จากความพ่ายแพ้นัดล่าสุดคาสแตมฟอร์ดบริจด์ต่อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 0-2 กลายเป็นหยุดสถิติชนะต่อผีแดง5เกมในบอลถ้วยเป็นที่เรียบร้อย ทำให้เก้าอี้ของกุนซือจอมจด เมาริซิโอ ซาร์รี่ถึงกับร้อนเหมือนอยู่ในนรก
ปฏิกิริยาของแฟนบอลระหว่างเกมที่บางส่วนร้องเพลง F..ck Sarri-ball รวมถึงบางส่วนที่สีหน้าสุดทนกับฟอร์มการเล่นของทีมรักในช่วงหลายเกมหลังสุด
นับเฉพาะปี 2019 เชลซีของซาร์รี่ต้องพบช่วงเวลายากลำบากหลายครั้ง จุดเปลี่ยนสำคัญที่พวกเขาเกิดบาดแผลเกิดในเกมที่แพ้สเปอร์ 3-1 เมื่อช่วงปลายปี2018 และกลายเป็นหยุดสถิติทุกอย่างที่โคตรจะสวยงามของกุนซือชาวอิตาลีที่เพิ่งประเดิมงานในเวทีลีกอังกฤษ
พวกเขาเริ่มจากการเสมอ Southampton แบบสุดห่วย ส่งกลิ่นไม่ดีรวมทั้งสถานะของการลุ้นพื้นที่สี่อันดับแรกของตารางก็ค่อนข้างกดดันไปเรื่อยๆ รวมถึงในปีนี้พวกเขาพบทีมใหญ่ด้วยกันเองไปแล้วทั้งหมด 5 เกม
Spurs 1-0 Chelsea (L)
Arsenal 2-0 Chelsea (L)
Chelsea 2-1 Spurs (W)
Man City 6-0 Chelsea (L)
Chelsea 0-2 Man United (L)
Goals Scored: 2
Goals Conceded: 12
Goal Difference: -10
และแน่นอนว่ายังมีเหลืออีกสองเกมรออยู่ในสัปดาห์ถัดไปที่จะต้องไปชิงถ้วยลีกคัพกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมถึงเปิดบ้านทำศึกลอนดอน ดาร์บี้กับทีมที่น่าจะพูดได้ว่ายึดครองความยิ่งใหญ่ในลอนดอนตอนนี้อย่าง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์
สถิติบ่งบอกให้เห็นได้ชัดว่า เชลซีเมื่อเจอทีมใหญ่พวกเขามักจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจมากนัก ซึ่งแต่ละเกมก็เห็นได้ชัดว่าระบบฟุตบอลที่ติดตั้งตอนนี้ไม่สามารถต่อกรกับทีมใหญ่ได้เลย
แม้สถิติการเจอทีมใหญ่ในซีซั่นนี้ในบางเกมจะมีผลลัพธ์ที่น่าเหลือเชื่อ นั่นคือการบุกไปชนะลิเวอร์พูลถึงแอนฟิลด์ในเกมลีกคัพ1-2 หรือการเปิดบ้านเอาชนะซิตี้2-0 แม้กระทั่งเกมต้นฤดูกาลที่เอาชนะอาร์เซนอลแบบสุดมันส์ 3-2 ล้วนต่างมีบาดแผลที่เห็นได้ชัดอยู่ทุกเกม
ปัญหาแรกคือการป้องกันลูกครอสจากด้านข้าง ซึ่งเป็นปัญหาที่ชัดเจนยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้อง นัดล่าสุดเชลซีเสียสองประตูให้เอเรร่า และ ป็อกบา ซึ่งมาจากลูกครอสด้านข้างทั้งสองลูก นั่นเป็นสัญญานที่ชัดเจนว่าพวกเขามีจุดอ่อนในพื้นที่บริเวณด้านข้างทั้งการป้องกันการครอสจากคู่ต่อสู้ รวมถึงการมาร์คตัวในพื้นที่กรอบเขตโทษ
