แม้ว่า เมาริซิโอ้ ซาร์รี่ จะยิ้มออกระหว่างการแถลงข่าวหลังเกมนัดชิงชนะเลิศ ในศึก คาราบาว คัพ ที่ เชลซี พ่ายการดวลจุดโทษต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไป แต่นั่นก็ไม่สามารถกลบเหตุดราม่าระหว่างตัวเขา และ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า นายด่านของทีมไปได้

ณ ตอนเกิดเหตุ ซาร์รี่ แทบไม่อยากจะอยู่ในสนามต่อ หลังจากที่เขาพยายามจะเปลี่ยนเอา เกปา ซึ่งได้รับการปฐมพยาบาลจากแพทย์ถึง 2 ครั้งออกจากสนาม แต่ดันโดนปฏิเสธแบบอื้อฉาวไปทั่วโลก แม้กระทั่ง จิอันฟรังโก้ โซล่า ผู้ช่วยของเขาก็ถูกเมินจากแข้งสแปนิชเช่นเดียวกัน

ดาวิด ลุยซ์ คือ นักเตะคนเดียวที่พยายามเข้าไปเกลี่ยกล่อมให้เพื่อนทำตามคำสั่งของผู้เป็นกุนซือ แต่ก็เท่านั้น ซึ่งทำให้ วิลลี่ กาบาญาโร่ อดีตนายด่านของ แมนฯซิตี้ ซึ่งเซฟไปถึง 3 ลูกจากการดวลจุดโทษกับ ลิเวอร์พูล ในรอบชิงชนะเลิศ เมื่อ 3 ปีก่อน ต้องเดินคอตกกลับม้านั่งสำรองไป ทั้งๆที่เขามายืนรอข้างสนามเพื่อโอกาสที่จะได้ลงเล่น และ เป็นฮีโร่ของทีมอีกครั้งหนึ่ง

ผลสรุปของเรื่องนี้คือ “สิงห์ไฮโซ” เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป แม้ เกปา จะเซฟลูกยิงของ ลีรอย ซาเน่ ได้ก็จริง แต่ดันหมูหก ปล่อยให้บอลของ กุน อาเกวโร่ หลุดใต้แขนเข้าไปหน้าตาเฉย ทั้งๆที่น่าจะรับได้แบบไม่ยากเย็น สานต่อความคลุมเคลือกับอนาคตหน้าที่การงานของ ซาร์รี่ ที่ดูจะไม่มั่นคงแม้แต่น้อย พร้อมตอกย้ำให้ข่าวลือที่ว่า กุนซือจอมพ่นควัน หมดความน่าเชื่อถือในห้องแต่งตัวไปแล้วให้เพิ่มขึ้นไปอีกขั้น

มันก็น่าเจ็บใจไม่น้อย สำหรับ อดีตกุนซือนาโปลี ที่พยายามจะคว้าโทรฟี่ย์ใบแรกในการคุมทีมให้กับตัวเอง เพราะตลอด 118 นาที เชลซี ถือว่าเล่นกันได้ดี ไม่เหมือนเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนที่โดนคู่แข่งทีมเดียวกันนี้ถล่มยับไป 6-0 ใน พรีเมียร์ ลีก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นระบบการเล่นที่ติดตั้งให้ทีมไว้ตั้งแต่เริ่มเกม จนกระทั่งการปรับแผน เปลี่ยนตัว ก็ดูเข้าที อีกทั้งลูกรักอย่าง จอร์จินโญ่ ที่แม้ว่าจะโดนวิจารณ์อย่างหนักหน่วงในช่วงที่ผ่านมาก เล่นได้ดีเลยทีเดียว

แต่ทุกสิ่งที่อย่างที่ว่ามาเล่านั้น กลับถูกกลบรัศมีซะมิด ด้วยเหตุดราม่าจาก นายด่านค่าตัว 71 ล้านปอนด์ ที่แปรผันมาเป็นการตั้งคำถามเกี่ยวกับ สถานะของตัว ซาร์รี่ ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ไปเสียอย่างนั้น ซึ่งพฤติกรรมของ เกปา ไม่ต่างอะไรกับ เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ออกลูกงอแง เพราะโดนแม่ปิดไฟไล่ให้ไปนอน

