แมนซิตี้มีการวางแผนระยะยาวในเรื่องขุมกำลัง ซึ่งในอีก 4-6 ปีข้างหน้าก็ดูจะมีแนวทางชัดเจนแล้ว

แฟนฟุตบอลอย่างเรา ๆ อาจจะรู้สึกตื่นเต้น ในการลุ้นว่าจะได้ใครมาเสริม ทีมจะได้นักเตะใหม่ ๆ เข้ามา แต่สำหรับแมนซิตี้และสโมสรใหญ่ ๆ จะมีแผนล่วงหน้าหลายปี ว่าแต่ละปีจะมีนักเตะคนไหนอยู่ในทีมบ้าง ไม่ใช่แค่นักเตะใหม่ แต่รวมถึงดาวรุ่งในอคาเดมี่ด้วย



ล่าสุดแมนซิตี้ก็ได้ต่อสัญญาแบร์นาร์โด้กองกลางตัวรุกออกไปจนถึงปี 2025 และดูเหมือนว่า ซิกิ เบกิริสไตน์ ผู้อำนวยการฟุตบอล และ เฟอร์ราน โซเรียโน่ ประธานสโมสร ก็คงรู้สึกยินดีที่สามารถรักษากองกลางจอมพริ้วอยู่กับทีมต่อไป

มีนักเตะทั้งหมด 3 คนที่มีสัญญาอยู่กับทีมไปจนถึงปี 2025 นั่นคือ เอแดร์สัน ลาปอร์กต์ และล่าสุดแบร์นาร์โด้ ในขณะที่โฟเด้นตอนนี้ก็ได้ต่อสัญญาออกไปจนถึงปี 2024 แล้ว

ส่วนในรายของซาเน่ สโมสรค่อนข้างจะมั่นใจว่าปีกจรวดจะต่อสัญญาระยะยาวฉบับใหม่ออกไปเช่นกัน

แล้วนอกจากนี้ก็ยังมีนักเตะที่มีสัญญาไปจนถึงปี 2023 นั่นก็คือ เดอ บรอยน์, สเตอร์ลิ่ง, เชซุส, เมนดี้ และมาห์เรซ



ในขณะที่ทีมคู่แข่งพรีเมียร์ลีกเปลี่ยนผู้จัดการทีมบ่อย ๆ จนขาดความต่อเนื่องในการพัฒนาทีมและวางแผนระยยาว ตรงกันข้ามกับเป๊ป ที่ดูเหมือนจะอยู่แมนซิตี้ไปอีกนาน ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ที่พร้อมสนับสนุนเป๊ปในทุกด้าน ไม่ว่าจะในสนามและนอกสนาม

อีกทั้งเป๊ปก็ได้แสดงความต้องการ ให้มีส่วนร่วมวางแผนระยะยาวของทีมในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ไม่ใช่แค่ฤดูกาลต่อฤดูกาล นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ตัวเขาเองรู้สึกได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่

ต่อจากนี้จะเป็นขุมกำลังในอีก 5 ปีข้างหน้า ประกอบไปด้วยนักเตะใหม่ ๆ แต่หลัก ๆ จะเป็นการดึงดาวรุ่งขึ้นมา (ในกรณีที่โดนแบนซื้อขายนักเตะ)

GOALKEEPER
เอแดร์สัน แมนซิตี้มั่นใจในผู้รักษาประตูคนนี้มาก ถึงกับต่อสัญญาออกไปจนถึงปี 2025 ถึงแม้ว่าสัญญาเดิมจะอยู่ไปจนถึง 2023 อยู่แล้วก็ตาม เป็นสัญญาที่นานที่สุดที่เคยเซ็น (ระยะเวลา 7 ปี ณ ตอนนั้น)

สำรองอันดับหนึ่งก็น่าจะเป็น สเตเฟ่น ที่เพิ่งย้ายมาจาก MLS

ส่วนสำรองถัดไป ในตอนนี้มีทั้ง Aro Muric, Danny Grimshaw, Curtis Anderson และ Louie Moulden

