เวลามีการถกเถียง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ ' Strawman fallacy '
เวลามีการถกเถียง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ '
Strawman fallacy' ซึ่งหมายถึง การหยิบประเด็นที่คู่สนทนาเสนอ เอามาเปลี่ยนให้มันสุดโต่ง แล้วโจมตีข้อความนั้นๆ
ตัวอย่าง
"กองทัพน่าจะเลิกเกณฑ์ทหารนะ"
"งั้นก็อย่ามีเลยนะกองทัพเนี่ย ยกเลิกให้หมด จะได้ไม่มีคนป้องกันประเทศ" << ประโยคนี้ผิด
เพราะถ้าเราใช้ Strawman fallacy ผลคือ
1) ประเด็น ความเห็น ข้อมูลที่ฝ่ายแรกนำเสนอจะโดนปัดตกจากการสนทนาโดยไม่ถูกตีแผ่ วิเคราะห์ วิจารณ์อย่างมีประโยชน์
2) การสนทนาจะไม่ก้าวไปข้างหน้า เพราะฝ่ายเสนอประเด็นต้องมาคอยลำบาก defend แนวคิดตัวเองอย่างไม่จำเป็น
3) บรรยากาศการสนทนาแย่ลง
เราเรียกวิธีอย่างนี้ว่า Strawman (หุ่นฟาง) เพราะมันเหมือนการสร้างหุ่นฟางแทนตัวฝ่ายตรงข้าม แล้วทำร้ายหุ่นฟางเสมือนหนึ่งเป็นฝ่ายตรงข้าม / สร้างแนวคิดที่สุดโต่งน่ารังเกียจมา และถกเถียงกับแนวคิดสุดโต่งนั้นเสมือนหนึ่งเป็นแนวคิดที่ฝ่ายเสนอยกขึ้นมาอภิปราย
เราสามารถเห็นการใช้ fallacy นี้เต็มไปหมดในดราม่าต่างๆ ประเทศไทยก็ไม่เว้น
ตัวอย่างอื่นๆ
"
เลิกชุดนักเรียนเดี๋ยวก็ใส่บิกินี่มาเรียน"
"
สั่งไม่ให้อาหารหมาจรจัดในวัด? เป็นพระจะฆ่าหมาเหรอ"
"
ข่มขืนไม่ประหาร? งั้นเอามันออกจากคุกไปเลี้ยงที่บ้านคุณนะ"
ง่ายมากที่จะเผลอใช้ตรรกะวิบัตินี้
เชื่อว่าคนส่วนหนึ่งไม่แสดงความเห็นเพราะระอาเมื่ออีกฝ่ายหยิบตรรกะวิบัตินี้มาใช้
เมื่อเราเกิดความคิดต่อต้านประเด็นฝ่ายตรงข้าม ให้ลองดึงสติกลับมาพิจารณา ว่าสิ่งที่เราไม่เห็นด้วย เป็นสิ่งที่เขาเสนอมา หรือเป็นสิ่งที่ใจเราคิดตย.สุดโต่งขึ้นมาแทนที่
ทั้งนี้ ไม่ได้บอกว่าฝ่ายไหนถูก
ประเด็นที่ยกมาอาจจะไร้สาระหรือเป็นภัยสังคม
แต่การสนทนาโดยใช้ตรรกะวิบัติหุ่นฟาง จะทำให้แนวคิดนั้นๆไม่ถูกนำมาใช้ ไม่ถูกตีแผ่ ไม่ถูกชี้ช่องผิด หรือจุดควรแก้ไข
นำบทสนทนาสู่การถกกันในเรื่องที่ทุกคนเห็นตรงกันอยู่แล้วว่าผิด
เสียเวลามาก ย่ำอยู่กับที่
(จบ)
เครดิต
https://twitter.com/i2twit