ภาพที่ นักเตะ คนนึงยืนโวยวายในสนาม ไม่ยอมที่จะถูกเปลี่ยนตัวออก ไม่ว่านั่นจะด้วยเหตุผลอะไร มันสะท้อนให้เห็นถึงความไร้ซึ่งพลังอำนาจในการควบคุมทีมของ ซาร์รี่ ได้อย่างชัดเจน ดั่งที่ครั้งหนึง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยกล่าวเอาไว้อย่างแน่นหนักว่า การคอนโทรลทีมให้อยู่ คือสิ่งที่กุนซือทุกคนพึงมี และ จะขาดไปไม่ได้เลย

“ถ้าคนเป็นกุนซือเอานักเตะไม่อยู่ เขาก็จบ” อดีตนายใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกล่าวเอาไว้

“นั่นคือสิ่งที่คุณห้ามเสียไปเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่คุณต้องรับมือกับบรรดานักเตะ 30 คนที่มีเงินเป็นถุงเป็นถัง ถ้าใครคิดจะเดินออกจากเส้นที่ผมขีดเอาไว้ มันก็จบกันทันที”

ซาร์รี่ เสียสิ่งที่ว่านั้นไป ปฏิกิริยาของ เกปา ในตอนนั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดี ก่อนมันจะถูกย้ำให้แน่ชัดขึ้นไปอีก กับ การที่ผู้เป็นกุนซือยอมอ่อนข้อ แบ่งรับแบ่งสู้ เชิงว่าเป็นความเข้าใจผิดของตนเอง ในการให้สัมภาษณ์หลังเกม

“มันเป็นความเข้าใจผิดแบบสุดๆเลยล่ะ” ซาร์รี่กล่าว

“ผมเข้าใจว่า เกป้า เจ็บ ก็เลยไม่อยากจะปล่อยให้เขาต้องไปรับจุดโทษในสภาพแบบนั้น ผมเพิ่งจะบางอ้อก็ตอนที่แพทย์สนามมาบอกหลังจากนั้น 3-4 นาทีผ่านไปแล้ว”

“เกปา ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ แค่เขาแสดงออกไม่ถูกไม่ควรไปหน่อย มันแค่สิ่งที่เขาแสดงออกเท่านั้นที่ไม่เหมาะสม แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของจิตใจ เขาถูกต้องแน่นอน เพราะเขาพร้อมสำหรับช่วงดวลจุดโทษ”

จริงๆเรื่องพวกนี้มันอาจจะจบลงง่ายมาก ถ้าหากว่า ซาร์รี่ แค่เดินไปที่ข้างสนาม ส่งสัญญาณถามว่า เกปา โอเคไหม? ยกนิ้วโป้งขึ้น หรือ คว่ำนิ้วโป้งลง แค่นั้นจบ แต่ในเมื่อมันไม่เป็นอย่างนั้น และ สิ่งที่คนทั้งโลกเห็นก็คือ เกป้า ไม่ได้มีความเกรงกลัวสักนิดที่จะต่อต้านกุนซือของตัวเอง หากเขาคิดที่จะทำอย่างนั้น

บางทีมันอาจจะเป็นเพราะตัวตนของสโมสรอย่าง เชลซี ก็ได้ ซึ่งอย่างที่เรารู้กันว่า บอส ที่แท้จริงของสโมสรตลอดมาก็คือ โรมัน อับราโมวิช เศรษฐีชาวรัสเซียที่เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรตั้งแต่ปี 2003 ทำให้วลีเด็ดของ เฟอร์กูสัน ไม่สามารถใช้ในกรณีนี้ได้

จริงอยู่ที่ถึงแม้ว่าล่าสุด เกปา จะออกมาขอโทษ และ ให้สัมภาษณ์ครั้งใหม่ หลังจากที่ตอนแรกเจ้าตัวยืนกรานว่าเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด และ ดูท่าทางไม่ได้สำนึกกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมกับบทลงโทษจากต้นสังกัดด้วยการปรับเงินเป็นจำนวนค่าเหนื่อยหนึ่งสัปดาห์ด้วยกัน

แต่ว่ากันเข้าจริงๆแล้ว ซาร์รี่ ยังคงเป็นผู้นำทีมที่มีอำนาจตัดสินใจเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด โดยที่ไม่ได้มีใครคัดค้าน หรือ ต่อต้านในใจ หรือไม่? เขาจะสามารถกู้สถานการณ์พาทีมให้กลับมาสู่เส้นทางหลักในการลุ้นพื้นที่ตั๋วแชมป์เปี้ยนส์ ลีก หลังเกิดเหตุที่แสดงให้เห็นถึงความด้อยในพลังอำนาจของตัวกุนซือที่มากที่สุดครั้งหนึ่งบนหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังเมืองผู้ดี ได้จริงไหม?