RIGHT BACK
วอร์กเกอร์ 28 ปี ส่วนดานิโล่ 27 ปี แต่ในอีก 4 ปีข้างหน้าทั้งสองคนก็น่าจะโรยราลง ซึ่งตำแหน่งนี้เป๊ปต้องการนักเตะที่วิ่งได้ไม่มีหมด มีความเร็ว และแข็งแกร่งพอที่จะควบกลับมาเพื่อหยุดเกมสวนกลับได้

เพื่อป้องกันสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในปีแรกที่เป๊ปเข้ามาคุมทีม จึงต้องหาแบ็กขวาไว้เป็นตัวแทน

Jeremie Frimpong (อายุ 18 ปี U23) สามารถเล่นฝั่งซ้ายได้ด้วย และ Alpha Dionkou (อายุ 17 ปี U18) ทั้งคู่เป็นนักเตะที่ถูกวางไว้เพื่อทดแทนวอล์กเกอร์และดานิโล่

CENTER BACK
ตำแหน่งนี้ค่อนข้างชัดเจนว่าสโตนส์และลาปอร์กต์จะเป็นตัวหลักในตำแหน่งนี้ไปอีกหลายปี ซึ่งตอนนี้ก็ถือว่าฟอร์มดี ถ้าไม่เจ็บบ่อย ๆ โดยเฉพาะสโตนส์ ฟอร์มดีเมื่อไหร่มีอันต้องเจ็บทุกที

กอมปานีและโอตาเมนดี้ก็คงต้องสตั๊ดในอีกไม่นาน ซึ่งแมนซิตี้ก็ได้เตรียมดัน Eric Garcia และ Philippe Sandler ขึ้นมา โดยในฤดูกาลนี้ก็ได้เห็นดาวรุ่งทั้งคู่ได้ลงเล่นในบอลถ้วยกันบ้างแล้ว ฟอร์มก็ดูไม่แย่ ค่อนไปทางดีมีแววพัฒนาได้ไม่ยาก

นอกจากนี้ก็ยังมี Taylor Harwood-Bellis (อายุ 17 ปี U18) อยู่ในตอนนี้ที่มีแววจะดันขึ้นมาในอนาคตได้

LEFT BACK
เมนดี้เป็นนักเตะที่เป๊ปเลือกเองกับมือ ขนาดที่ว่าถ้าไม่ได้เมนดี้ก็จะไม่เอาคนอื่น และก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเมนดี้เล่นได้ยอดเยี่ยมแค่ไหน ถ้าไม่มีอาการบาดเจ็บ และก็ดูเหมือนว่าปัญหาการบาดเจ็บจะมีโอกาสเกิดขึ้นซ้ำอีก

ซินเชนโก้ใช้โอกาสแบ็กซ้ายจำเป็น โชว์ฟอร์มโดดเด่นจนสามารถยึดตำแหน่งแบ็กซ้ายตัวจริงไปแล้ว แต่นั่นก็ยังไม่ใช่แบ็กซ้ายตามแผนระยะยาวของสโมสร

Jeremie Frimpong (อายุ 18 ปี U23) และ Nathanael Ogbeta (อายุ 17 ปี U23) อาจจะได้ขึ้นมาในตำแหน่งนี้

HOLDING MIDFIELD
ตำแหน่งที่ดูจะหาตัวแทนยากเย็นเเหลือเกิน นับตั้งแต่เป๊ปเข้ามาคุมทีม ก็ได้เริ่มมองหาตัวแทนไว้ ผ่านมา 3 ปีก็ยังไม่ได้ซักคน ทั้งเฟร็ดและจอร์จินโญ่ที่คาดว่าจะได้แน่ ๆ ก็ไม่ได้

แมนซิตี้มีข่าวกับนักเตะมากมายไม่ว่าจะเป็น Sebastian Rudy (อายุ 29 ปี ชาลเก้), Declan Rice (อายุ 20 ปี เวสต์แฮม), Rúben Neves (อายุ 22 ปี วูล์ฟแฮมป์ตัน)

ซึ่งอันที่จริงเดอ บรอยน์ก็สามารถเล่นโฮลดิ้งได้ แต่อาจจะต้องหากองกลางที่ตัดเกมได้ เข้าสกัดได้ มาช่วยในส่วนนี้ซึ่งเดอบรอยน์ไม่มี แต่ไม่ว่ายังไงเดอ บรอยน์ก็ไม่ใช่นักเตะที่จะมาเล่นตำแหน่งนี้ในระยะยาว

