http://www.customs.go.th/cont_strc_simple_with_date.php?current_id=14232832404f505f4c464b47464b4d

ฉบับที่ 13/2562 วันที่ 17 มกราคม 2562
กรมศุลกากร ชี้แจง กรณีการนำเข้าแบบของเร่งด่วนทางอากาศยาน
ตามที่มีการโพสต์ข่าวใน Instagram ของ fluke777 และมีการแชร์ในสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการชำระค่าภาษีอากรชุดนอนที่นำเข้าจากต่างประเทศในราคาประมาณ 15,000 บาท ต้องชำระค่าภาษีอากรเกือบ 7,000 บาท ทำให้เกิดความสงสัยในการจัดเก็บภาษีอากรของกรมศุลกากร เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2562ที่ผ่านมานั้น
กรมศุลกากร ขอชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศรายนี้ กล่าวคือการนำเข้าสินค้าประเภทเสื้อผ้าชุดนอน และผู้นำเข้าได้ใช้บริการการผ่านพิธีการศุลกากรและขนส่งจากบริษัท DHLจำกัด โดยการปฏิบัติพิธีการศุลกากร ณ สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นการนำเข้าตามใบขนสินค้าขาเข้าเร่งด่วน เลขที่ A015X620100662 รายการที่ 24 ซึ่งมีรายละเอียดการสำแดงดังนี้
สำแดงชนิดสินค้าเป็น Jersey short, Jersey top ประเภทพิกัด 61034900 อัตราอากร 30%ราคา FOB. 378.76 GBP หรือ 15,828.61 บาท โดยมีค่าขนส่ง (Freight) 1,180 บาท และค่าประกันภัย (Insurance) 158.29 บาท รวมเป็นราคา CIF. 17,166.90 บาท
ค่าอากร 30% คิดเป็นจำนวนเงิน 5,150.07 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% คิดเป็นจำนวนเงิน1,562.19 บาท รวมค่าภาษีอากรที่ต้องชำระ 6,712.26 บาท
ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นใบขนสินค้ายกเว้นการตรวจ (Green line) และได้ปฏิบัติพิธีการทางศุลกากรแบบการนำเข้าของเร่งด่วนโดยถูกต้องตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง*
และชำระภาษีอากรครบถ้วนตรงตามใบเสร็จรับเงินแบบใหม่ (กศก.123) เลขที่1190-115296/15.01.62 (23/39) เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปฏิบัติพิธีการศุลกากรแบบการนำเข้า – ส่งออก
ของเร่งด่วน ทางอากาศยาน ได้ตามแผนภาพเอกสารแนบท้ายนี้หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม โปรดติดต่อ ส่วนบริการศุลกากร 3 สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโทร. 0-2134-3798
* ประกาศกรมศุลกากรที่ 66/2561 เรื่องการปฏิบัติพิธีการศุลกากร ณ เขตปลอดอากรท่าอากาศยาน
สุวรรณภูมิ และประกาศกรมศุลกากรที่ 130/2561 เรื่องการปฏิบัติพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ว่าด้วย
กระบวนการทางศุลกากรเกี่ยวกับของเร่งด่วน

*********************************
โดยส่วนตัว ชัดเจนและไม่มีข้อสงสัยครับ
ที่ต้องเพิ่มเติมคือ คนสั่งของเอง ควรจะต้องเรียนรู้ให้ชัดเจนว่า "สั่งซื้อของจากต่างประเทศ ก็มีภาษีนะ"

ผมนี่เวลาสั่งของจาก ตปท.จะให้ส่งไป ออสเตรเลีย(บ้านน้า) แล้วรอน้ามาไทย 3เดือน/ครั้ง ให้น้าหิ้วมาให้ รอนานหน่อยแต่ไม่ต้องเสียภาษี

กฎหมายศุลกากรผมว่ามันซับซ้อนอยู่​ ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจพอสมควรเลยล่ะ​ ผมไม่แปลกใจที่จะมีการโวยวายด้วยความไม่รู้บ่อยๆ​ ทางที่ดีคือกรมศุลต้องทำชี้แจงรายสัปดาห์แบบนี้แหละ​ ให้ความรู้กันไป

นั่นเป็นความเข้าใจผิดครับ

ไม่ใช่ว่าซื้อของแล้วถือเข้ามาเองจะยกเว้นภาษีนะครับ ตามกฎหมายต้องเสียภาษีเหมือนกัน
ถ้ามูลค่าสูง จำนวนเยอะ ก็เสียภาษีนำเข้าตามปรกติ (ขอไม่กล่าวถึงยอดเงินที่ยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีนะครับ เกณฑ์เดียวกับสั่งของ...น้อยจนน้ำตาเล็ด)

แต่ที่โดยปรกติของติดตัวเข้ามาแล้วมักไม่เสียภาษี เพราะความผ่อนผันของเจ้าหน้าที่ ที่ส่วนใหญ่ใช้วิจารณญาณผ่อนปรนให้กันครับ
ซึ่งจริงๆเจ้าหน้าที่เองก็พอรู้สึกนั่นล่ะ ถึงผ่อนผันผ่อนปรนกัน