ลูกแรกที่เสียกองหลังของเชลซีเล่นตามเกมของแมนยู กองกลางสองคนอย่างโควาซิชรวมถึงจอร์จินโญ่ลเข้าบีบหาบอลพร้อมกันสองคนทั้งๆที่มีรูดิเกอร์อยู่ในตำแหน่ง รวมถึงอัสปิลิเกวต้าที่หลุดจากตำแหน่งและพลาดไม่สามารถคัฟเวอร์ตรงกลางสนามได้ ทำให้ลูกนี้พื้นที่บริเวณกลางสนามไร้ตัวประกบ(ก็องเต้บีบสูงในจังหวะแก้เพรสของมาต้า) ส่งผลให้เอเรร่าที่ปลีกตัวมาเงียบๆ ชิงจังหวะที่อลอนโซ่หลงตัวประกบ และลงโทษเชลซีในท้ายที่สุด
ไม่หนำซ้ำลูกที่สองที่เสียประตูมาจากความผิดพลาดในการขึ้นเกมบริเวณกราบซ้าย แนวรับแผงแบ็คโฟร์ของเชลซียืนได้สะเปะสะปะมากๆในจังหวะป้องกัน รวมถึงการที่ป็อกบาเอาตัวเองมาอยู่ในช่องหว่างระหว่างกองหลังกับกองกลางได้สำเร็จ ทำให้ป็อกบาสามารถจ่ายบอลเข้าพื้นที่ว่างได้ แต่มันก็ควรจะถูกป้องกันได้แต่กลับกลายเป็นว่าลุยซ์เลือกที่จะไม่เข้าบีบใส่แรชฟอร์ดและปล่อยให้ได้มีเวลาชำเลืองมองในกรอบเขตโทษและมีเวลาให้เปิด ทำให้ป็อกบาที่กะไทม์มิ่งการขึ้นเทคตัวได้ดีกว่ารูดิเกอร์ทำประตูขึ้นนำ0-2
มีอีกหลายต่อหลายเกมที่การป้องกันด้านข้างของเชลซีเข้าขั้นแย่ถึงแย่ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเกมที่เจออาร์เซนอล ที่ได้สองประตูจากการโจมตีครอสด้านข้าง หรือแม้กระทั่งเกมที่ชนะสเปอร์ 2-1 ที่ญอเรนเต้เข้ามาโขกแบบไม่คาดคิด และยิ่งเละไปใหญ่ในเกมกับซิตี้ที่เชลซีเจอเล่นงานจากการเจาะด้านข้างแบบจังๆ โดยเฉพาะลูกที่แบร์นาโด ซิลวาลากวนกองหลังออกไปด้านข้างแล้วเปิดเข้ามา ถึงแม้กุน อเกวโร่ยิงจ่อๆออกไปเอง แต่ปัญหาจากการครอสด้านข้างค่อนข้างใหญ่มากๆ
แต่ทั้งหมดปัญหาคือความหละหลวมของ Pressing ที่เชลซีไม่สามรถทำได้อย่างเนียนตา ซึ่งเป็นคุณสมบัติของทีมที่มีคีย์หลักเป็น Possession เหมือนที่เป๊ปสร้างซิตี้ขึ้นมาให้เป็นทีมที่ทั้งความดุดันในการเพรสซิ่ง การครองบอลที่ต่อเนื่อง และการโจมตีที่แม่นยำ ทั้งหมดนี้เชลซียังเปรียบเสมือน rookieในด้านนี้อย่างมาก
Nouman วิเคราะห์พื้นที่ของบริเวณการสนามได้ค่อนข้างดีและน่าสนใจ Nouman อธิบายว่ากองกลางของเชลซีมักสร้างพื้นที่บริเวณกลางสนามบ่อยครั้งในยามที่แถวหน้าสามตัวรวมถึงมิดฟิลด์สองตัวพยายามบีบพื้นที่สูง ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ในตำแหน่งนั้นคือจอร์จินโญ่ที่มักสร้างพื้นที่ว่างชิ้นใหญ่ แม้บางทีจะสามารถปกปิดพื้นที่ได้ แต่ถ้าเจอคู่ต่อสู้ที่สามารถเล่นบอลไดเร็คหรือต่อบอลสั้นน้อยจังหวะได้ดี พวกเขาสามารถหลุดเพรสซิ่งของเชลซีอย่างง่ายดายและสร้างปัญหาต่อแนวรับได้ทันที รวมถึงทำให้แนวรับต้องเจอสถานการณ์ที่ตัวน้อยกว่าฝั่งตรงข้าม