Claudio Gomes (อายุ 18 ปี U23), Douglas Luiz (อายุ 20 ปี ปล่อยยืม Girona), Tommy Doyle (อายุ 17 ปี U18), Fisayo Dele-Bashiru (อายุ 18 ปี U18) และ Rowan McDonald (อายุ 17 ปี U18) ทั้งหมดนี้เป็นนักเตะที่พร้อมจะถูกดันขึ้นชุดใหญ่ เพื่อเป็นตัวแทนแฟร์นันดินโญ่ โดยเฉพาะ 2 คนแรกที่ดูมีภาษีกว่าคนอื่น

ATTACKING MIDFIELD
ตำแหน่งกองกลางตัวรุกดูจะไม่น่าห่วง เพราะได้แบร์นาร์โด้และโฟเด้นมาแล้ว และในระหว่างนี้เดอ บรอยน์ก็ยังเล่นไปได้อีกหลายปี เมื่อถึงตอนนั้นแล้วทั้งแบร์นาร์โด้และโฟเด้นก็คงถึงจุดพีคพอดี

และยังมี Felix Nmecha (อายุ 18 ปี U23), Adrian Bernabe (อายุ 17 ปี U23) และ Taylor Richards (อายุ 18 ปี U23) โดยเฉพาะ Nmecha ที่ทำผลงานเข้ามาเป๊ปอยู่เหมือนกัน

WINGER
แบร์นาร์โด้ก็สามารถเล่นตำแหน่งนี้ได้ แต่หลัก ๆ ฝั่งขวาจะเป็นสเตอร์ลิ่ง ซึ่งเพิ่งต่อสัญญาออกไปจนถึงปี 2023 และฝั่งซ้ายก็มีซาเน่ที่คาดว่าจะต่อสัญญาออกไปอีกเช่นกัน

มาห์เรซดูจะยังมีปัญหากับฟอร์มที่ยังไม่ดีพอ แต่เชื่อว่าจะสามารถปรับตัวและเรียกฟอร์มเก่งได้

แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังมี Ian Carlo Poveda (อายุ 19 ปี U23) ที่จะถูกดันแทนดิอาซที่เพิ่งย้ายไปมาดริด

STRIKER
เป๊ปยังเชื่อว่าเชซุสจะสามารถพัฒนาขึ้นมาเป็น complete forward ตามรอยอเกวโร่ได้ ถ้าไม่มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน

Lukas Nmecha (อายุ 20 ปี ปล่อยยืม Preston NE), Nabil Touaizi (อายุ 18 ปี U23), Jayden Braaf (อายุ 16 ปี U18) ทั้งหมดนี้เป็นกองหน้าดาวรุ่งที่มีฝีเท้าโดดเด่น และมีแววจะพัฒนาขึ้นมาชุดใหญ่ได้

ล่าสุดมีข่าวจากเดอะซัน ว่าแมนซิตี้โดนแบนซื้อขาย 2 รอบ ซึ่งจะมีการประกาศในเร็ว ๆ นี้

A Fifa insider told SunSport: “We have been investigating City as part of a long-term investigation.

“We expect there will be an announcement on City, very similar to the one we made on Chelsea, in the next week or two. It is coming very soon.”

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็คงเป็นโอกาสดาวรุ่งทั้งหลายตามรายชื่อข้างบนได้แสดงฝีเท้าที่โตขึ้นมาจากอคาเดมี่ที่ว่ากันว่าเพรียบพร้อมที่สุดแห่งหนึ่ง

ตอนนี้ผมมองซิตี้เหมือนเชลซียุครุ่งเรือง คือมีการลงทุน แล้วมีพัฒนาการชัดเจน เรียกว่ามาสวยเลยทีเดียว

แต่ปัญหาของซิตี้ตอนนี้ต่างจากเชลซีตอนนั้น คือตอนนั้นมันยังไม่มีกฏ FFP

เพราะฉะนั้นหลังกฏ FFP ออก ปัญหาเดียวที่เชลซีเจอก็คือเรื่องการหารายได้เข้าสโมสรเพื่อพยุงฐานะทางการเงิน

