PIRLO เมื่อยิปซีลูกหนังจุติ!!!
เมื่อยิปซีลูกหนังจุติ
::::::::::::::::::::::::::::::
เขาเปรียบตัวเองเป็นดั่งยิปซีในสนามฟุตบอล แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยรู้ตัวเองเลยว่ายิปซีลูกหนังคนนั้นคือต้นแบบของเด็กรุ่นหลังยุคมิลเลนเนียมหลายล้านคนในอิตาลี
ด้วยท่วงท่าที่ราวกับปรมาจารย์ผู้เย่อหยิ่งบนผืนหญ้า เขาเกลียดการอบอุ่นร่างกายก่อนแข่งเป็นที่สุดโดยนำมาเปรียบกับการลงสนามรักอย่างชาญฉลาด
"หากคุณเห็นนางแบบสุดสวยเปลือยกายรอคุณอยู่ที่ปลายเตียง คุณจำเป็นจะต้องอบอุ่นร่างกายก่อนหรือเปล่าล่ะ?"
และจะมีสักกี่คนบนโลกใบนี้ ที่นั่งเล่นเพลย์ สเตชั่นอย่างสบายอกสบายใจก่อนเกมนัดชิงฟุตบอลโลกแค่ไม่กี่ชั่วโมง
คงมีเขาแค่คนนี้คนเดียวแหล่ะครับ "อันเดรีย ปีร์โล่"
...
อันเดรียเติบโตมากับครอบครัวที่มีฐานะระดับหนึ่ง เขาไม่ได้มีประวัติโชกโชนในการสู้ชีวิตเหมือนนักฟุตบอลหลาย ๆ คน แต่เรื่องเล่าในวัยเด็กของเขากลับมีแง่มุมที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
อันเดรียกับพี่ชายของเขา "อิวาน" เป็นทั้งคู่ซ้อมฟุตบอลและคู่แข่งในคราวเดียวกัน ฝีเท้าของอันเดรียรุดหน้าไปไกลกว่าอิวานหลายขุม บางคนบอกว่าเป็นเพราะพรสวรรค์ที่ฟ้าประทานให้ แต่คุณแม่ของเขาไม่คิดเช่นนั้น
"อันเดรียชอบเล่นฟุตบอลกับคนที่อายุมากกว่าและตัวโตกว่าเขา นั่นอาจเป็นเหตุผลที่เขาพัฒนาได้ไว"
อันเดรียเริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับทีมท้องถิ่นในแถบหมู่บ้านเฟลโร่ และด้วยสิ่งที่เขาทำกับลูกฟุตบอลนั้นเข้าขั้นมหัศจรรย์เกินตัว จึงทำให้เบรสชาสโมสรประจำเมืองมองเห็นศักยภาพนั้น และถูกคว้าตัวไปร่วมทีมในที่สุด
ในช่วงเวลาดังกล่าว ยังมีอตาลันต้าของ "เชซาเร่ ปรันเดลลี่" ซึ่งเป็นโค้ชทีมเยาวชนอยู่ในเวลานั้นก็พยายามคว้าตัวเขาไปร่วมทีมเช่นกัน
"ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนจากเด็กวัยแค่ 14" ปรันเดลลี่กล่าว "เขาโดดเด่นเกินหน้าทุกคนในสนาม ผมรับรู้เลยว่ามีรังศีของความอิจฉารายล้อมตัวเขา แต่นั่นแหล่ะ! เขาไม่สนใจอะไรเลยนอกจากการผ่านบอล"
...
