางลงกันไม่ได้ ทหารเลยทำเนียน บริหารซะเองกันบานปลายเป็นสงครามกลางเมือง

ข้อดีคือ เช่น
1.บ้านเมืองยังโตได้ปกติ ตามGDP เช่น ส่งออก ท่องเที่ยว
2.สงบ เพราะ ไปห้ามพวกหัวคะแนนออกเสียงปลุกปั่น
3.โครงสร้างพื้นฐานรวดเร็ว เช่นรถไฟฟ้า
4.จัดระเบียบ ทางเท้า หวย วิน รถตู้
5.ฟังเสียงประชาชนโวยวาย แล้วเอามาแก้ (เพราะกลัวแรงเหวี่ยง)

ข้อเสีย
1.อยู่นาน คนไม่ได้เลือกมา
2.วางกฏใหม่เพื่อกันนักการเมืองไว้เยอะเกิน เลยทำให้ค้านกับระบบประชาธิปไตย
3.ไม่มีการตรวจสอบโดยฝ่ายค้าน (แต่ตรวจสอบได้โดยองค์กรอิสระ และสื่อ)
4.ไม่กล้าปลดทหารรุ่นพี่
5.สร้าวความอึดอัดให้ผู้ที่ยึดถือระบบการเลือกตั้งอย่างเดียว

ฯลฯ

ผิดตั้งแต่มารัฐประหารแล้ว ยึดอำนาจไปจากประชาชน ซึ่งตอนหลังก็เปิดเผยมาแล้วว่ามีการเตรียมการมาก่อนทำ 6 เดือน ซึ่งเท่ากับตอนนั้นคือเวลาเดียวกับที่แก๊งกุปุปุสึเริ่มชุมนุม จุดม็อบติดกรณีพรบ.เหมาเข่ง


พอเข้ามาก็ดำเนินการใช้มาตรา 44 ในการดำเนินการกับฝ่ายตรงข้าม มีการเรียกคนไป"ปรับทัศนคติ" ซึ่งว่ากันตรงๆ มันก็คือไปขู่นั่นแหละ มีการจับกุมหรือที่เค้าเรียกว่าเชิญไปคุยในค่ายอีกหลายสิบหลายร้อยคน

มีการดำเนินคดีกับคนที่เพ่งเล็งไว้ ไม่ว่าเรื่องราวจะหยุมหยิมแค่ไหน จับมาเป็นคดีได้หมด พร้อมที่จะดำเนินการตามกม.แบบผิดหลักการนิติศาสตร์ทั้งหมด


อ้างความชอบธรรมในการมาปราบคอรัปชั่น ซึ่งถ้าท่านตามข่าวอยู่บ้างจะเห็น กรณีทัวร์ฮาวายที่ใช้งบ 50 ล้านในการไป"ดูงาน", นาฬิกายืมเพื่อนของป้อม, ไมโครโฟนแพง ฮาร์ดดิสแพงที่จัดซื้อเกินราคาจริง, กรณีอุทยานราชภักดิ์, บ้านตุลาการบนเขาป่าแหว่งที่เชียงใหม่, ฝากลูกเข้ากรมกองทหาร, จัดตั้งบริษัทในค่ายทหาร ฯลฯ


คือประเด็นพวกนี้มันเยอะมากๆอ่ะ นี่ขนาดเป็นยุคที่เราตรวจสอบไม่ได้ หรือตรวจสอบแล้วไม่ผิดอ่ะนะ ยังมีหลุดมาแบบนี้เลย คิดดูว่ามีอะไรหมกไว้ใต้พรมอีกมากแค่ไหน


ทำสัญญากับอาลีบาบาของแจ๊ค หม่าแบบดูแล้วมีผลเสียมากกว่าผลกำไร ผูกสัญญาไป 99 ปี


เปิดโครงการ EEC โรงงานผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดไม่สนใจ EHIA EHA อะไรเลย (จารย์ศศินไปไหนน๊อ ไม่เห็นเดินประท้วงเลย)


ป้อมเองก็ตอบคำถามสื่อแบบ .... ทุกครั้งไป กรณีรร.ดุสิตก็ปากพล่อย ด่าทัวร์จีน เสร็จแล้วก็ง้อเค้าด้วยการเอางบมาซื้อมะม่วงไปเทกระจาด


ตู่ก็แบบที่เราเห็นอ่ะ ก่อนหน้าจะมาปรับลุคเหมือนคนเป็นเมนส์ตลอดเวลา ความรู้ความสามารถอะไรก็สวนทางกับราคาคุยที่หนึ่งของรุ่นที่ชอบเรียนอังกฤษ พี๊ดฟูๆ


