เจ้าสัวสหพัฒน์"ชี้"ประยุทธ์"พลาดนายกฯไทยล้าหลัง
"เจ้าสัวสหพัฒน์"ชี้"ประยุทธ์"พลาดนายกฯไทยล้าหลัง
20 มีนาคม 2562 เข้าโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง แน่นอนว่าหลายภาคส่วนตั้งตาคอยและลุ้นกับ “ผลคะแนน” ที่จะออกมาหลังปิดหีบเลือกตั้ง 24 มี.ค.นี้ “พรรคการเมือง” ใด และ “ใคร?” จะก้าวขึ้นมาเป็น “นายกรัฐมนตรี” คนที่ 30 เป็นผู้นำบริหารประเทศให้เจริญเติบโตทัดเทียมนานาประเทศ
กรุงเทพธุรกิจ สัมภาษณ์พิเศษ “บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา” ประธานเครือสหพัฒน์ วัย 82 ปี ในฐานะยักษ์ใหญ่สินค้าอุปโภคบริโภคของไทย ที่ทำรายได้เฉียด 3 แสนล้านบาทต่อปี
“บุณยสิทธิ์” ขับเคลื่อนธุรกิจมากว่า 60 ปี ผ่านการเมืองมาหลายยุคหลายสมัย เผชิญเหตุการณ์ปฏิวัติ รัฐประหาร การบริหารประเทศภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศภายใต้ “นายกรัฐมนตรี” มาถึง 18 คน ตั้งแต่สมัย “จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์” นายกฯคนที่ 11 จนถึง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯคนที่ 29
“เป็นห่วงบ้านเมืองเหลือเกิน เพราะเวลานี้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกวัน” บทสนทนาแรกของบุณยสิทธิ์
ทว่าความกังวลมีมากกว่านั้น หาก “นายกฯลุงตู่” (ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ไม่ได้คะแนนเสียงเกิน 100 หรือมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล และดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัย เพราะนั่นหมายถึง ความมีเสถียรภาพทางการเมือง ความต่อเนื่องด้านนโยบายเศรษฐกิจ การลงทุนของประเทศอาจต้อง “แตะเบรก” จนฉุดประเทศให้ล้าหลังไปอีก 10 ปี เพราะหากพรรคการเมือง “ต่างขั้ว” ได้ขึ้นมาบริหารประเทศ อาจเห็นการรื้อรัฐธรรมนูญ ไม่สานต่อนโยบายเศรษฐกิจต่างๆ ทำให้การลงทุนชะงักได้ แน่นอนย่อมกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างยากหลีกเลี่ยง
บุณยสิทธิ์ยังวิเคราะห์ การเมืองไว้หลายแง่มุม เริ่มจากพรรคพลังประชารัฐได้คะแนนเสียง 120-150 เสียง และ “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ จะปลุก “ความเชื่อมั่น” นักลงทุน หนุนให้การลงทุนใส่เกียร์เดินหน้า ถ้าน้อยกว่า 100 เสียง แต่พรรคลุงตู่ (พลังประชารัฐ) สามารถจัดตั้ง “รัฐบาลผสม” อาจมีความยุ่งยากจนฉุดเศรษฐกิจให้ชะงัก
ขณะเดียวกันปี 2562 ไทยยังมีภารกิจใหญ่รออยู่เบื้องหน้า คือการเป็น “ประธานอาเซียน” ขับเคลื่อนภูมิภาคให้โตยั่งยืนในอนาคต หลังจาก 10 ปีที่แล้วในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเกิดความปั่นป่วน รวมถึงการจัด “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” ในเดือนพ.ค.ที่จะถึงนี้้
“ถ้าพรรคพลังประชารัฐได้ 150 เสียง ธุรกิจจะเร่งเครื่องยนต์หมด เพราะเชื่อมั่นว่านโยบายต่างๆจะถูกสายต่อ ถ้าไม่ใช่พรรคนี้อาจต้องปล่อยคันเร่ง หรือแตะเบรก”
หากปัจจัยภายในประเทศ การเมืองมีเสถียรภาพ การบริหารประเทศราบรื่น ปัจจัยภายนอกเศรษฐกิจโลกไม่ผันผวนมาก เจ้าสัวสหพัฒน์ คาดว่าเศรษฐกิจ(จีดีพี)ปี 2562 จะเติบโตได้ถึง 4% แต่ถ้าการเมืองเกิดความยุ่งยาก แม้ว่า “ลุงตู่” ยังเป็นนายกฯ จีดีพีอาจโต 1-2% ซึ่งถือว่าเก่งแล้ว กลับกันหากพลิกเป็นพรรคอื่นจัดตั้งรัฐบาล เขาประเมินว่า เศรษฐกิจจะโต 0% (ไม่โต)
“หากลุงตู่ ได้เป็นนายกต่อ เป็นโอกาสของเมืองไทยที่จะเดินหน้านโยบายต่างๆ ถ้าต้องเริ่มใหม่ ไทยอาจล้าหลังเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะประเทศจะเสียโอกาสในการพัฒนา เพราะวันนี้ไทยยังต้องแข่งขันกับอินโดนีเซีย เวียดนาม เพื่อดึงต่างชาติเข้ามาลงทุน”
Cr :
http://www.komchadluek.net/news/politic/366333