- ปาเนนก้าตอนอายุ 13 -
ในการแข่งฟุตบอลเยาวชนรายการหนึ่งรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี, อันเดรียในวัย 13 ซึ่งเล่นให้โวลุนเตสทีมลูกของเบรสชา เขาเป็นนักเตะตัวหลักและพาทีมมาไกลถึงรอบรองชนะเลิศ
เกมวันนั้นจบลงด้วยการเสมอกัน ต้องดวลกันด้วยจุดโทษตัดสิน และระหว่างที่เขากำลังกอดคอปลุกเร้าให้กำลังใจทีมกันอยู่นั้น อันเดรียที่เด็กสุดในทีมก็หล่นคำกระตุ้นทีมออกมาอย่างน่าเกรงขาม
"นี่ไม่ใช่ทัศนศึกษาของโรงเรียน เรามาเพื่อชนะ เพื่อเป็นแชมเปี้ยน และพวกเราต้องแสดงมันออกมาให้เห็นในตอนนี้"
อันเดรียรับหน้าที่เป็นคนยิงจุดโทษคนสุดท้าย ซึ่งถ้ายิงเข้า ทีมจะชนะและเข้าชิงทันที
และถึงแม้จะกดดันมากขนาดไหนก็ตาม อันเดรียก็ดูไม่ตระหนกกับมันสักกระผีก เขาทำเหมือนชีวิตนี้ไม่รู้จักกับสิ่งที่ชื่อว่า 'ความกดดัน' เอาเสียเลย
อันเดรีย ปีร์โล่หยิบลูกบอลมาวางที่วงกลมสีขาว สีหน้าเรียบนิ่งก่อนสืบเท้าเข้าไปยิงจุดโทษตัดสินเกมพาทีมเข้ารอบชิงชนิดทุกคนต้องอ้าปากค้าง
ด้วยการยิงแบบ "ปาเนนก้า" ครับผม
...
- ความริษยาจากเพื่อนร่วมทีม -
หลังจากได้ย้ายมาอยู่กับทีมเยาวชนของเบรสชา อันเดรียก็ได้ลิ้มรสกับความกดดันเป็นครั้งแรก
"นายคิดว่าตัวเองเป็นมาราโดน่ารึไง?"
เสียงตะโกนจากรั้วกองเชียร์ของพ่อแม่เด็กคนอื่น ๆ ในทีมเยาวชนของเบรสชาถาโถมใส่อันเดรียในช่วงแรกที่เขาไปร่วมทีม มันรุนแรงมากสำหรับเด็กวัย 14 และที่ซ้ำร้ายกว่านั้นคือเพื่อนร่วมทีมไม่มีใครส่งบอลให้กับเขาเลย
"ตอนผมเป็นดาวรุ่งผมรู้ดีว่าผมเก่งกว่าคนอื่น ๆ" อันเดรียย้อนความหลัง
"มีคนพูดถึงผมในทางไม่ดีเยอะแยะไปหมด บางครั้งก็เกินจากเรื่องจริงไปมาก, ตอนที่เขาตะโกนด่าผมลงมาว่าเป็นมาราโดน่ารึไงในตอนนั้น มันทำร้ายความรู้สึกของผมมาก ๆ"
อันเดรียร้องไห้และวิ่งหนีออกจากสนามไปเลยนะครับ เขาเข้าไปในห้องแต่งตัวสงบสติอารมณ์และบอกกับตัวเองว่า "กลับไปเอาบอลมาเล่นเองให้ได้ ลูกบอลไม่สมควรเป็นของพวกขี้อิจฉาพวกนั้น พวกเขาไม่สมควรได้รับมัน"
และเมื่อกลับมาลงสนามอีกครั้ง เขาก็ทำในสิ่งที่เด็กคนอื่น ๆ ทำไม่ได้ นั่นก็คือการยิงประตู
ใช่ครับ เขาไม่ใช่มาราโดน่า, แต่เขาคืออันเดรีย ปีร์โล่ ยิปซีลูกหนังผู้ทะนงตนและขอโทษนะครับ
เขาแม่งเก่งเป็นบ้าจริง ๆ
...
"โมโร่! เอาเด็กคนนี้มาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ด้วยนะวันพรุ่งนี้ เราอาจมีของดีที่พร้อมจะเฉิดฉายแล้ว" มีเชียร์ ลูเชสคูกุนซือของเบรสชาบอกกับผู้ช่วยของเขาให้เรียกอันเดรียมาร่วมซ้อมกับพวกซีเนียร์ในช่วงซัมเมอร์ปี 1995
แล้วตำนานของเจ้ายิปซีลูกหนังอิตาลี ก็เริ่มออกเดินทางสู่สายตาแฟนบอลทั่วโลกนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา!
นี่ละครับคำนิยามของเรจิสต้า อยากเล่นตำแหน่งนี้ให้ศึกษาวิถีการเล่นคนนี้ไว้ !!!
ที่มา : นาฑีสุดท้ายก่อนทดเวลาบาดเจ็บ