เวลาจะเป็นคำตอบ

ซึ่งเวลาที่ว่าจะเหลือมาก หรือ เหลือน้อย ก็คงต้องขึ้นอยู่กับ อีกหนึ่ง บอส ที่แท้จริงอย่าง โรมัน อับราโมวิช นั่นเองด้วยแหละครับ


-------------------------------------------------------------------------------------



ปล. ผมแปลมาจากเว็บ ESPN อีกทีหนึงนะครับ ก่อนจะปรับช่วงท้ายนิดหน่อย ให้อัพเดตเข้ากับสถานการณ์ล่าสุด หวังว่าทุกท่านจะชอบ ขอบคุณครับ

ทำไมเซนท์ผมมันบอกว่าโมเมนตัมจะกลับไปทางซาร์รี่วะ แบบลูกทีมพร้อมเล่นถวายหัวให้ เพื่อช่วยโค้ชของตัวเอง ทั้งการให้สัมภาษณ์ของนักเตะ ไม่เคยมีครั้งไหนเลยนะ ที่โค้ชทำผลงานแย่แต่นักเตะทุกคนทุกตำแหน่งที่สัมภาษณ์ให้เสียงไปในทางเดียวกันด้านบวก

ส่วนเรื่องคุมลูกทีมไม่อยู่นี้ มันน่าสงสารนะ คือซาร์รี่ทำในสิ่งที่โค้ชคนนึงสามารถทำได้สุดๆแล้วในสถานการณ์แบบนี้ ทั้งการเตรียมทีม เปลี่ยนแผน เปลี่ยนตัว คิดถึงมุมของเกป้า(ที่อาจคิดว่าเจ็บจริงหรือจะเปลี่ยนเพราะแทคติก) ลองผู้จัดการทีมอื่นที่เฮี้ยบลองมาเจอเหตุการณ์นักเตะไม่ยอมออกสิ มันก็จะโดนตั้งคำถามว่าเอานักเตะไม่อยู่เหมือนกัน ทั้งๆที่เหตุการณ์มันอยู่ที่ตัวนักเตะเองแท้ๆที่เป็นคนบังคับให้แนวทางไปในทิศทางนั้น แต่สิ่งที่ผู้จัดการเฮี้ยบๆคนอื่นอย่างเป๊ป คล็อป มู เซอร์ทำ น่าจะเป็นการดร็อปนักเตะในนัดต่อไปแน่ๆ แต่ซาร์รี่เลือกสัมภาษณ์เพื่อไว้หน้านักเตะ สโมสร และแแฟนบอล และคิดถึงตัวนักเตะและสโมสรอย่างหนักในเรื่องของการซื้อตัวมาด้วยราคาที่แพงพร้อมกับไม่มีหน้าที่ในการซื้อขายใดๆทั้งสิ้น นั้นทำให้ซาร์รี่คงตระหนักถึงหนทางที่ดีที่สุดก็ว่าได้

"แล้วคุณหล่ะ สัมผัสถึงคอสโมหรือเปล่า"

เบื้องหลังไม่มีใครรู้หรอก แต่ที่รู้ๆ คือเกปามันหมดอนาคตไปแล้ว ..

คูร์ตัวที่ว่าแย่ มีมึงอีกตัวแย่กว่ามันอีก

แล้วแต่คิดครับ แต่ผมคืดว่าผมเซฟเกป้านะ ไม่ได้บอกว่าเกป้าถูกครับ ผิดเต็มๆรับไปคนเดียวเลย แต่ไม่ได้แย่ขนาดต้องสาปแช่งให้หมดอนาคตครับ

ทำไมเซนท์ผมมันบอกว่าโมเมนตัมจะกลับไปทางซาร์รี่วะ แบบลูกทีมพร้อมเล่นถวายหัวให้ เพื่อช่วยโค้ชของตัวเอง ทั้งการให้สัมภาษณ์ของนักเตะ ไม่เคยมีครั้งไหนเลยนะ ที่โค้ชทำผลงานแย่แต่นักเตะทุกคนทุกตำแหน่งที่สัมภาษณ์ให้เสียงไปในทางเดียวกันด้านบวก

