[RE: ในวันที่เงินมีค่าแค่กระดาษ 1 ใบ]
DariusXalan พิมพ์ว่า:
เสริมให้อีกนิดเรานี่ผลิตอุปกรณ์พวกรถอันดับต้นๆ ของโลกเลย รวมถึงฮาร์ดดิสด้วย (น้ำท่วมใหญ่ทำฮาร์ดดิสทั่วโลกราคาพุ่งอะคิดดู)
แต่เราเป็นคนทำ ไม่ใช่คนคิดโปรดักส์ขึ้นมา ความเปราะบางมันเลยมี ลองสังเกตสินค้าแบรนด์ไทยติดท็อปๆ ในตลาดโลกแทบไม่มี นอกจากเหล้า เบียร์
ปัญหามันเลยอาจจะเกิดที่ถ้าพวกที่เป็นคนคิดโปรดักส์หนีจากไทยไปตั้งที่ประเทศเพื่อนบ้านที่ถูกกว่า อันนั้นแหละเราอาจจะเสียหายได้
ไทยผลิตฮาร์ดดิสเบอร์ 1 โลกได้ ไทยควรจะมีแบรนด์เป็นของตัวเอง เราต้องเป็นคนคิด
อันนี้พูดในฐานะที่แฝงตัวอยู่ในวงการธุรกิจมาเป็นเวลานานพอสมควร
ไทย มีจุดเด่นด้านความละเอียดและเอาใจใส่ผลิตภัณฑ์ไม่แพ้ ญี่ปุ่น แต่สินค้าที่ผิดออกมาอย่างมีคุณภาพสูง ก็เพราะกับคนที่มีกำลังการซื้อสูงเช่นกัน คนไทย(พื้นถิ่น)มักมองสิ่งที่ทดแทนกันได้ และถูกกว่า
บรรดาธุรกิจภายในประเทศจึงมักผลิตสินค้า
- standard grade
- premium grade
ขึ้นมาเพื่อขายให้คนในประเทศที่มีกำลังซื้อปานกลาง และขายให้ผู้มีกำลังซื้อสูง รวมถึงการส่งออก
ผู้ที่มีกำลังซื้อระดับล่าง ก็มักจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาถูกจาก จีน เป็นส่วนใหญ่
คนไทยนิยม
ถูกและดี มากกว่า
แพงและคุ้มค่า
ในส่วนนี้ ไม่สามารถแก้ไขพฤติกรรมที่ปลูกฝังกันมานานได้ในทันที _
มันต้องใช้เวลา
หากคุณอยู่ในวงการธุรกิจ จะรู้ว่าประเทศนี้มีสินค้าหลากหลาย ในทุกระดับ
ถ้ามีกำลังซื้อมากพอ
Edit : เพิ่มเติมให้
หากกลัวต่างชาติ ย้ายฐานการผลิต .. นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลในอนาคต
สิ่งที่ควรกังวล คือการ Rebranding ในไทยจะมีโอกาสทำสำเร็จ หรือถูกครอบงำต่อไปในอนาคตมากกว่า
ศักยภาพของเรามีพร้อม กำลังคน+ความรู้+ความชำนาญ+เครื่องจักร ฯลฯ และกำลังขยับขยายลงทุนในด้าน logistics ซึ่งจะกำลังสำเร็จภายใน 5ปี
หากทุกองค์ประกอบสำเร็จ อาจเกิด Rebranding จากต่างชาติเพื่อขยายฐานความสำเร็จ ปันหุ้นร่วมลงทุนต่อยอดจากกิจการ เพื่อรักษาฐานความเป็นผู้นำ
หรือ คนไทยทำการปฎิวัติทางธุรกิจ และจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ถือกำเนิดขึ้นมา
มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ brand คนไทยจะสู้กับเจ้าของ brand ระดับโลกได้ เพราะธุรกิจยังมีปัจจัยแฝงอยู่อีกมากมาย
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีคนไทยเคยทำสำเร็จได้ หรือไม่เคยลองทำ
ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเวลา หากปัจจัยทุกอย่างพร้อม เราจะได้ไปยืนอยู่แถวหน้าบนเวทีโลกได้ในสักวัน
https://www.brandbuffet.in.th/2017/11/marketing-case-study-the-pizza-company-vs-pizza-hut/