เขาอธิบายต่อถึงความล้มเหลวตรงนี้ว่า รูปการเพรสซิ่งหรือการยืนตำแหน่งนั้นแย่มาก จอร์จินโญ่มักเจอสถานการณ์ 2รุม1 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อาจจะโทษไปที่จอร์จินโญ่หมดไม่ได้ เพราะในบางทีนักเตะเชลซีไม่ได้วิ่งไล่บอลหรือบีบกันอย่างสม่ำเสมอ หรือการซ้อนตำแหน่งและการคัฟเวอร์ต่างๆที่ทำได้ไม่ดี เหมือนกับเกมรุกที่นักเตะเชลซีมักเล่นช้าและคิดตื้นเพียงแค่2-3สเต็ปในการเล่น มันทำให้บอลเคลื่อนที่แต่ไม่ได้สร้างเอฟเฟกต์ต่อฟังตรงข้ามแม้แต่น้อย
จนถึงแฟนบอลยังด่าเรื่องใช้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ผิดตำแหน่งอยู่เลย โดนปรามาสว่าเป็นโค้ชที่โง่และดื้อ มองไม่ออกว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดของนักเตะอยู่ตรงไหน ไม่ยืดหยุ่น ไม่ปรับเปลี่ยน ไม่ทำอะไรสักอย่าง ซึ่งมันก็จริงว่าเค้านั่นขาดจุดตรงนี้ไปมากๆ ทำให้สถานการณ์ตอนนี้มันแย่ แต่ก็ยังผมมั่นใจว่าซาร์รี่รู้ครับว่าก็องเต้เล่นมิดฟิลด์ตัวรับได้สุดยอด แต่เพียงว่าปรัชญาของเขาอาจจะแตกต่างกันออกไป เพราะขนาดแฟร์นานดินโย่ปีแรกกับเป๊ปก็ไม่ได้ถึงกับดีมากนัก
ตอนนี้ผ่านมา7เดือนแล้ว แม้ระบบที่เรียกว่าSarri-Ball จะกลายเป็น F..ck Sarri-ball ไปแล้ว แน่นอนว่า ณ ตอนนี้ หรือ ในอนาคต ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าซาร์รี่จะยังอยู่กับสโมสรต่อหรือไม่ หรือต่อให้อดทนต่อไปก็ใช่ว่าผลงานจะดี หรือ อดทนไปอีกนิดมันก็จะดีขึ้น แต่ความศรัทธาและเชื่อมั่นในมือคนที่ตัวเองมอบความไว้วางใจให้คือสิ่งสำคัญ โซล่าสัมภาษณ์ว่า บอกว่าซิตี้มาถึงจุดนี้เพราะเป๊ปไม่ยอมเปลี่ยนแนวทางฟุตบอลที่ตัวเองตั้งใจ คำถามก็คือเชลซีศรัทธาในSarri-ballอีกไหม และอดทนพอที่จะให้เวลาเขาคนนี้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายรวมทั้งพร้อมให้การสนับสนุนจัดหานักเตะที่เขาต้องการในฤดูกาลถัดไปหรือเปล่า
แต่ก็นั้นแหละครับมันคือเรื่องของในอนาคต แฟนบอลอย่างเรามีสิทธิโกรธเคืองผู้จัดการทีมที่ดื้อหรือไม่ยอมเปลี่ยนแผน แต่สุดท้ายตอนนี้ลุงซาร์รี่ก็ยังทำงานอยู่ในฐานะผู้จัดการทีม ผมยังสนับสนุนให้เขาอยู่ต่อ แต่ถ้าซาร์รี่ดื้อรั้นจนเกินเหตุ และไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ทัน มันก็ขึ้นอยู่กับสโมสรทั้งหมดครับ
อยากฟังความเห็นของทุกคนว่า จุดอ่อนของเชลซีอยู่ตรงไหนบ้าง
Keep the Blue Flag Flying High