เรื่องภาษีศุลนี้เยอะครับ คนทั่วไปไม่รู้เรื่องหรอก

ทางที่ดีให้ชิปปิ้งจัดการ ส่วนถ้าจะสั่งเองก็วัดดวงเอาเลย

ถ้าโดนก็ถามเค้าว่าค่าอะไร แล้วก็โทรถามกรมเลยง่ายๆ

ไม่ใช่โดนจ่ายแพงโวยวายก่อนเลย ไม่งั้นคนแห่ไปสั่งของนอกที่ถูกกว่าในประเทศกันหมด

เงินรั่วไปข้างนอกเพียวๆ ไม่เข้าประเทศ ก็เจ๊งสิครับ

ปล.ที่ว่าฝากหิ้วนี้เค้าก็มีขั้นต่ำนะครับ มูลค่ารวมไม่เกินกี่บาท

ลักษณะที่เข้าข่ายของนำเข้าก็มีวิธีตีความตามดุลยพินิจเจ้าหน้าที่อีก หลายอย่าง

ผมว่าไม่ซับซ้อนนะนำเข้าของก็ต้องเสียภาษี
แหม่ทำด่าเค้ากะนำเข้ามาเยอะๆมาฟันราคาเจอภาษีแล้วสะดุ้งสิ

จริงๆแล้วถ้าศุลกากรตรวจเจอจะต้องเสียภาษีนะครับ เดี๋ยวนี้หลายๆสนามบินจะบังคับให้เอ็กเซร์กระเป๋าหมดเลย จะไม่มีช่องสิ่งของที่ต้องสำแดงและไม่สำแดงแยกออกจากกันแล้ว

หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบลักษณะสิ่งของที่น่าสงสัยจะต้องเปิดกระเป๋า และหากตรวจเจอของที่ต้องเสียภาษีนี่ต้องจ่ายเงินเลยนะครับ

ไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการคิดภาษีของกรมศุลกากรนะครับ อย่างเสียภาษี 30% ยังต้องมาเสีย vat อีก 7% แล้วคนรอบตัวที่โดนมาซื้อสินค้าลดราคา 50% มามีใบเสร็จทุกอย่างว่าซื้อราคาเท่านี้แต่พอมาโดนภาษีกลับโดนคิดจากราคาเต็ม จนสุดท้ายภาษีแพงเท่าราคาของเลย

ยิ่งคิดภาษีแพงคนยิ่งคอรัปชั่นกันเยอะ

หลายคนยังไม่เข้าใจโครงสร้างภาษีศุลกากรเท่าไหร่นัก

ส่วนมากเป็นเสื้อบอลไม่รู้ว่าโดนภาษีรึเปล่านะ

ต้องเรียนว่า กรมศุลกากรคิดภาษีจาก"ราคาซื้อ"ครับ
ถ้าท่านซื้อสินค้าลดราคา แม้ว่าจะ 90% เลยก็ตาม เก็บใบเสร็จไว้ครับ
ถ้าโดนเรียกประเมินภาษี เจ้าหน้าที่ก็ต้องใช้ราคานี้ในการประเมินเท่านั้นครับ

ส่วนเรื่อง VAT 7% เป็นเรื่องของสรรพากรล้วนๆ แค่ฝากให้กรมศุลฯเก็บให้นะ

เคยเห็นเพื่อนบอกว่าเอาใบเสร็จไปแย้ง ก็ไม่ได้ผลเพราะเขาไม่เชื่อถือใบเสร็จ แต่เชื่อราคาประเมินของเจ้าหน้าที่แทน ผมยังงงๆ

ถ้าเป็นการซื้อหน้าร้านตามช๊อปที่ลดราคา ท่านสามารถโต้แย้งได้ครับ
เจ้าหน้าที่จะใช้วิจารณญาณประเมินอากรอะไร ก็ต้องอยู่ให้พื้นฐานของหลักเกณฑ์การประเมินอากร ไม่สามารถคิดเอาเองตามใจชอบได้

มีช่องทางให้โต้แย้งอยู่ครับ ไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่บอกให้จ่ายเท่าไหร่ เราก็ต้องจ่ายเท่านั้น
เมื่อทำเรื่องแล้ว ก็ถกกันด้วยหลักฐาน ท่านมีหลักฐานยืนยันว่าซื้อมาเท่านี้จากหน้าร้านจริงๆ ตามหลักการแล้ว เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องรับราคานั้นด้วย

(ต่างจากส่วนลดทางการค้าสำหรับธุรกิจ ที่ถ้าสั่งซื้อสินค้าแล้วมี หมายเหตุต่างๆเช่น จ่ายเงินสด ลดกี่เปอร์เซ็นต์ จ่ายภายในกี่วันมีส่วนลดให้เท่าไหร่...อันนั้นต้องประเมินจากราคาเต็มครับ)

มันอยู่ที่ต้นทาง

Declare ของอะ

ตอบได้ชัดเจน เคลียร์ ย้อนกลับไปที่คนสั่ง รู้เรื่องบ้างรึเปล่า