นั่นคือเหตุผลของการควานหาดาวรุ่งมาปั้นแล้วปล่อยยืมหรือขาย ... อันนี้นอกเรื่องละ



กลับมาซิตี้คือ ตอนนี้ซิตี้กำลังโดนหลายฝ่ายจ้องเล่นงานด้วยกฏ FFP นี้อยู่

ซึ่งถ้ารอดไปได้ เชื่อว่าน่าจะอยู่ตัว (โดยไม่ต้องลงทุนเยอะแบบเดิม) ไปอีกนาน

เหตุผลก็เพราะแกนหลักอายุน้อยทั้งนั้น บวกกับเด็กดาวรุ่งที่เตรียมเสียบไว้แล้ว

อนาคตของแมนซิตี้จึงขึ้นกับการสอบสวน FFP ที่น่าจะรู้ผลจริงตั้งแต่ตอนนีไปจนถึง 2 - 3 ปีข้างหน้า

เป็นช่วงเวลาที่น่าจะต้องผลัดใบหลายๆตำแหน่งพอดี ทั้งแบ็ค กองหน้า อาจจะรวมถึงเซ็นเตอร์ด้วย

แต่ถ้าโดนโทษขึ้นมาจริงๆ มันจะมีทั้งโทษปรับและแบน (อย่าลืมว่าซิตี้โดนปรับไปแล้ว 1 รอบ คือภาคทัณฑ์ไปแล้ว)

ถ้าแบนจริง จะโดนกี่ปี รายได้หายไปเท่าไหร่ ไหนจะเรื่องที่มาของรายได้อีก มีโอกาสที่จะเป๋ไปได้เลย

แฟนแมนซิตี้ต้องลุ้นหนักๆเลยครับ กับ FFP ในมุมมองของผม

กฎการเงินช่วยหยุดซิตี้ที......

ถ้าแบนซิตี้ก็แบนปารีสด้วยนะะ

เรื่องแบนใน ucl นี่ก็งงยูฟ่านะว่าเขาออกกฏพวกนี้มาคุมเฉพาะทีมใหญ่ใช่มั้ย
เพราะสมมุติทีมที่เล่นในดิวิชั่น 2 รองจากลีคสูงสุดจะทำผิดกฏ FFP มากแค่ไหนยูฟ่าก็ไปทำอะไรทีมพวกนั้นไม่ได้เพราะเขาไม่ได้เล่นบอลยุโรป
ไอ้ข้ออ้างที่ว่าออกกฏเพื่อป้องกันไม่ให้ทีมต่างๆใช้เงินเกินตัวจนล้มละลายมันไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงเพราะอำนาจของยูฟ่าไปกำหนดทีมทั้งยุโรปไม่ได้
แต่ละลีคเขามีข้อกำหนดกันเอง
ยูฟ่าออกกฏมาเล่นเฉพาะทีมใหญ่ สาเหตุมันก็แค่สมัยนั้นยูฟ่าไม่ชอบทีมเศรษฐีใหม่แค่นั้น
เท่านั้นจริงๆไม่เกี่ยวกับว่ากลัวทีมใช้เงินเกินตัวอะไร แค่จะตัดขาทีมเศรษฐี
สุดท้ายถ้าจะแบนก็แล้วแต่เลยฮะ


เรื่องขุมกำลังถ้าโดนแบนจาก ucl ก็คงมีผลกระทบกับสตาร์ที่จะซื้ออยู่
ส่วนเรื่องเยาวชนถ้าโดนโทษห้ามซื้อ 2 ตลาดแบบเชลซีก็คงห่วงแค่ตำแหน่งกลางรับกับแบคซ้ายที่ยังไม่ได้ซื้อ
แต่ปัญหาไหนก็ตามแค่มีเป๊บผมก็รู้สึกว่าสบายใจขึ้น เป๊บน่าจะพาทีมผ่านไปได้

หาโค้ชที่จะมาข่มเป๊ปไม่ได้เลย ที่แข่งอยู่ในลีคเป๊บสู้ได้ทุกคนน่าจะครองพรีเมียรไปยาวๆ

เสียดายซีดานกลับมาดริดไปละ