ส่วนเรื่องคุมลูกทีมไม่อยู่นี้ มันน่าสงสารนะ คือซาร์รี่ทำในสิ่งที่โค้ชคนนึงสามารถทำได้สุดๆแล้วในสถานการณ์แบบนี้ ทั้งการเตรียมทีม เปลี่ยนแผน เปลี่ยนตัว คิดถึงมุมของเกป้า(ที่อาจคิดว่าเจ็บจริงหรือจะเปลี่ยนเพราะแทคติก) ลองผู้จัดการทีมอื่นที่เฮี้ยบลองมาเจอเหตุการณ์นักเตะไม่ยอมออกสิ มันก็จะโดนตั้งคำถามว่าเอานักเตะไม่อยู่เหมือนกัน ทั้งๆที่เหตุการณ์มันอยู่ที่ตัวนักเตะเองแท้ๆที่เป็นคนบังคับให้แนวทางไปในทิศทางนั้น แต่สิ่งที่ผู้จัดการเฮี้ยบๆคนอื่นอย่างเป๊ป คล็อป มู เซอร์ทำ น่าจะเป็นการดร็อปนักเตะในนัดต่อไปแน่ๆ แต่ซาร์รี่เลือกสัมภาษณ์เพื่อไว้หน้านักเตะ สโมสร และแแฟนบอล และคิดถึงตัวนักเตะและสโมสรอย่างหนักในเรื่องของการซื้อตัวมาด้วยราคาที่แพงพร้อมกับไม่มีหน้าที่ในการซื้อขายใดๆทั้งสิ้น นั้นทำให้ซาร์รี่คงตระหนักถึงหนทางที่ดีที่สุดก็ว่าได้

"แล้วคุณหล่ะ สัมผัสถึงคอสโมหรือเปล่า"

ผมก็คิดงั้นนะว่าโมเมนตัมมีสิทธิมาทางซารี่สูงมาก อาซาร์ ลุย ไม่เคยออกมาเซฟใครเลยนะ นี่อาซามาเองลุยมาเอง มันแปลกมากๆ หรือจริงๆแล้วไอนัดที่เล่นกันยุ่ยๆนั้นเป็นเพราะนักเตะยังเข้าไม่ถึงปรัชญาแก นักเตะเลยออกมาเซฟแก

ผมก็พยายามคิดในด้านบวก คือคิดแบบไม่อคตินะ ทุกนัดที่แพ้หรือเสมอเพราะเกมเคาะไปเคาะมาตันๆ แกก็ออกมาบอกว่านักเตะไม่วิ่งหาช่อง แต่ก็เช่นกันทุกนัดที่ชนะแล้วเล่นดี เพราะนักเตะเริ่มเข้าใจแผนของแก แล้วผมก็สังเกตุเห็นนักเตะพยายามหาช่อง วิ่งตัดหลังแบ็คทุกนัดเช่นกัน แต่ผมก็ไม่อยากไปอธิบายอะไรมาก เพราะความดื้อของแกมันก็ชัดเจนเหมือนกัน

เดี้ยวผลงานกลับมาดีเมื่อไหร่ เรื่องนี้ก็จะถูกลืมไปเองนั้นละ

อย่าลืมว่าอนาคตของซารรี่อยู่ที่ผลงานล้วนๆ จะคุมทีมแบบไหนก็ได้ขอแค่ผลการแข่งขันออกมาดีก็พอแล้ว สำหรับบอร์ดบริหาร

ไม่ว่าจริงๆแล้วจะเป็นยังไง แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์จะขึ้นอยู่กับเกมกับไก่เลย

ถ้าเชลซีชนะ ทีมรวมใจ ก้าวผ่านดราม่า ซาร์รี่เอาอยู่

ถ้าเชลซีแพ้ เละเทะ คุมลูกทีมไม่ได้ ฟอร์มห่วย บายลุง

ไหวดิ

ปกติ นัดชิง จะซ้อมเผื่อจุดโทษ ซึ่งซารี่ต้องวางกาบาญาโร่มาเซพอยู่แล้ว ? รึปล่าว

เห็นด้วย รูปแบบการเล่นวันนั้น ทรงดีมาก แล้วโควต้าเปลี่ยนตัว ยังเหลือ
น่าจะเปลี่ยนเพื่อ แท็กติก แต่ที่ออกสื่อน่าจะ รักษาโมเมนตัม ในทีมมากกว่า

สโมสรน่าจะยังไม่ทำโทษสถานหนักมั้ง เดาเอา โดนแบนในตลาด2รอบคงยังไม่อยากเสียตัวจริงเพิ่มนอกจากอุทรณ์ผ่าน