แต่งตั้งสนช.มาร่างรธน. เลือกสว.มาเพื่อสืบทอดอำนาจในการเป็นรบ.ต่อ กกต.ก็แบบที่เห็นกันในช่วงวันสองวันนี้


พอละขี้เกียจพิมพ์ยาว

ทำได้ดีก็บ้านเมืองสงบด้วยปากกระบอกปืน และโครงการหลายโครงการที่เดินหน้าได้เร็วกว่ารัฐบาลปกติ เพราะมีอำนาจเบ็ดเสร็จ

ทำไม่ดีนี่ขี้เกียจแล้วอ่ะ ด่ากันมาเยอะแล้ว สงสัยต้องพิมพ์ทั้งวัน

ม.44 200กว่าครั้งไง ซึ่งมันบ่งบอกถึงคุณภาพของการบริหาร คือแก้ไขในระบบไม่ได้ จนต้องใช้ ม.44

ผลงานไม่ขอพูดถึง
การใช้อำนาจมาตรา 44 นี้ละครับ ที่มันค้ำคอคนทั้งประเทศ
https://ilaw.or.th/node/4828

มันเริ่มต้นมาจาก เอานิรโทษกรรมเข้าสภา ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย สว.ไม่เห็นด้วย แล้วจะแก้กฎหมาย ให้สว.เป็นพวก

รัฐบาลก็ยังคงให้สส.ยกมือ ผ่านกฎหมายแบบเร่งรีบ ฝ่ายค้านทำอะไรไม่ได้เลยชวนก่อม๊อบ แล้วหาทางลงกันไม่ได้ ทหารเลยทำเนียน บริหารซะเองกันบานปลายเป็นสงครามกลางเมือง

ข้อดีคือ เช่น
1.บ้านเมืองยังโตได้ปกติ ตามGDP เช่น ส่งออก ท่องเที่ยว
2.สงบ เพราะ ไปห้ามพวกหัวคะแนนออกเสียงปลุกปั่น
3.โครงสร้างพื้นฐานรวดเร็ว เช่นรถไฟฟ้า
4.จัดระเบียบ ทางเท้า หวย วิน รถตู้
5.ฟังเสียงประชาชนโวยวาย แล้วเอามาแก้ (เพราะกลัวแรงเหวี่ยง)

ข้อเสีย
1.อยู่นาน คนไม่ได้เลือกมา
2.วางกฏใหม่เพื่อกันนักการเมืองไว้เยอะเกิน เลยทำให้ค้านกับระบบประชาธิปไตย
3.ไม่มีการตรวจสอบโดยฝ่ายค้าน (แต่ตรวจสอบได้โดยองค์กรอิสระ และสื่อ)
4.ไม่กล้าปลดทหารรุ่นพี่
5.สร้าวความอึดอัดให้ผู้ที่ยึดถือระบบการเลือกตั้งอย่างเดียว

ฯลฯ

มี ม.44 ที่เหมือนดาบ 2 คม อยู่ในมือ แต่ไม่ได้คิดจะใช้เพื่อปกป้องประชาชน
มีเอาไว้แค่ใช้ข่มขวัญ และป้องกันให้กับพวกพ้องของตัวเอง...

ส่วนข้อดีคือ หลายๆ โครงการที่ทั้งทำให้กับประชาชน และพวกพ้องของตัวเอง
มันเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ราวกว่า รถไฟความเร็วสูง 250 กม./ชม.

เกือบๆครึ่งของการใช้มาตรา 44 เป็นการโยกย้ายแต่งตั้ง พอไม่พอใจก็ย้าย ย้ายพวกตัวเองเข้าบ้าง ย้ายคนไม่ถูกใจออกบ้าง ระบบการแต่งตั้งโยกย้ายปกติมันมี แต่จะเอาตามใจตัวเอง จะเอาให้ได้จะเอาเดี๋ยวนี้ ระบบราชการมันเลยเละเทะไปหมด

ชัดเจนดีครับ

นั่งอ่านข้อดี ของ คสช มาหลายมู้ละ ยังไม่เห็นมีข้อไหนที่จำเป็นต้องยึดอำนาจมาเป็นรัฐบาลแบบพิเศษเลย

ผิดตั้งแต่มารัฐประหารแล้ว ยึดอำนาจไปจากประชาชน ซึ่งตอนหลังก็เปิดเผยมาแล้วว่ามีการเตรียมการมาก่อนทำ 6 เดือน ซึ่งเท่ากับตอนนั้นคือเวลาเดียวกับที่แก๊งกุปุปุสึเริ่มชุมนุม จุดม็อบติดกรณีพรบ.เหมาเข่ง


พอเข้ามาก็ดำเนินการใช้มาตรา 44 ในการดำเนินการกับฝ่ายตรงข้าม มีการเรียกคนไป"ปรับทัศนคติ" ซึ่งว่ากันตรงๆ มันก็คือไปขู่นั่นแหละ มีการจับกุมหรือที่เค้าเรียกว่าเชิญไปคุยในค่ายอีกหลายสิบหลายร้อยคน

มีการดำเนินคดีกับคนที่เพ่งเล็งไว้ ไม่ว่าเรื่องราวจะหยุมหยิมแค่ไหน จับมาเป็นคดีได้หมด พร้อมที่จะดำเนินการตามกม.แบบผิดหลักการนิติศาสตร์ทั้งหมด


อ้างความชอบธรรมในการมาปราบคอรัปชั่น ซึ่งถ้าท่านตามข่าวอยู่บ้างจะเห็น กรณีทัวร์ฮาวายที่ใช้งบ 50 ล้านในการไป"ดูงาน", นาฬิกายืมเพื่อนของป้อม, ไมโครโฟนแพง ฮาร์ดดิสแพงที่จัดซื้อเกินราคาจริง, กรณีอุทยานราชภักดิ์, บ้านตุลาการบนเขาป่าแหว่งที่เชียงใหม่, ฝากลูกเข้ากรมกองทหาร, จัดตั้งบริษัทในค่ายทหาร ฯลฯ


คือประเด็นพวกนี้มันเยอะมากๆอ่ะ นี่ขนาดเป็นยุคที่เราตรวจสอบไม่ได้ หรือตรวจสอบแล้วไม่ผิดอ่ะนะ ยังมีหลุดมาแบบนี้เลย คิดดูว่ามีอะไรหมกไว้ใต้พรมอีกมากแค่ไหน


ทำสัญญากับอาลีบาบาของแจ๊ค หม่าแบบดูแล้วมีผลเสียมากกว่าผลกำไร ผูกสัญญาไป 99 ปี


เปิดโครงการ EEC โรงงานผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดไม่สนใจ EHIA EHA อะไรเลย (จารย์ศศินไปไหนน๊อ ไม่เห็นเดินประท้วงเลย)


ป้อมเองก็ตอบคำถามสื่อแบบ .... ทุกครั้งไป กรณีรร.ดุสิตก็ปากพล่อย ด่าทัวร์จีน เสร็จแล้วก็ง้อเค้าด้วยการเอางบมาซื้อมะม่วงไปเทกระจาด


ตู่ก็แบบที่เราเห็นอ่ะ ก่อนหน้าจะมาปรับลุคเหมือนคนเป็นเมนส์ตลอดเวลา ความรู้ความสามารถอะไรก็สวนทางกับราคาคุยที่หนึ่งของรุ่นที่ชอบเรียนอังกฤษ พี๊ดฟูๆ


แต่งตั้งสนช.มาร่างรธน. เลือกสว.มาเพื่อสืบทอดอำนาจในการเป็นรบ.ต่อ กกต.ก็แบบที่เห็นกันในช่วงวันสองวันนี้


พอละขี้เกียจพิมพ์ยาว

ข้อดี มีข้อเดียว สงบ แต่ถามว่าสงบเพราะคนถูกใจใช่หรือไม่ ? ตอบเลยว่าไม่ใช่ แต่ใช้อำนาจ ความกลัวของประชาชนเป็นเครื่องมือทำให้เกิดความสงบ

แค่ข้อนี้ข้อเดียวผมก็ไม่เอาแล้ว ข้อเสียหลายร้อยหลายพันข้อ

ใช่ครับ ถ้าใช้ไปในทางที่ถูกเพื่อประชาชน ผมว่า ม.44 ก็ไม่ถึงกับแย่มากนะ

รู้เท่าหางอึ่ง คุยโม้โอ้อวดไปใย

ทุกอย่างมันมีข้อดีและไม่ดี แต่ถ้าเราตรวจสอบไม่ได้ คำถามคือเราจะรู้ได้อย่างไร ว่ามันดีจริงหรือไม่ ?

ยกตัวอย่าง คุณสร้างสนามฟุตบอลมูลค่า 5 ล้านบาท แต่ในการดำเนินการจริงคุณใช้งบไป 20 ล้านบาท ผลการสร้างออกมา สนามฟุตบอลดูดี มีมาตรฐาน สร้างเสร็จทันเวลา แต่คุณไม่ได้เปิดเผยว่าใช้งบไปเท่าไหร่ แบบนี้ยังเรียกว่าดีอยู่ได้หรือไม่ ?

ลืมต่อท้ายนะครับ ว่า ซึ่ง คสช ตั้งขึ้นมาให้ตรวจตัวเอง